The king of War - บทที่ 188 ท่านหงแห่งตระกูลเมิ่ง
สายตามองเห็นมีดเล่มนั้นกำลังจะแทงเข้าตำแหน่งหัวใจของหยางเฉิน แม้กระทั่งส่วนปลายยังสัมผัสชุดของหยางเฉินแล้ว
ความเร็วของเขาว่องไวมาก แต่หยางเฉินไวกว่า หมัดที่ทะลุออกมาตรงประตูนั้น ต่อยเข้าหน้าอกคนคนนั้นไปอย่างแรง
“ตึง!”
เสียงดังสนั่น จากนั้นมีเสียงกระดูกแตกร้าว ร่างกายของคนคนนั้นลอยออกไปโดยตรง
ร่างกายหยางเฉินวาร์ปหาย ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงข้างกายคนคนนั้น
ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันได้ส่งเสียงสักนิด เท้าข้างหนึ่งของหยางเฉินก็เหยียบลงบนคอเขาเรียบร้อย ลูกตาคนคนนั้นหดตัว เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ความจริงเขาไม่เข้าใจเลย ทั้งที่ตนเองไม่ได้ส่งเสียงออกไปสักนิดเดียว หลบอยู่ด้านหลังประตูห้องนอนมาโดยตลอด หยางเฉินเห็นตนเองเข้าได้อย่างไร
เวลานี้หยางเฉินมองเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น เป็นผู้ชายอายุสามสิบกว่าๆ ทั้งตัวเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมาก จากการลงมือที่โหดเหี้ยมเมื่อสักครู่ของเขา พอจะอธิบายได้ว่าฝีมือของเขาไม่ธรรมดา
ไม่เพียงแค่นี้ เขาต้องเคยฆ่าคนมามากมาย มีเพียงคนแบบนี้ ตอนที่ลงมือถึงได้คล่องแคล่วปราดเปรียวเช่นนี้ได้ โจมตีให้คนถึงที่ตาย
เมื่อสักครู่ถ้าไม่ใช่หยางเฉินรู้สึกถึงแรงอาฆาตบนตัวเขาได้ มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะโดนฝ่ายตรงข้ามทำร้าย
“บอกมา ใครเป็นคนส่งแกมา?”
หยางเฉินถามแบบเย็นชา ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหมายอาฆาตที่ดุเดือด
เขาออกแรงที่เท้าเล็กน้อย คนคนนั้นก็รู้สึกว่าคอของตนเองถูกแรงมหาศาลกดทับ เพียงแค่หยางเฉินคิด ก็สามารถเหยียบคอเขาจนหักได้
ความกลัวตายทำให้ผู้ชายตรงพื้นสีหน้าซีดเซียวถึงขีดสุด
“เป็นคนของตระกูลเมิ่งส่งฉันมา!”
ผู้ชายคนนั้นกัดฟันบอก โดนหยางเฉินเหยียบคอไว้ เสียงแหบแห้งอย่างยิ่ง
หยางเฉินหรี่ดวงตาขึ้นมานิดหน่อย ตระกูลเมิ่งอีกแล้วเหรอ ดูแล้วเป็นตนเองที่ปรานีต่อตระกูลเมิ่งเกินไป ถึงทำให้พวกเขายั่วยุตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า
“ฉันเป็นคนของตระกูลเมิ่ง ดีที่สุดแกปล่อยฉันกลับไป ไม่อย่างนั้นตระกูลเมิ่งต้องไม่ปล่อยแกไว้แน่ โดยเฉพาะที่ตระกูลเมิ่ง ยอดฝีมือที่ความสามารถแกร่งกว่าฉัน ยังมี……”
คนคนนั้นมองเห็นความเปลี่ยนแปลงในสายตาของหยางเฉิน คิดว่าหยางเฉินคงกลัวแล้ว จึงพูดจาด้วยท่าทางข่มขู่
“กึก!”
เพียงแต่คำพูดของเขายังไม่ทันจบ เท้าที่เหยียบอยู่บนคอเขาเอาไว้ข้างนั้นก็ออกแรงฉับพลัน เสียงกระดูกแตกหักกังวานดังขึ้น ผู้ชายคนนั้นตายตาไม่หลับ
“นี่คือครั้งสุดท้าย ถ้าตระกูลเมิ่งยังกล้ายั่วยุอีก งั้นคงได้แค่หายไป!”
หยางเฉินทำทุกอย่างนี้เสร็จ เหมือนว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น พูดจาแบบหน้าตานิ่งเฉย
เขาหยิบมือถือออกมา ต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่ง “ที่ห้องนอนของฉันมีศพอยู่ร่างหนึ่ง เอาไปทิ้งที่หน้าบ้านตระกูลจวง ถือโอกาสมาเปลี่ยนประตูห้องนอนบานหนึ่งด้วย อีกสองชั่วโมงฉันจะกลับมาถึงบ้าน!”
