The king of War - บทที่ 2 ใบมรณบัตร
บทที่2 ใบมรณบัตร
ในตอนนี้ รถ Rolls- Royce สีดำป้ายทะเบียน เจียงA88888 คันหนึ่งก็ค่อยๆจอดลงที่หน้าประตูสนามบิน
ชายวัยกลางคนที่ใส่สูทสีดำคนหนึ่งรีบขยับเข้าไปเปิดประตูรถให้อย่างนอบน้อม
ถ้าภาพนี้ถูกบุคคลชนชั้นสูงของเจียงโจวเห็นเข้าคงจะตะลึง เพราะชายวัยกลางคนคนนี้คือซูเฉิงอู่บุคคลที่รวยอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจว แต่ตอนนี้ กลับต้องมาเปิดประตูให้กับผู้อื่น
จากนั้นก็เห็นคนแก่ผมขาวคนหนึ่งเดินลงมา ใส่เสื้อคอจีนสีกรมท่า ในมือมีไม้เท้าที่สวยหรูอันหนึ่ง ด้านบนของไม้เท้าเหลี่ยมด้วยพลอยสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าไข่ไก่ มองดูแล้วคล้ายจะอ่อนแอ แต่ร่างกายกลับแข็งแรงดีมาก และมีออร่าของความมีอำนาจอยู่ทั่วตัว
“นายน้อยน่าจะใกล้ออกมาแล้วสินะ?”
อยู่ๆคนแก่ก็พูดขึ้น สายตาจ้องมองไปที่ทางออกของสนามบิน
และในตอนนี้เองก็มีร่างของสองคนเดินออกมาตามๆกัน
สายตาคนแก่จ้องมองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้า ในขณะที่ซูเฉิงอู่กำลังประหลาดใจ คนแก่ก็รีบเดินเข้าไป ทำความเคารพ ก้มหัว ท่าทางเสร็จในรวดเดียว และพูดอย่างเคารพว่า “ตระกูลอวี่เหวินแห่งเย็นตู พ่อบ้านหานเทียนเฉิง มารับนายน้อยกลับเย็นตู เพื่อดูแลตระกูลอวี่เหวินครับ”
ได้ยินคนแก่บอกที่มาของตัวเอง หยางเฉินก็รู้แล้วว่าคนแก่นี่เป็นใคร
แต่ว่า เมื่อได้ยินคำว่า “ตระกูลอวี่เหวิน” ความรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาก็หายไปในทันที แล้วมีความโมโหพุ่งขึ้นมาแทนที่
หยางเฉินมองหานเทียนเฉิงอย่างดูถูก “ช่างน่าขันเสียจริงๆ เมื่อสิบปีก่อน ฉันและคุณแม่ ถูกไล่ออกจากตระกูล และถูกข่มขู่ว่าทั้งชีวิตนี่ห้ามเข้าไปเหยียบเย็นตูอีก เพียงเพราะว่าฉันเป็นลูกนอกสมรส ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ส่วนหนึ่งของตระกูลอวี่เหวิน แต่ตอนนี้กลับต้องการให้ฉันไปดูแลตระกูลอวี่เหวิน?”
“สิบแปดปีก่อน ฉันที่อายุเพียงเก้าขวบคุกเข่ากับคุณแม่ที่หน้าบ้านตระกูลอวี่เหวินในคืนฝนตกหนักทั้งคืน พวกนายเคยมีความเห็นใจกันสักนิดมั้ย?”
“ห้าปีก่อน แม่ของฉันป่วยหนัก ฉันที่ไม่มีทางเลือกอะไรแล้ว ไปขอร้องให้ตระกูลอวี่เหวินช่วยเหลือในการรักษา แล้วพวกนายทำยังไง?”
“วันนี้รู้ว่าฉันกลับมาจากชายแดนเหนือด้วยความรุ่งโรจน์ มีอำนาจในมือ ก็เลยอยากให้ฉันไปดูแลตระกูลอวี่เหวิน?”
