The king of War - บทที่ 1919 หม่าชาวงงแล้ว
ผ่านไปตั้งนานเนี่ยชิวก็ยังตั้งสติจากความลับที่ลี่เฉินเล่าให้ฟังได้ สีหน้ามีแต่ความตกใจ
ผู้แข็งแกร่งในโลกภายนอกต่างรู้ว่ามีโลกบู๊โบราณอยู่ แต่ไม่มีคนรู้ว่าโลกบู๊โบราณได้แอบชิงชี่ทิพย์ของทั้งจิ่วโจวไป ทำให้โลกบู๊โบราณรุ่งโรจน์ได้ขนาดนี้ หันมองมาที่โลกภายนอก ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนไหนที่บรรลุถึงแดนนภา จะถูกพันมิตรพิทักษ์พาไปโลกบู๊โบราณจนหมด
ผ่านไปพักใหญ่ เนี่ยชิวถึงตั้งสติได้ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่โมโหว่า “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าคนพวกนั้นจะเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้ เดิมก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ววิถีบู๊แล้ว กลับดูดชี่ทิพย์ทั้งหมดของจิ่วโจวเข้าไปไว้ในโลกบู๊โบราณเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”
“คนพวกนี้มันโจรชัดๆ โจรที่แอบขโมยชี่ทิพย์ของโลกภายนอกไป!”
พอได้เห็นการแสดงออกของเนี่ยชิว ลี่เฉินก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณพูดถูกแล้ว พวกนั้นมันเป็นโจร เป็นโจรที่ขโมยทรัพยากรในการฝึกตนของโลกภายนอกไป!”
เนี่ยชิวถาม “ผมได้ยินมาว่า โลกบู๊โบราณไม่ได้เป็นโลกบู๊โบราณอย่างที่โลกภายนอกเข้าใจใช่มั้ยครับ?”
ลี่เฉินพยักหน้า “แม้แต่ในโลกบู๊โบราณ ก็ไม่ได้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน จากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โลกบู๊โบราณก็ถูกแบ่งออกเป็นสามแดน แดนบน แดนกลางและแดนล่าง ฟังแล้วอาจดูลึกลับ ความจริงมันคือการแบ่งแยกโลกบู๊โบราณอีกครั้ง”
“ตั้งแต่ที่จิ่วโจวถูกแบ่งเป็นสองส่วน ในโลกบู๊โบราณก็เคยมีผู้แข็งแกร่งชั้นแนวหน้ามากมาย ถ้าไม่ร่วงโรย ก็ถูกผู้แข็งแกร่งคนอื่นแซงหน้า ด้วยเหตุนี้ เหล่าผู้นำชุดใหม่ที่ขึ้นมาบนจุดสูงสุด ได้แบ่งโลกบู๊โบราณออกเป็นสามส่วน”
“ในนั้น แดนบนชี่ทิพย์เข้มข้นที่สุด แดนกลางรองลงมา สุดท้ายก็แดนล่าง สิ่งที่สอดคล้องกันคือ นักสู้ในแดนบนจะมีคุณภาพกว่าแดนกลางมาก แดนกลางก็ดีกว่าแดนล่าง”
“ส่วนโลกบู๊โบราณที่โลกภายนอกพูดถึง มันก็แค่แดนล่าง หนึ่งในสามแดนที่อ่อนแอที่สุดของโลกบู๊โบราณเท่านั้น”
“ส่วนผู้แข็งแกร่งของแดนกลางและแดนบน ไม่ได้เหลียวแลโลกภายนอกเลยสักนิด ไม่มีทางมาข้องเกี่ยวกับโลกภายนอกอย่างแน่นอน”
เนี่ยชิวได้ถูกความลับของโลกบู๊โบราณอันแล้วอันเล่าทำให้ตกใจจนไม่รู้จะตกใจยังไงแล้ว
จู่ๆ เขาก็ถามไปด้วยความสงสัยว่า “ถ้าอย่างนั้น นอกเหนือจากโลกบู๊โบราณล่ะครับ? ยังมีกองกำลังที่แข็งแกร่งกว่าอีกมั้ยครับ?”