“ครับ!”
อีกฝ่ายตอบรับ
ตั้งแต่หยางเฉินเข้าบ้านมาจนถึงตอนนี้ ใช้เวลาเพียงแค่สองนาทีเท่านั้นเอง
“ในมือเสี่ยวยียังมีงานต้องทำอีกนิดหน่อย ให้พวกเราไปก่อนเลย ทำงานเสร็จแล้วหล่อนจะเข้าไป”
หยางเฉินเพิ่งขึ้นรถ ฉินซีมองเขาแล้วพูดขึ้น
“ได้!”
หยางเฉินพยักหน้า สตาร์ทรถขับออกไป
เมืองเจียงโจว ตระกูลจวง
ในคฤหาสน์เดี่ยวหลังหนึ่ง หน้าโต๊ะชาทำด้วยไม้จริงระดับสูง มีผู้อาวุโสผมหงอกที่สวมชุดสไตล์โบราณคนหนึ่งนั่งอยู่
ส่วนด้านข้าง เป็นทายาทรุ่นสองของตระกูลจวงที่โดดเด่นสุด จวงเซิ่ง
“ท่านหง ขอบคุณท่านมากเลยนะครับ ไม่อย่างนั้นภารกิจที่ผู้นำมอบหมายให้ผมนี้ ต้องไม่มีทางสำเร็จได้แน่ ผมขอใช้ชาแทนเหล้า มาดื่มให้ท่านสักแก้วครับ!”
จวงเซิ่งเทน้ำชาสองแก้ว ยื่นให้ผู้อาวุโสแก้วหนึ่ง ตนเองยกขึ้นแก้วหนึ่ง พูดจาด้วยความเคารพนอบน้อม
ท่านหงหัวเราะดังลั่น “นี่คือสิ่งที่สมควรทำอยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจ!”
พูดจบ ท่านหงยกแก้วชาขึ้นดื่มอึกหนึ่ง
“ท่านหงครับ คลิปวิดีโอนั้นท่านคงเคยดูเหมือนกัน เจ้าหมอนั่นอยู่ห่างไปหลายสิบเมตร ใช้ปากกาด้ามหนึ่งเขวี้ยงออกมาก็ฆ่าคนได้ ท่านคิดว่าด้วยฝีมือของเขา สำหรับพี่จ้าวแล้ว สามารถทนได้นานแค่ไหนครับ?”
จวงเซิ่งถามขึ้นฉับพลัน
ถึงแม้ว่าท่านหงจะมีท่าทางจริงใจมาโดยตลอด เขากลับยังไม่วางใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกมาต่อหน้าท่านหง
ท่านหงหัวเราะแบบเหยียดหยาม “ฝีมือระดับจิ๊บจ๊อยเท่านั้นเอง!”
ทันทีที่พูดจบ เขาคว้าช้อนเหล็กคันหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมา ถือโอกาสโบกไป แสงหนาวเหน็บแวบผ่าน
“ปัง!”
เสียงดังกังวาน บนประตูกันขโมยของคฤหาสน์นั้น ชั่วพริบตาเดียวเกิดรูทะลุรอยหนึ่ง
ในขณะนั้นดวงตาจวงเซิ่งเบิกโตขึ้น นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นด้วยตาตนเอง ยอดฝีมือที่ความสามารถยิ่งใหญ่
จากตำแหน่งที่พวกเขาอยู่กันนั้น ห่างกับประตูกันขโมยสิบห้าเมตรเต็มๆ ช้อนเหล็กมาอยู่ในมือท่านหงเสมือนเป็นลูกกระสุน ชั่วพริบตาเดียวทะลุผ่านประตูกันขโมยแล้ว
ประตูกันขโมยของคฤหาสน์ตระกูลจวงล้วนทำมาจากวัสดุผสมโลหะพิเศษ คาดไม่ถึงถูกช้อนเหล็กธรรมดาคันหนึ่งขว้างทะลุ ช่างมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
“ลูกศิษย์ของฉันก็สามารถทำแบบนี้ได้!”
