The king of War - บทที่ 1923 เขตแดนวิถีมาร
หยางเฉินในตอนนี้ ได้ถูกเลือดย้อมแดงไปทั้งตัวแล้ว ถึงเป็นแบบนั้น เขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้ ยังคงโจมตีอย่างสุดความสามารถ
สายเลือดคลั่งก็ถูกปลุกขึ้นอย่างเต็มที่ ดวงตาของเขาแดงเข้มทั้งสองข้าง ดูน่ากลัวมาก
มีดโลหิตในมือราวกับมีจิตวิญญาณ คอยส่งมอบพลังอาถรรพ์ให้เขาอย่างต่อเนื่อง
“ตุบ”
เกิดเสียงปะทะขึ้นอีกครั้ง หยางเฉินถูกโจมตีจนถอยหลังไปหลายก้าว
เหมือนสถานการณ์ของเนี่ยชิวจะดูดีกว่าหยางเฉินมาก แต่มีเพียงตัวเนี่ยชิวเท่านั้นที่รู้ดีว่า การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เขาได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ และเขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แค่เทียบกับหยางเฉิน เขาดูเบากว่าเท่านั้น
แต่อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับมีแต่ภายใน การต่อสู้ในครั้งนี้ ทำให้รากฐานพลังของเขาเสียหายอย่างหนัก ถ้าใช้เวลาไม่ถึงสามวัน ก็ไม่มีทางฟื้นฟูกลับมาเต็ร้อยแน่นอน
“หยางเฉิน แกยังจะสู้ต่ออีกมั้ย?”
เนี่ยชิวจ้องมองหยางเฉินอย่างไม่ชอบใจแล้วพูดไปว่า “แกน่าจะรู้ดี ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ยังไงแกก็สู้ฉันไม่ได้ แต่ว่า รากฐานวิถีบู๊ของแกกับฉันต่างก็ต้องได้รับความเสียหาย”
“ฉันขอเสนอว่า ถือว่าเราเสมอกัน การประลองในครั้งนี้ถือว่าสิ้นสุดเท่านี้ เป็นไง?”
เขาสามารถรับรู้ได้ว่า หยางเฉินหวังที่จะฆ่าเขา ไม่มีความปรานีแต่อย่างใด ถึงเขาจะใช้พลังอย่างเต็มที่ยังไงก็ยังต้องกั๊กไว้บ้าง จะให้สู้ตายอย่างไม่คิดชีวิตแบบหยางเฉินไม่ได้
หยางเฉินเป็นพี่น้องของหม่าชาว ส่วนเขาตอนนี้ก็กลายเป็นผู้พิทักษ์ของหม่าชาวแล้ว จึงไม่สามารถลงมือฆ่าหยางเฉินได้
ในตอนนี้ลี่เฉินก็เลือกที่จะเดินออกมา จ้องมองหยางเฉินด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ฉันคิดว่าข้อเสนอของเนี่ยชิวดีมาก ถ้ายังสู้กันต่อไป ก็ยังไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้อยู่ดี แต่กลับจะทำให้พวกเธอทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก พอแค่นี้ก่อนดีมั้ย?”
หม่าชาวจ้องมองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้คนที่บาดเจ็บเป็นเขา ไม่ใช่หยางเฉิน
รังสีในตัวหยางเฉินไม่ได้ลดลง แต่กลับยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขาได้ปลุกสายเลือดคลั่งในระดับที่สูงขึ้น
รังสีวิถีบู๊ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเอ่อล้นออกจากตัวเขาอย่างต่อเนื่อง
“หืม?”
ลี่เฉินขมวดคิ้ว เขาสัมผัสถึงแรงกดดันอันเข้มข้นจากตัวของหยางเฉิน
ต้องรู้ว่า แดนวิถีบบู๊ของเขาบรรลุถึงแดนนภาแล้ว แต่หยางเฉินอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางเท่านั้น แล้วจะทำให้เขารู้สึกถึงความกดดันได้ยังไง?
ไม่ใช่แค่ลี่เฉิน ยังมีผู้แข็งแกร่งหลายคนของสำนักมารก็สัมผัสถึงแรงกดดันวิถีบู๊ที่รุนแรงมาก โดยเฉพาะเนี่ยชิวที่เผชิญหน้ากับแรงกดดันวิถีบู๊ของหยางเฉินตรงๆ ยิ่งรู้สึกชัดเจนกว่าใครอื่น
แววตาของเขาได้แสดงความตกใจออกมา สองตาจับจ้องไปที่หยางเฉิน ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยางเฉิน แต่กลับรับรู้ได้ว่า ถ้าหยางเฉินโจมตีใสเขาอีกครั้ง ต้องเป็นการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตแน่นอน
ด้วยฝีมือระดับกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นอย่างเขา กลับสัมผัสถึงแรงกดดันที่มหาศาลขนาดนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าจริงๆ!
“พี่เฉิน!”
หม่าชาวตะโกนออกมา แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงว่า “พี่ช่วยหยุดสู้เถอะ พอแค่นี้นะ!”
คนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยางเฉิน แต่เขารู้ดี
หยางเฉินได้ปลุกสายเลือดคลั่งจนถึงขีดสุดแล้ว ในสภาวะแบบนี้ อาจสูญเสียสติไปทันที
นอกจากว่าหยางเฉินจะควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าเสียการควบคุม ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก
ในตอนนี้ รังสีวิถีบู๊ในตัวเขา ได้ก้าวถึงระดับกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นแล้ว จนแข็งแกร่งกว่ารังสีวิถีบู๊ในตัวเนี่ยชิวเสียอีก
เหล่าผู้แข็งแกร่งของสำนักมารที่กำลังดูการต่อสู้ ต่างพากันเบิกตาโต สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“แรงกดดันปีศาจ!”
