The king of War - บทที่ 1907 การสืบทอดของเทพนักบู๊
หลังจากที่ได้รู้อดีตของตู้จ้ง หยางเฉินถึงได้รู้ความบาดหมางระหว่างเขากับตู้ป๋อ ก็อย่างที่ตู้จ้งว่า ถ้าตอนนั้นเขายืนอยู่ในจุดเดียวกับตู้ป๋อ เขาก็จะเลือกแบบเดียวกับตู้ป๋อเหมือนกัน
เพียงแต่ การเลือกแบบนี้ มันก็เป็นเหตุให้ภรรยาอันเป็นที่รักของตู้จ้งต้องตายไปเหมือนกัน
หยางเฉินหันมองตู้จ้ง แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “แต่สุดท้าย คุณก็ยังทำเพื่อผม ผิดคำสาบานของตัวเอง ต้องขอโทษจริงๆ ครับ!”
ตู้จ้งส่ายหน้า จู่ๆ ก็มองหยางเฉินด้วยสายตาที่เร่าร้อน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่คาดหวังว่า “เพราะได้พบกับคุณ จึงทำให้ผมมองเห็นความหวังที่จะได้แก้แค้น”
“พูดตรงๆ การที่ครั้งนี้ผมเหยียบย่ำมาที่สำนักบู๊
เพื่อตามหายาที่สามารถช่วยชีวิตคุณได้นั้น ก็เพราะความหวังที่จะช่วยคุณให้หายดีกลับมา ผมในตอนนี้ ก็แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลายเท่านั้น ถ้าคิดจะแก้แค้น มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย”
“ดังนั้น ผมอยากขอร้องคุณให้แก้แค้นให้ผม จากนี้ชีวิตของตู้จ้งคนนี้ เป็นของคุณ!”
พูดจบ ตู้จ้งก็คุกเข่าทั้งสองข้างลงพื้น
เสียง “ตุบ” ดังขึ้น ราวกับพื้นดินกำลังสะเทือน
ดวงตาของตู้จ้งแดงก่ำ จ้องมองไปที่หยางเฉินแล้วพูดว่า “คุณหยาง ขอให้คุณช่วยแก้แค้นให้ผมด้วย!”
พอเห็นอย่างนั้น หยางเฉินก็ถึงกับงง รีบก้าวไปข้างหน้า แล้วพยุงตู้จ้งขึ้นมาจากพื้น
หยางเฉินพูดว่า “ท่านตู้ คุณอย่าทำแบบนี้ ถึงจะให้ผมช่วยแก้แค้น ก็ควรบอกรายละเอียดของศัตรูให้ผมหน่อยจริงมั้ย?”
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักกับตู้จ้ง หยางเฉินก็รู้แล้วว่าหยางเฉินเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพ
ถึงตู้จ้งจะหวังให้รักษาหยางเฉินจนหาย จากนั้นก็ใช้บุญคุณครั้งนี้ของหยางเฉินให้ช่วยแก้แค้น แต่หยางเฉินก็รู้ดี ถ้าไม่ใช่เพราะตู้จ้งไม่มีทางเลือก แล้วจะใช้วิธีแบบนี้มาขอร้องเขาได้ยังไง?
พอตู้จ้งได้ยินที่หยางเฉินพูด ก็ทำให้ตื้นตัน “คุณรับปากแล้วเหรอ?”
หยางเฉินพูดอย่างจนใจว่า “ขอแค่ผมทำได้ ผมก็จะช่วยแก้แค้นให้คุณแน่นอนครับ!”
เขาพูดอย่างแน่วแน่ มันก็ถือเป็นการทำให้ตู้จ้งมั่นใจเหมือนกัน
ตู้จ้งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป และได้ร้องไห้ฟูมฟายออกมา “เมียจ๋า เธอได้ยินรึยัง? คุณหยางรับปากที่จะช่วยแก้แค้นให้เธอแล้ว วิญญาณของเธอที่อยู่บนสวรรค์ ต้องช่วยคุ้มครองคุณหยางให้ดีนะ!”
