The king of War - บทที่ 1909 เหรียญแห่งโชคชะตา
ไม่นาน ทั่วทั้งภูเขาวมารก็ตกอยู่ในความโกลาหล เพราะสำนักบู๊กับกามิ กาโสะแห่งห้ากองกำลังใหญ่ของภูเขาวมารได้เริ่มไล่ล่าคนคนหนึ่งพร้อมกัน
แถมค่าตอบแทนที่ทั้งสองกองกำลังให้ก็สูงมากถ้าสามารถแจ้งเบาะแสของเนี่ยชิวได้ กามิ กาโสะมีค่าตอบแทนเป็นยาระดับสูงหนึ่งเม็ด ถ้าสามารถสังหารเนี่ยชิวได้ ก็จะได้รับรางวัลใหญ่เป็นยาระดับสูงสิบเม็ด
ส่วนข้อมูลของเนี่ยชิว กามิ กาโสะได้เผยแพร่ไปนานแล้ว พูดได้เลยว่าตอนนี้ผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ของภูเขาวมารต่างก็มีข้อมูลของเนี่ยชิวอยู่ในมือหมดแล้ว
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดแทบทุกคนในภูเขาวมาร ต่างกำลังตามหาเนี่ยชิว แถมผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดหลายคนได้รวมเป็นทีมกันแล้ว เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือสังหาร เนี่ยชิว
ในเวลาเดียวกัน ถ้ำแห่งหนึ่งในภูเขาวมาร
หม่าชาวนั่งอยู่กับชายชราที่ผมทั้งขาวทั้งยาวคนหนึ่ง แววตาของหม่าชาวมีแต่ความโกรธเกรี้ยว ส่วนสีหน้าของชายชรากลับมีแต่ความดูแคลน
ชายชราผมยาวสีขาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นเนี่ยชิวที่กามิ กาโสะกับสำนักบู๊กำลังไล่ล่าอยู่นั่นเอง
หม่าชาวพูดด้วยความโมโหว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบปล่อยฉันไป ถ้าพี่เฉินของฉันรู้ว่าแกทำแบบนี้กับฉัน เขาไม่มีทางปล่อยแกไปแน่”
เนี่ยชิวยิ้มเยาะ “พี่น้องของแก น่าจะอายุพอๆ กันสินะ? มันเก่งมากเลยเหรอ?”
หม่าชาวพูดอย่างมั่นใจว่า “เก่งมาก! เขาแกร่งพอที่จะฆ่าแกได้!”
เนี่ยชิวได้หัวเราะออกมาทันที “แกรู้รึเปล่าว่าวิถีบู๊ของฉันอยู่แดนไหนแล้ว?”
หม่าชาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “ในเมื่อพี่เฉินช่วยตามหาผู้แข็งแกร่งที่มีพลังในการผนึกให้ฉัน ก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดอยู่แล้ว”
เนี่ยชิวพูดไปขำไป “ในเมื่อรู้ว่าฉันเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอด แล้วยังคิดว่ามันจะฆ่าฉันได้อีกเหรอ?”
หม่าชาวขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “แกไม่รู้หรอกว่าพี่เฉินแข็งแกร่งแค่ไหน”
เนี่ยชิวรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที พูดไปขำไปว่า “แกลองพูดให้ฟังหน่อยซิ ว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน? ถ้าแกกล้าโกหกฉันแม้แต่นิดเดียว ฉันจะหักคอแกเดี๋ยวนี้”
หม่าชาวพูด “พี่เฉินอายุแค่ยี่สิบแปด ก็บรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางแล้ว แต่ตอนที่เขาอยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นสุดยอด ก็เคยรอดพ้นเงื้อมมือของผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดมาแล้ว”
“ถึงเขาจะอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดทั่วไปก็ไม่มีทางสู้เขาได้แน่นอน”
สองตาของเนี่ยชิวหรี่เล็กลง จ้องเขม็งไปที่หม่าชาวแล้วพูดว่า “นี่แกรีบร้อนไปตายขนาดนี้เลยเหรอ?”
