The king of War - บทที่ 1920 มีเรื่องต้องคุย
หม่าชาวจ้องมองชายชราหน้าตาเมตตาที่อยู่ตรงหน้า ไม่สามารถเชื่อมโยงอีกฝ่ายกับผู้นำของสำนักมารแห่งภูเขาวมารเข้าด้วยกันได้
ผู้นำของสำนักมารเป็นหนึ่งในผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาวมาร แล้วมาช่วยเขาได้ยังไง แถมยังจะรับตนเป็นศิษย์ด้วย?
นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ ลี่เฉินจะให้เขาเป็นบุตรแห่งมารของสำนักมารหรือก็คือว่าที่ผู้นำของสำนักมารนั่นเอง
“คุณคือผู้นำของสำนักมารประมุขลี่เฉินจริงๆ เหรอครับ?”
หม่าชาวตกอยู่ในภาวะงุนงงไปพักหนึ่ง ค่อยถามออกมา
ลี่เฉินยิ้มๆ แล้วถามกลับไปว่า “ทำไม? ฉันไม่เหมือนคนที่เป็นประมุขอย่างนั้นเหรอ?”
เนี่ยชิวที่อยู่ข้างๆ จ้องมองหม่าชาวด้วยความอิจฉา ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในภูเขาวมารมานานหลายปีอย่างเขาเขารู้จักความน่ากลัวของผู้นำแห่งสำนักมารคนนี้ดี
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดที่ตายด้วยมือของผู้นำคนนี้ คงต้องนับด้วยสองมือแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าหม่าชาว กลับดูอ่อนโยนถึงขนาดนี้ ไม่ใช่แค่หม่าชาว แม้แต่เขา ถ้าไม่มั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้นำแห่งสำนักมารแม้แต่เขาก็คงจะสงสัยในตัวลี่เฉินเหมือนกัน
ทันใดนั้นเอง ผู้แข็งแกร่งของสำนักมารชุดดำคนหนึ่งได้เข้ามาในห้อง แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าลี่เฉิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ท่านประมุข มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาที่ใต้เขา บอกว่ามาตามหาคนครับ”
ลี่เฉินเหมือนไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย แล้วสั่งไปว่า “พาเขาเข้ามา!”
ผู้ใต้บัญชารีบตอบรับ “ครับ!”
ลี่เฉินถึงได้มองมาที่หม่าชาว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอนี่ช่างมีพี่น้องที่ดีจริงๆ! เขามาได้จังหวะพอดี เธอก็ถือโอกาสบอกเขาเลยว่าจะกลายเป็นผู้สืบทอดของสำนักมาร”
หม่าชาวถึงได้เข้าใจ หยางเฉินมาเหรอ?
แววตาของเนี่ยชิวดูคาดหวังขึ้นมา เขายังไม่เคยเจอหยางเฉิน แต่พอได้รู้เรื่องของหยางเฉินจากหม่าชาวกับลี่เฉิน ก็รู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก
ชายหนุ่มที่อายุยี่สิบแปด จะมีฝีมือระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดจริงๆ เหรอ?
ในตอนนั้นเอง ผู้แข็งแกร่งของสำนักมารที่มารายงานเมื่อกี้ได้พาชายหนุ่มคนหนึ่งมาถึง
“พี่เฉิน!”
พอเห็นหยางเฉิน หม่าชาวก็ทำหน้าตื่นเต้น แล้วรีบวิ่งไปหา
พอหยางเฉินเห็นหม่าชาว ใจที่เป็นกังวลก็ผ่อนคลายลงสักที สีหน้าของเขามีแต่ความเป็นกังวล หลังตรวจดูรอบตัวหม่าชาวแล้วเห็นว่าหม่าชาวไม่เป็นอะไรจริงๆ ถึงได้โล่งอกจริงๆ ถึงหม่าชาวจะไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย แต่ตามตัวก็ยังมีแผลตามผิวหนัง แผลด้านนอกพวกนี้ต่างก็รุนแรงมาก
พอเห็นสภาพที่อนาถของหม่าชาว หยางเฉินก็รู้ได้ทันทีว่า หม่าชาวต้องทำลายผนึกในตัว ถึงทำให้เกิดรอยแตกออกมาเต็มตัวแบบนี้
หยางเฉินรู้สึกไม่ดีเลย จึงพูดด้วยสีหน้าที่อาฆาตว่า “นายไม่ต้องห่วง ถ้าฉันหาเนี่ยชิวเจอ ต้องแก้แค้นให้นายแน่!”
เนี่ยชิวที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินที่หยางเฉินพูด คิ้วก็ขมวดขึ้นมา
ถึงหม่าชาวกับลี่เฉินจะบอกว่าหยางเฉินแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ไม่เคยได้เห็นความแข็งแกร่งของหยางเฉินกับตา กับคำพูดแบบนี้ของหยางเฉิน เขาจึงรู้สึกไม่พอใจมาก
หม่าชาวกำลังจะพูด เนี่ยชิวก็ก้าวมาข้างหน้า แล้วพูดกับหยางเฉินด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรว่า “ฉันนี่แหละเนี่ยชิวที่แกพูดถึง!”
หยางเฉินมองไปที่เนี่ยชิว พอได้ยินที่อีกฝ่ายพูดสีหน้าก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าก่อนหน้านี้น้องชายของตนถูกเนี่ยชิวควบคุมตัว แถมผนึกของลูกแก้วดูดเลือดในตัวยังถูกทำลายเพื่อต่อสู้กับเนี่ยชิว
แต่ว่า ดูแล้วตอนนี้ เรื่องราวจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด?
ไม่อย่างนั้น เนี่ยชิวจะอยู่กับหม่าชาวได้ยังไง?