หลังจากที่ร้องไห้เสร็จ ตู้จ้งก็เริ่มบอกรายละเอียดของศัตรูให้หยางเฉินฟัง
“ภูเขาวมารเมื่อสามสิบปีก่อน ยังไม่มีกองกำลังผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้าแห่งภูเขาวมาร แต่มีแค่สามกองกำลังเท่านั้น นอกจากสำนักบู๊
กับกามิ กาโสะแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกองกำลังที่เรียกว่าหุบเขาสายฟ้า”
“หุบเขาสายฟ้าต้องการที่จะควบคุมความยิ่งใหญ่ของสำนักบู๊
ก็ได้จ้างนักฆ่ามาจับตัวภรรยาของผมไป เพื่อบังคับให้สำนักบู๊
ยกเลิกการเปิดหอบรรพบุรุษในปีนั้น”
“หลังจากที่ผมรู้ตัวคนร้าย ก็เคยคิดที่จะไปสู้ตายกับหุบเขาสายฟ้าอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยความที่ตัวเองอ่อนแอเกินไป ต่อให้ไปที่หุบเขาสายฟ้า ก็มีแต่จะไปตาย”
“ว่าแล้ว ผมก็ออกจากสำนักบู๊
แล้วเริ่มฝึกวิชาคนเดียวอย่างบ้าคลั่ง ถึงผมจะพยายามอย่างหนักแล้วก็ตาม แต่พรสวรรค์มันก็จำกัด สุดท้ายจนอายุปูนนี้ ก็ยังบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าไม่ได้ จากสภาพของผมตอนนี้ ถ้าชาตินี้คิดจะแก้แค้น คงไม่มีหวังแล้ว”
“จนได้มาเจอคุณ ในใจก็เกิดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมา นั่นก็คือการแก้แค้นผ่านคุณ!”
ในใจของหยสงเฉินรู้สึกซับซ้อน เขานึกไม่ถึงว่าการที่ตู้จ้งทำดีกับเขาขนาดนี้ กลับมีแผนอยู่ด้วย
ตู้จ้งรีบพูดต่อว่า “คุณหยาง คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมยอมรับว่าอยากยืมมือคุณมาช่วยแก้แค้น แต่ผมสาบาน ผมไม่เคยคิดที่จะบังคับคุณมาก่อน ต่อให้คุณปฏิเสธ ผมก็ไม่มีทางโกรธคุณแน่นอน
หยางเฉินพยักหน้า “ผมเชื่อคุณ!”
เข้ารู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่มันก็พอเข้าใจได้ แค่เรื่องที่ตู้จ้งพยายามฝึกหนักพยายามหาโอกาสเพื่อแก้แค้นให้ภรรยาผู้ล่วงลับ ก็น่านับถือมากแล้ว
ขอแค่เขาสามารถทำได้ ก็ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน
ตู้จ้งทำหน้าตื้นตัน “ขอบคุณครับ!”
หยางเฉินถามไปว่า “หุบเขาสายฟ้าที่คุณพูดถึง ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? ทำไมในภูเขาวมาร ผมไม่เคยได้ยินชื่อกองกำลังนี้มาก่อนเลย?”
ตู้จ้งพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “เมื่อสิบปีก่อน จู่ๆหุบเขาสายฟ้าก็ได้ยุบไป ส่วนเจ้าแห่งหุบเขาสายฟ้าเหลยป้า เมื่อสิบปีที่แล้ว ได้เปิดศึกครั้งใหญ่กับตู้ป๋อ ถือโอกาสนั้นบรรลุถึงแดนนภา ถูกตระกูลบู๊โบราณตระกูลหนึ่งเห็นแวว ว่ากันว่าไปเป็นผู้อาวุโสนอกอยู่ที่กองกำลังนั้น”
“และการต่อสู้ในครั้งนั้น มันก็ทำให้ ตู้ป๋อบาดเจ็บสาหัส เป็นเวลากว่าสิบปีที่วิถีบู๊ของเขาไม่มีอะไรเก้าหน้าเลย ตอนนี้ก็ป่วยหนักไปแล้ว ถ้าวิถีบู๊ยังไม่บรรลุ คาดว่าคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว”
หยางเฉินเพิ่งได้รู้ว่า การที่ตู้ป๋อบาดเจ็บสาหัสเพราะผลจากการต่อสู้กับ เหลยป้า
แต่เมื่อสิบปีก่อนเหลยป้าก็บรรลุถึงแดนนภาแล้ว ตอนนี้ผ่านไปสิบปี แถมยังอยู่ในกองกำลังโบราณ ฝีมือของเหลยป้าจะแข็งแกร่งขนาดไหนแล้ว?