ลี่เฉินพูดออกมาอย่างกะทันหัน พร้อมกับน้ำเสียงที่ค่อนข้างตกใจ
“แรงกดดันปีศาจ?”
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของสำนักมารหันไปถามลี่เฉินด้วยความตกใจ “ท่านประมุข คุณจะบอกว่ารังสีที่ออกจากตัวหยางเฉินคือแรงกดดันปีศาจอย่างนั้นเหรอครับ?”
ลี่เฉินพยักหน้า หันมองไปทางหยางเฉินด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกว่า “ฉันรู้ดีว่านี่คือแรงกดดันปีศาจแม้แต่ในสำนักมารก็ไม่เคยมีใครฝึกแรงกดดันปีศาจได้ต่ำกว่าแดนนภามาก่อน แต่หยางเฉินไม่ใช่คนของสำนักมารและไม่เคยฝึกวิชาของสำนักมารมาก่อน แต่กลับมีแรงกดดันปีศาจปลดปล่อยออกมาจากร่างกาย นี่มันผู้มีพรสวรรค์ที่เกิดมาเพื่อวิถีมารโดยแท้!”
แรงกดดันปีศาจ ในประวัติศาสตร์ของสำนักมารไม่เคยมีใครที่ต่ำกว่าแดนนภาแล้วสามารถปลดปล่อยแรงกดดันปีศาจได้มาก่อน
“สำหรับนักสู้ที่ฝึกวิชามารอย่างพวกเรา มีเพียงตอนที่บรรลุแดนนภา จึงจะปลดปล่อยแรงกดดันปีศาจออกมาได้เอง”
ลี่เฉินพูดต่อ “ในโลกบู๊โบราณ แรงกดดันปีศาจยังถูกเรียกว่าเขตแดนวิถีมาร แน่นอนว่า ในโลกบู๊โบราณไม่ได้มีแค่เขตแดนวิถีมาร ยังมีเขตแดนอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ผู้แข็งแกร่งที่มีเขตแดนแห่งไฟ สามารถทำให้พื้นที่ที่นั้นๆ คงอยู่ซึ่งพลังธาตุไฟอันเข้มข้นได้และเขายังสามารถยืมพลังธาตุไฟในเขตแดนแห่งไฟมาใช้ต่อสู้ได้”
“ฝีมือยิ่งแข็งแกร่ง เขตแดนที่กางก็จะยิ่งกว้าง เมื่ออยู่ภายในเขตแดน ถ้าสู้กับศัตรู ยังสามารถกดดันอีกฝ่ายได้ด้วย”
“ยกตัวอย่างอย่างหยางเฉินนตอนนี้ ที่สามารถปลดปล่อยแรงกดดันปีศาจออกมา หรือก็คือ ในเขตแดนวิถีมาร เนี่ยชิวที่สู้กับเขาสมรรถนะทุกอย่างจะถูกลดทอนไป ในทางกลับกัน ภายในเขตแดนวิถีมารของตัวหยางเฉินเอง สมรรถนะทุกอย่างจะเพิ่มสูงขึ้น”
“แต่น่าเสียดาย เขาไม่ได้ฝึกวิชามาร ไม่อย่างนั้นภายในเขตแดนวิถีมาร พลังในการต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งได้อีก ต่อให้เนี่ยชิวที่เป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน”
“แน่นอนว่า ถ้าเนี่ยชิวก็มีเขตแดนด้วย การที่หยางเฉินจะชนะ มันก็ยังยากเหมือนเดิม”
พอได้ฟังคำอธิบายของลี่เฉิน เหล่าผู้แข็งแกร่งของสำนักมารถึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หม่าชาวรีบถามไปว่า “การที่พี่เฉินมีเขตแดน จะเป็นอันตรายกับเขามั้ยครับ?”
ลี่เฉินพยักหน้า “แม้แต่ฉัน สามารถปลดปล่อยเขตแดนวิถีมารต่อเนื่องได้มากสุดแค่ห้านาทีเท่านั้น ถ้าฝืนต่อไป เขตแดนวิถีมารจะทำให้พลังกายของฉันรับภาระอย่างหนัก”
“แต่หยางเฉินอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง กลับสามารถปลดปล่อยเขตแดนวิถีมารออกมาได้ ทนได้สักสามนาที ก็น่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว แน่นอนว่า นี่มันก็เป็นแค่การคาดเดาของฉันเท่านั้น กรณีของเขาค่อนข้างพิเศษ แตกต่างจากผู้แข็งแกร่งทั่วไป เขาจะสามารถปลดปล่อยเขตแดนวิถีมารได้นานแค่ไหน ฉันเองก็ไม่รู้”
“แต่สิ่งที่มั่นใจคือ การปลดปล่อยเขตแดนวิถีมาร มันต้องใช้พลังอย่างมาก ถ้าร่างกายได้รับภาระที่หนักเกินไปอาจทำให้รากฐานวิถีบู๊ของตัวเองเกิดความเสียหายได้”
พอได้ฟังที่ลี่เฉินพูด หม่าชาวก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที จึงรีบถามไปว่า “ประมุขลี่ คุณรีบหยุดการประลองของพวกเขาเถอะครับผมกลัวมันจะกระทบกับร่างกายของเขา”
ลี่เฉินทำหน้าหดหู่ แล้วส่ายหน้า “เธอเป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายของเขา ก็น่าจะรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไงนอกจากว่าฉันจะเข้าไปบังคับให้หยุดการต่อสู้ ไม่อย่างนั้น พูดอะไร หยางเฉินก็ไม่มีทางล้มเลิกการโจมตีอันรุนแรงที่มีต่อเนี่ยชิวแน่”