หม่าชาวร้อนใจขึ้นมาทันที จึงรีบพูดไปว่า “พี่เฉิน พี่อย่าลงมือนะ ทุกอย่างมันเป็นความเข้าใจผิด ตอนนี้ความเข้าใจผิดคลี่คลายแล้ว……”
เขากำลังจะพูดต่อ แต่ถูกเนี่ยชิวขัดจังหวะก่อน
เนี่ยชิวจ้องมองหยางเฉินอย่างไม่ชอบใจ แล้วพูดไปว่า “ไม่มีอะไรเข้าใจผิดทั้งนั้น ฉันเองที่อยากได้ยาในตัวเขา บีบให้เขาต้องทำลายผนึกของลูกแก้วดูดเลือด ถ้าไม่ได้ประมุขลี่ช่วยไว้ น้องรักของนายก็คงถูกฉันฆ่าไปแล้ว”
หยางเฉินเดือดดาลขึ้นมาทันที “อยากตายใช่มั้ย!”
ตนแรกคิดว่าตัวเองเข้าใจผิด ดูแล้ว น่าจะไม่ใช่อย่างนั้น
ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่มั่นใจได้คือ เนี่ยชิวเกือบฆ่าหม่าชาวไปแล้ว
ลี่เฉินที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้เข้ามาขวางการขัดแย้งของทั้งคู่ แต่กลับยิ้มแย้ม แล้วพูดกับทั้งสองอย่างสนใจว่า “ถ้าพวกคุณคิดจะสู้กันเปลี่ยนที่กันหน่อยมั้ย? พวกคุณเตรียมตัวกันก่อน อีกสิบนาที ที่ลานประลองของสำนักมารเป็นไง?”
“ตกลง!”
เนี่ยชิวพยักหน้า หมุนตัวแล้วเดินจากไปทันที
ถึงหยางฉินจะอยากไปสู้กับเนี่ยชิวตอนนี้เลย แต่เขายังมีอีกหลายเรื่องที่อยากถามหม่าชาว จึงถือโอกาสใช้สิบนาทีที่ว่านี้ถามหม่าชาวซะเลย
“คุณก็คือผู้นำของสำนักมารประมุขลี่ใช่มั้ยครับ?”
หยางเฉินมองไปที่ลี่เฉิน แล้วถามด้วยสีหน้าที่นอบน้อม
เมื่อกี้เขาได้รู้จากปากเนี่ยชิวแล้วว่าลี่เฉินช่วยหม่าชาวไว้
ลี่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นี่เพิ่งผ่านไปครึ่งปี เธอก็จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ?”
พอได้ยินที่ลี่เฉินพูด หยางเฉินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาทบทวนความจำอยู่ในหัว ในความทรงจำของเขามีหน้าของคนคนนี้อยู่จริงๆ
แต่ไม่นาน ก็มีเสียงที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นในหัว
หยางเฉินตกใจจนได้สติ “คุณนั่นเอง!”
“ฮ่าฮ่า!”
ลี่เฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง “ดูท่า เธอน่าจะจำฉันได้แล้ว”
หยางเฉินพูดอย่างนอบน้อมว่า “ตอนนั้นผู้อาวุโสปิดหน้า แต่ผมจำเสียงของผู้อาวุโสได้ บุญคุณอันใหญ่หลวงของผู้อาวุโสหยางเฉินจะลืมได้ยังไงครับ?”
พูดจบ เขาก็หันไปพูดกับหม่าชาวที่กำลังทำหน้าสับสน “ครั้งก่อน ก็ได้ผู้อาวุโสลี่ออกโรง ช่วยผนึกลูกแก้วดูดเลือดในตัวนายถึงสามารถควบคุมลูกแก้วดูดเลือดได้ ไม่อย่างนั้น นายคงตายจากการสะท้อนของลูกแก้วดูดเลือดไปนานแล้ว”
พอได้ฟังที่หยางเฉินพูด หม่าชาวถึงได้เข้าใจ ที่แท้ลี่เฉินได้ช่วยชีวิตของตนเป็นครั้งที่สองแล้ว สีหน้าก็ซาบซึ้งขึ้นมาทันที แล้วพูดกับลี่เฉินอย่างสุดซึ้งว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตครับ!”
ลี่เฉินยิ้มออกมาอย่างสดใส แล้วพูดขึ้นว่า “ต่อไปก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้!”
หยางเฉินสงสัยขึ้นมาทันที ครวบครัวเดียวกันอะไร?
ยังมีเรื่องอะไรอีกที่ฉันยังไม่รู้?
ลี่เฉินพูดไปยิ้มไปว่า “หยางเฉิน ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอยังมีคำถามมากมายที่อยากถาม รอเธอสู้กับเนี่ยชิวเสร็จก่อน แล้วหม่าชาวจะเล่าทุกอย่างให้เธอฟังเอง”
หยางเฉินพยักหน้า ทำหน้าดุร้าย พูดพร้อมกัดฟันว่า “ผมไม่สนว่าเป็นเหตุผลอะไร เนี่ยชิวอยากเอาชีวิตของน้องผม ผมก็จะทำให้เขาต้องชดใช้!”
สีหน้าของหม่าชาวเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หันไปพูดกับหยางเฉินว่า “พี่เฉิน เขาเป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภา พี่ต้องระวังนะ!”
เขาเข้าใจความโกรธของหยางเฉิน เพราะเนี่ยชิวเกือบฆ่าเขา ถึงตอนนี้จะกลายเป็นผู้พิทักษ์ของเขาไปแล้วแต่เขายังไม่ได้ตอบรับ
พอดีเลย รอหยางเฉินสู้กับเนี่ยชิวเสร็จ เขาก็มีเรื่องอยากคุยกับลี่เฉินให้ชัดเจนเหมือนกัน