ลี่เฉินได้ยิ้มออกมาทันที “คำถามของคุณ ผมไม่สามารถตอบได้ เพราะตอนนี้ผมเพิ่งบรรลุถึงแดนนภาไม่นาน แม้แต่โลกบู๊โบราณแดนล่างยังไม่เคยไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกองกำลังที่นอกเหนือจากโลกบู๊โบราณทั้งสามแดนเลย”
พูดถึงตรงนี้ ลี่เฉินก็เปลี่ยนประเด็น “แต่ ผมคิดว่า นอกจากโลกบู๊โบราณที่สามแดนแล้ว ต้องมีกองกำลังที่แข็งแกร่งกว่าอยู่แน่ต้องมีผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า โลกนี้กว้างใหญ่มาก และลึกลับด้วย มีปรากฏการณ์หลายอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้แค่ตอนนี้พวกเราอ่อนแอมาก จึงไม่สามารถเข้าถึงโลกที่ใหญ่กว่านี้ได้”
พอได้ฟังที่ลี่เฉินพูด แววตาของเนี่ยชิวก็เต็มไปด้วยความหวัง เขารู้สึกว่าแดนวิถีบู๊ของตนได้พัฒนาไปอีกขั้นเหมือนสัมผัสถึงธรณีประตูของแดนนภาแล้ว แค่ธรณีประตูนี้ยังค่อนข้างเลือนรางเท่านั้น
“ยินดีด้วย!”
ลี่เฉินมองการเปลี่ยนแปลงในตัวเนี่ยชิวออก จึงพูดด้วยรอยยิ้ม
เนี่ยชิวคำนับลี่เฉินอย่างสุดซึ้ง แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ฟังคำจากผู้มีประสบการณ์มีค่ามากกว่าอ่านหนังสือสิบปี! ถ้าประมุขลี่ไม่เล่าความลับของโลกบู๊โบราณให้ผมฟัง ผมก็ไม่มีทางเข้าใจในวิถีบู๊ไปอีกขั้นหรอกครับ”
ทันใดนั้นเอง หม่าชาวที่นอนอยู่บนเตียงหินมาโดยตลอดก็ได้ลืมตาขึ้น
“ฟื้นแล้วเหรอ?”
ลี่เฉินรีบเดินไปข้างเตียง จ้องมองหม่าชาวด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มแห่งความเมตตา
“คุณเป็นใคร?”
พอเห็นคนแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้า หม่าชาวก็รีบลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับสีหน้าที่หวาดระแวง
แถมด้านหลังของลี่เฉินเขายังเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอีก เป็นตาแต่บัดซบที่ต้องการฆ่าเขา จนบีบให้เขาต้องทำลายผนึกของลูกแก้วดูดเลือดออก สุดท้ายก็สูญเสียสติไป
ลี่เฉินหรี่ตาแล้วพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “ฉันชื่อลี่เฉิน! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอก็คือศิษย์คนสุดท้ายของฉัน และเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของสำนักมาร!”
หม่าชาวได้ยินแล้วถึงกับงง ตาแก่ตรงหน้าที่ดูไม่ธรรมดาคนนี้เป็นคนของสำนักมารอย่างนันเหรอ?
ลี่เฉิน?
ทำไมชื่อนี้มันฟังดูคุ้นจัง?
เหมือนเราเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน?
หม่าชาวที่เพิ่งตื่นขึ้นมา ยังคงสับสน ในหัวมีแต่ความสงสัย
แล้วเนี่ยชิวก็ได้พูดออกมาว่า “หม่าชาว ท่านนี้คือผู้นำของสำนักมารหนึ่งในห้ากองกำลังใหญ่แห่งภูเขาวมาร ประมุขลี่เป็นคนช่วยแกไปจากมือฉัน ไม่เพียงเท่านั้น เขายังผนึกลูกแก้วดูดเลือดในตัวแกให้แล้ว”
“แกยังไม่รีบขอบคุณอาจารณ์อีก?”
พอได้ฟังที่เนี่ยชิวพูด หม่าชาวถึงค่อยๆ ดึงสติกลับมาจากความสับสนได้
เขามองไปยังลี่เฉินที่กำลังมองเขาด้วยใบหน้าที่มีแต่ความเมตตา บวกกับคำพูดของเนี่ยชิว ทำให้เขาช็อกไปทันที
หม่าชาวถามด้วยสีหน้าที่เกินคาดว่า “คุณเป็นผู้นำของสำนักมารหนึ่งในห้ากองกำลังใหญ่แห่งภูเขาวมาร ลี่เฉินจริงๆ เหรอครับ?”