ท่านหงหน้าตากระหยิ่มยิ้มย่อง ถึงแม้ไม่ได้ตอบคำถามของจวงเซิ่ง ทว่ากลับใช้ความจริงมาบอกกับเขาว่าลูกศิษย์ของตนเองเก่งกาจแค่ไหน
จวงเซิ่งถึงได้สติกลับมา ปาดเหงื่อบนหน้าผากลงแล้ว จากนั้นรีบพูดว่า “ท่านหงครับ เป็นผมกังวลมากไปเองครับ”
เวลาผ่านไปแต่ละนาที ตั้งแต่ลูกศิษย์ของท่านหงออกไปก็ผ่านมาสองชั่วโมงแล้ว แต่ยังคงไม่เห็นคนกลับมาเลย
แม้แต่ท่านหงยังรู้สึกว่าไม่ปกติอยู่บ้าง
“ท่านหง ทำไมพี่จ้าวถึงยังไม่กลับมาอีกครับ? ไม่อย่างนั้นลองโทรศัพท์หาเขาดู?”
จวงเซิ่งถามด้วยความระมัดระวัง
ท่านหงขมวดคิ้วแน่น บนหน้ามีความไม่พอใจระดับหนึ่ง “ทำไม? เพิ่งสองชั่วโมงเอง นายรอไม่ได้แล้ว?”
“ไม่ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แค่นึกไปถึงอาหารเย็น จะให้คนเตรียมอาหารเย็นไว้ให้ท่านดีหรือเปล่าครับ”
จวงเซิ่งตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี รีบอธิบายทันที
ท่านหงตอบอืมไป “นายให้คนเตรียมไว้ก่อนแล้วกัน!”
“ครับ!”
จวงเซิ่งรีบออกไปจากคฤหาสน์
รอจวงเซิ่งออกไป ท่านหงถึงโทรศัพท์ไปหาลูกศิษย์
แต่โทรศัพท์หาหลายครั้งติดกันแล้ว กลับอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครรับ
“ท่านหง แย่แล้วครับ!”
ในขณะนั้นจวงเซิ่งที่เพิ่งออกไป แวบเดียวก็พุ่งเข้ามาแล้ว หน้าตาเต็มไปด้วยความตกใจ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? ทำให้นายเสียมารยาทแบบนี้!”
ท่านหงพูดอย่างอารมณ์เสีย
“พี่ พี่จ้าว กลับมาแล้วครับ!”
ในสายตาจวงเซิ่งยังมีความตกใจกลัว
ท่านหงยังไม่ได้สำนึกว่าเกิดเรื่องขึ้น ส่งเสียงหัวเราะเยาะ “เขากลับมาไม่ใช่เรื่องปกติมากรึไง? หรือว่าช่วยพวกนายตระกูลจวงฆ่าคนแล้ว ยังต้องให้หยุดรออยู่ด้านนอกอีก? ให้เขามาเจอฉัน!”
“พี่ พี่จ้าว เขา เขาตายแล้ว!”
จวงเซิ่งกลืนน้ำลายลง เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พูดจาติดอ่าง
“อะไรนะ?”
ท่านหงรีบลุกขึ้นมาฉับพลัน หน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ลูกศิษย์ของเขามีความสามารถแบบไหน เขาย่อมรู้จักดีที่สุด ส่วนลูกศิษย์ที่ส่งไปฆ่าหยางเฉินยิ่งเป็นคนที่เขาภูมิใจมากที่สุดด้วย สืบทอดวิทยายุทธ์ของเขาไปทั้งหมด
แต่ตอนนี้จวงเซิ่งกลับบอกเขาว่าคนตายแล้ว
“ตายแล้ว? ใครตาย? นายบอกฉันมาอีกรอบสิ!”
ท่านหงวาร์ปตัว ชั่วพริบตาหนึ่งมาอยู่ตรงหน้าจวงเซิ่ง จับลำคอของเขาเอาไว้ ยกเขาขึ้นมาด้วยแขนข้างเดียว
จวงเซิ่งสีหน้าซีดเซียวแถบหนึ่ง ในลูกตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัว ถูกบีบลำคอไว้ เขาหายใจไม่สะดวกเอามากๆ จะสามารถพูดจาได้อย่างไร?
เสียง“ตึง”ดังขึ้น จวงเซิ่งโดนท่านหงทิ้งไปด้านข้าง
ท่านหงกัดฟันพูด “ถ้านายกล้าหลอกฉันแม้แต่คำเดียว ฉันเอานายตายแน่!”
ไม่นานท่านหงก็เห็นศพร่างหนึ่งแล้ว คือลูกศิษย์ที่เขาภูมิใจที่สุด บริเวณหน้าอกเสียรูปไปอย่างหนัก
ศีรษะของลูกศิษย์เอียงไปข้างหนึ่ง คอหักแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่โจมตีทีเดียวถึงชีวิตเลย
ดวงตาทั้งคู่ยังถลึงโต ในสายตาเต็มไปด้วยความหมดหวัง
ทุกอย่างนี้ล้วนแสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้เขาได้รับความเจ็บปวดและความหวาดกลัวอย่างมาก