หยางเฉินพูดว่า “ท่านตู้ ตอนนี้ผมเป็นแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางเท่านั้น ถึงจะอยากช่วยแก้แค้นให้คุณ ก็ทำไม่ได้อยู่ดี!”
ตู้จ้งรีบตอบกลับว่า “ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย! ผมรอมาสามสิบปีแล้ว และไม่สนใจว่าต้องรอนานแค่ไหน ด้วยพรสวรรค์ที่ผมมี การที่ชาตินี้จะบรรลุให้ถึงแดนนภาคงเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“แต่คุณไม่เหมือนกัน อายุแค่ยี่สิบแปด วิถีบู๊ก็บรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางแล้ว แม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดทั่วไปก็ใช่ว่าจะสู้คุณได้ ผมเชื่อว่าขอแค่ให้เวลาคุณอีกไม่กี่ปี คุณต้องบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ได้แน่”
“ด้วยพรสวรรค์ของคุณ การจะก้าวข้ามเหลยป้าก็อยู่ที่เวลาเท่านั้น”
“ผมแค่หวังว่า ในสักวัน ถ้าคุณแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าเหลยป้าได้แล้ว ค่อยช่วยผมฆ่าเหลยป้าซะ”
พอได้ฟังตู้จ้งพูดมาอย่างนั้น หยางเฉินก็พยักหน้า แล้วพูดรับปากว่า “ได้ครับ ผมรับปาก! เมื่อไหร่ที่ผมแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าเหลยป้าได้ ผมจะเด็ดหัวเขาอย่างแน่นอนครับ”
ตู้จ้งแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นและตื้นตันออกมาทันที คำพูดมากมาย สุดท้ายก็กลั่นกรองออกมาเป็นสองพยางค์ว่า “ขอบคุณ!”
พออารมณ์ของตู้จ้งกลับมาเป็นปกติแล้ว หยางเฉินจึงได้ถามไปว่า “การสืบทอดแห่งเทพนักบู๊ของสำนักบู๊คืออะไรเหรอครับ?”
ตู้จ้งอธิบาย “ผู้ก่อตั้งของสำนักบู๊ถูกคนรุ่นหลังเรียกว่าเทพนักบู๊ และการสอบทอดของเทพนักบู๊ ก็คือการสืบทอดที่เขาทิ้งไว้ให้ว่ากันว่าเมื่อร้อยปีก่อนก็ได้บรรลุถึงแดนนภาแล้ว ตอนนี้ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวิถีบู๊และท่องไปทั่วโลกแล้ว
“ตอนที่ได้รับการสืบทอดจากเทพนักบู๊ จะมีแสงแห่งเทพสาดส่องมายังผู้สืบทอด หลังจากที่ได้รับแสงแห่งเทพเข้าไปในร่างกาย ร่างกายของผู้สืบทอดจะได้รับการหล่อหลอม ฝีมือจะแข็งแกร่งไปอีกขั้น”
“ด้วยความสามารถของคุณตอนนี้ ที่เทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดแล้ว ถ้าคุณได้รับการสืบทอดจากเทพนักบู๊ฝีมือต้องเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถึงตอนนั้น รองจากแดนนภา คงไม่มีใครสู้คุณได้อีกแล้ว”
หยางเฉินรู้สึกตกใจ เขารู้ว่าในกองกำลังโบราณบางที่มีการสืบทอดที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง นึกไม่ถึงว่าในสำนักบู๊ก็จะมีการสืบทอดโบราณแบบนี้เหมือนกัน
ในเมื่อร้อยปีที่แล้วเทพนักบู๊ได้บรรลุถึงแดนนภาแล้ว การสืบทอดที่เขาทิ้งไว้ จะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
หยางเฉินรู้สึกอยากรู้ขึ้นมาทันที