ลี่เฉินพยักหน้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงเดี๋ยวชดใช้ให้! ตอนนี้ที่ที่เธออยู่ก็คือ สำนักมาร”
พอเห็นลี่เฉินยังพูดต่อ หม่าชาวจึงรีบถามไปว่า “เดี๋ยวครับ! ให้ผมตั้งสติก่อน จู่ๆ ผมก็รู้กว่าตัวเองกำลังฝันอยู่”
ลี่เฉินไม่ได้ใส่ใจการเสียมารยาทของหม่าชาวแม้แต่น้อย ยืนยิ้มอยู่ข้างเตียงหิน รอการตอบสนองของหม่าชาว
ผ่านไปพักหนึ่ง หม่าชาวก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาหันมองลี่เฉินด้วยสีหน้าที่ตกใจแล้วพูดไปว่า “เนี่ยชิวจะฆ่าผม จากนั้นคุณก็ช่วยผมไว้ และยังช่วยผนึกลูกแก้วดูดเลือดในตัวผมด้วย ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังพาผมมาที่สำนักมารตอนนี้คุณก็จะให้ผมเป็นผู้สืบทอดของคุณ? ผมพูดถูกมั้ย?”
ลี่เฉินพยักหน้า พร้อมหยิบป้ายอาญาสิทธิ์สีดำออกมา บนป้ายสลักคำว่า “มาร” ไว้หนึ่งตัว
ลี่เฉินโยนป้ายอาญาสิทธิ์นั้นให้หม่าชาว แล้วพูดว่า “นี่เป็นป้ายอาญาสิทธิ์ของบุตรแห่งมารของสำนักมารและเป็นสิ่งยืนยันตำแหน่ง ในสำนักมารบุตรแห่งมารก็คือผู้สืบทอดของสำนักมารเมื่อมีป้ายอาญาสิทธิ์นี่ ฐานะในของเธอในสำนักมารก็จะพอๆ กับฉัน”
หม่าชาวรับป้ายอาญาสิทธิ์มา ทันใดนั้นก็มีออร่าอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาจากป้ายนั้น
เขาจ้องมองไปยังตัวอักษร “มาร” ตัวใหญ่บนป้าย แล้วสัมผัสถึงเจตจำนงแห่งวิถีบู๊อันแรงกล้าจากตัวอักษรนั่น
ลี่เฉินพูด “นี่เป็นตัวอักษรที่ผู้แข็งแกร่งแดนนภาสลักไว้ ในนั้นอุดมไปด้วยเจตจำนงแห่งวิถีบู๊ของผู้แข็งแกร่งแดนนภา เธอพกติดตัวไว้ มันจะส่งผลดีต่อการฝึกของเธอมาก”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็ได้ชี้ไปยังเนี่ยชิวที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดกับหม่าชาวต่อว่า “อีกอย่าง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเนี่ยชิวก็คือผู้พิทักษ์ของเธอ เขาจะคอยปกป้องการเจริญเติบโตที่ไม่หยุดนิ่งของเธอ”
“ต่อไป ถ้าเธอมีปัญหาอะไรที่ไม่สามารถจัดการได้ ก็ไปขอให้ เนี่ยชิวช่วยได้เลย”
“เอาล่ะ สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ตอนนี้ยังมีข้อสงสัยอะไร ก็ถามมาได้เลย”
หม่าชาวงงแล้วจริงๆ สิ่งที่เขาจำได้ตอนนี้ มันหยุดอยู่ที่ตัวเองทำลายผนึกของลูกแก้วดูดเลือด เพื่อต่อสู้กับเนี่ยชิวและตอนที่เขาทำลายผนึก ก็สูญเสียสติไปทันที
ดังนั้นหลังจากที่เขาทำลายผนึกไป เกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาก็ไม่รู้อีกเลย
อยู่ๆ ตอนนี้กลับมีตาแก่ที่ดูไม่ธรรมดาโผล่มา บอกว่าเป็นผู้นำของสำนักมารไม่เพียงเท่านั้น เนี่ยชิวที่ก่อนหน้านี้จะฆ่าเขา ยังกายเป็นผู้พิทักษ์ของเขาอีก
ใครช่วยบอกฉันที?
ตอนนี้ฉันเป็นฝคร? และอยู่ที่ไหน?
หม่าชาวจ้องมองลี่เฉินด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าควรถามอะไรดี