สีหน้าของหม่าชาวไม่มีความเกรงกลัวแต่อย่างใด แล้วพูดอย่างภูมิใจว่า “ทุกอย่างที่ฉันพูดมาเป็นความจริง จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่แก ถ้าคิดว่าฉันโกหกแล้วอยากฆ่าฉัน ก็เชิญเลย!”
เนี่ยชิวไม่ได้พูดอะไร สายตาเป็นประกาย
การที่เขายังเก็บหม่าชาวไว้ ก็เพราะกังวลกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังหม่าชาว
เขาสามารถรับรู้ได้ว่า หม่าชาวที่อายุเพิ่งยี่สิบหกยี่สิบเจ็ด แต่แดนวิถีบู๊กลับบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดแล้ว
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดที่อายุน้อยขนาดนี้ เขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
ประเด็นคือ หม่าชาวยังมียาระดับสูงติดตัวอีกสามสิลเม็ด
วิถีบู๊ที่เก่งกาจขนาดนี้ จะไม่มีกองกำลังที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลังได้ยังไง?
ถ้าคิดจะฆ่าหม่าชาวก็ง่ายแสนง่าย ราวกับเหยียบมดตัวหนึ่ง แต่หลังฆ่าหม่าชาวไปแล้วล่ะ? คนที่อยู่เบื้องหลังหม่าชาวจะยอมปล่อยเขาไปมั้ย?
เพราะกังวลกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังหม่าชาวจึงยังไม่ได้ลงมือฆ่าหม่าชาวสักที
ตอนนี้ หม่าชาวกลับบอกว่ายังมีพี่น้องอีกคนที่มีพรสวรรค์ในวิถีบู๊ที่สูงกว่า อายุยังไม่ถึงสามสิบ ก็บรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางแล้ว
ดูจากท่าทางของหม่าชาวก็ไม่เหมือนโกหก หรือว่า ในโลกใบนี้จะมีผู้มีพรสวรรค์ระดับปีศาจจริงๆ?
ผู้มีพรสวรรค์แบบนี้ ต้องมาจากตระกูลบู๊โบราณอย่างแน่นอน แถมเป็นกองกำลังโบราณที่อยู่บนจุดสูงสุดด้วย
เหมือนหม่าชาวจะมองความกังวลของเนี่ยชิวออก จึงรีบพูดต่อว่า “ถ้าแกปล่อยฉันไปตอนนี้ ความแค้นระหว่างเราถือว่าหายกันส่วนยาที่แกแย่งไปจากฉัน ก็ถือว่าเป็นของกำนัลให้แกแล้วกัน เอามั้ย?”
ถึงหม่าชาวจะไม่กลัว แต่ก็ไม่อยากตาย ยังมีอ้ายหลิงกับเสี่ยวจิ้งอานรอเขาอยู่ที่บ้าน
การเดินทางมาภูเขาวมารครั้งนี้ แค่เริ่มต้น เขาก็เจอปัญหาใหญ่แบบนี้เข้าแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นริงๆ มันจะน่าอึดอัดไม่น้อยเลย
เขารู้ดีว่าหลังจากที่หยางเฉินรู้เรื่อง ต้องตามหาเขา และต้องหาเจออย่างแน่นอน แต่เขาไม่อยากพึ่งพาหยางเฉินไปทุกครั้ง เขาอยากหนีด้วยความสามารถของตัวเอง ไม่อย่างนั้น ต่อไปเขายังจะมีสิทธิ์อะไรให้ฝึกที่ภูเขาวมารต่อ?
ถึงตอนนั้น ต่อให้เขาจะอยากฝึกต่อที่ภูเขาวมาร หยางเฉินก็คงไม่ยอมแล้วมั้ง?
หลังฟังที่หม่าชาวพูด เนี่ยชิวก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “แกคิดว่า ฉันจะเชื่อแกมั้ย?”
หม่าชาวจงใจพูดอย่างแน่วแน่ว่า “เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่แก! ถ้าปล่อยฉันไปตอนนี้และช่วยผนึกพลังในตัวฉันให้ ฉันไม่เพียงไม่โกรธแค้น แต่ยังจะรู้สึกซาบซึ้งด้วย”
“ฉันคิดว่า มันเป็นตัวเลือดที่ง่ายมาก อยู่ที่ว่าแกจะเลือกแบบไหนเท่านั้น”
“แน่นอนว่า ถ้าแกคิดจะฆ่าฉัน ก็ไม่เป็นไร มาฆ่าได้เลย เพียงแต่ หลังฆ่าฉัน แล้วแกจะได้ประโยชน์ขนาดไหน? ไม่เพียงไม่ได้ประโยชน์อะไร กลับกัน ยังจะถูกผู้แข็งแกร่งระดับสูงมากมายตามล่า แกคงไม่อยากใช้ชีวิตหลังจากนี้ในการที่เอาแต่หลบหนีหรอกมั้ง?”
“เพื่อยาสามสิบเม็ด แกเลือกตัดการติดต่อกับแพลตฟอร?มของกามิ กาโสะเอง ถ้าฉันเดาไม่ผิด กามิ กาโสะน่าจะเริ่มไล่ล่าแกแล้วใช่มั้ย?”
“ถ้าแกยอมปล่อยฉัน ฉันจะให้ความร่วมมือกับแก บอกทางแพลตฟอร์มว่าเครื่องสื่อสารเกิดขัดข้อง แกไม่ได้คิดจะทำร้ายฉันและไม่ได้จะแย่งยาในมือฉัน แต่เป็นเพราะต้องการจัดการต้องจัดการกับปัญหาในตัวฉันเลยต้องหาที่ซ่อนตัวเพื่อผนึกพลังในตัวฉัน”
พูดจบ หม่าชาวก็ไม่พูดอะไรอีก จ้องมองเนี่ยชิวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
ครั้งนี้ เนี่ยชิวไม่ได้เถียงกลับหม่าชาวทันที พร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด
การที่เขาเลือกตัดการติดต่อกับกามิ กาโสะ เพราะอยากได้ยาที่อยู่กับหม่าชาว
ถ้าเกิดว่าหม่าชาวยอมยกยาทั้งสามสิบเม็ดให้เขา และยังเต็มใจช่วยอธิบายกับกามิ กาโสะแล้ว สำหรับเขา มันก็เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ เหมือนกัน
แต่ประเด็นคือ ตอนนี้หม่าชาวจะช่วยเขาจริงๆ มั้ย?
ถ้าเกิดว่า หลังจากได้เจอผู้แข็งแกร่งของกามิ กาโสะ หม่าชาวดันบอกความจริงไปล่ะ?
ถึงตอนนั้น เขายังจะมีทางรอดมั้ย?
ต้องรู้ว่า ในภูเขาวมาร กามิ กาโสะถือเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด คนของกามิ กาโสะมีอยู่ทั่วภูเขาวมารนอกจากเขาจับปิดบังตัวตน ชีวิตต่อจากนี้ไม่ออกมาอีก ไม่อย่างนั้น กามิ กาโสะไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่นอน
ถึงตอนนั้น ไม่ใช่แค่กามิ กาโสะ ยังมีกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังหม่าชาวก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน
พอคิดได้อย่างนั้น เนี่ยชิวก็ทำหน้าขัดขืน ตอนนี้เขากำลังลังเลมาก ไม่รู้ว่าควรเลือกทางไหนดี
ผ่านไปพักใหญ่ เนี่ยชิวถึงมองไปที่หม่าชาว หยิบเหรียญขึ้นมาเหรียญหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “ฉันรู้ว่าการปล่อยแกไปมันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ก่อนหน้านั้น แกต้องยอมช่วยฉันจริงๆ แต่ว่า ฉันไม่เชื่อใจแก”
“เมื่อเป็นแบบนั้น ฉันจะใช้เหรียญนี้ช่วยฉันเลือก ถ้าตัวเลขอยู่บน ฉันจะเชื่อใจแก ถ้าตัวเลขอยู่ล่าง ฉันก็จะฆ่าแกเดี๋ยวนี้”