“กลับไปบอกคนๆนั้น สำหรับฉันแล้ว ตระกูลอวี่เหวิน นับว่าเป็นอะไรกัน? ถ้ายังมาวุ่นวายกับฉัน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนที่จะให้ฉันต้องไปเย็นตูด้วยตัวเอง”
คำพูดพวกนี้ เก็บอยู่ในใจเขามานานหลายปี ประสบการณ์ชีวิตทหารห้าปีมานี้ ทำให้จิตใจเขานิ่งสงบแล้ว และไม่มีอารมณ์ร้อนแน่นอน แต่ตอนนี้ ความทรงจำที่เก็บกดไว้มานาน กลับทำให้ลูกผู้ชายคนนี้ดวงตาแดงก่ำ
หานเทียนเฉิงถอนหายใจยาว เหมือนกับคิดไว้แล้วว่าจะเป็นอย่างนี้ “เยี่ยนเฉินกรุ๊ปจะมาปักหลักที่เจียงโจวในเร็วๆนี้ ในตอนที่แม่คุณยังอยู่เย็นตู นี่คือชื่อที่แม่ของคุณใช้ชื่อของคุณและเธอมารวมกัน อาศัยแค่เพียงกำลังของตัวเอง พยายามก่อตั้งธุรกิจมาได้ ตอนนี้แม่ของคุณก็ได้จากไปแล้ว ดังนั้นเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็ควรจะคืนให้กับคุณ”
หยางเฉินหัวเราะเย็นชา และแก้ไขให้ถูกว่า “ไม่ใช่ตระกูลอวี่เหวินคืนให้ฉัน แต่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปมันเป็นของแม่ฉันมาตั้งแต่แรก แค่เพียงเคยถูกพวกนายแย่งไปอย่างไร้จิตสำนึก”
เพิ่งพูดจบ หยางเฉินก็ก้าวเดินจากไป
“ตระกูลอวี่เหวิน ทำผิดต่อพวกคุณจริงๆ!”
มองดูแผ่นหลังที่จากไปของเขา หานเทียนเฉิงเศร้าหมอง จากนั้นก็สั่งซูเฉิงอู่ที่อยู่ข้างกายว่า “เสี่ยวซู ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายจะต้องคิดทุกวิถีทางที่นายสามารถทำได้ไปช่วยเหลือนายน้อย”
ได้ยินอย่างนี้ ซูเฉิงอู่พูดอย่างเคารพ “ท่านหานครับ หากไม่มีท่าน ก็ไม่มีซูเฉิงอู่ในวันนี้ ท่านสบายใจได้ ผมจะช่วยเหลือนายน้อยอย่างเต็มกำลังแน่นอนครับ”
แล้วอยู่ๆหานเทียนเฉิงก็พูดขึ้นอีกว่า “ใช่สิ นายน้อยแต่งงานตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว ในเมื่อตอนนี้นายน้อยกลับมาแล้ว นายก็ไปแสดงความเคารพตระกูลฉินแทนตระกูลอวี่เหวินหน่อยนะ”
“ครับผม!”
………..
แท็กซี่คันหนึ่งกำลังค่อยๆเคลื่อนตัว หยางเฉินที่นั่งอยู่ด้านหลัง ความคิดนึกย้อนไปถึงอดีต
ในคืนที่ในตกหนักในปีนั้น ในใจเขาก็ปิดกั้นตระกูลอวี่เหวินแล้ว ห้าปีก่อน แม่ของเขาที่อาการป่วยสาหัส และหยางเฉินในตอนนั้นก็เพิ่งเรียนจบ ไม่มีเงินติดตัว และเจอเข้ากับการถูกลอบวางแผนให้มีสัมพันธ์ข้ามคืนกับฉินซีพอดี
ตระกูลฉินให้หยางเฉินแต่งเข้าบ้านเพื่อชื่อเสียงของตระกูล เพื่อให้แม่เขาได้รักษาอาการป่วย เขาจึงตอบตกลง และขอเงินจากตระกูลฉินห้าแสน แต่ยังไม่ทันที่เงินนี้จะส่งถึงโรงพยาบาล แม่ของเขาก็จากไปซะก่อน และไม่ได้เจอแม้กระทั่งครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ
หลังจากที่แม่เสีย หยางเฉินแต่งเข้าตระกูลฉินตามที่ตกลงกันไว้ แต่เขารู้ตัวว่าไม่เหมาะกับฉินซีที่เขาแอบชอบมานาน หลังจากแต่งงานไม่นาน ก็สมัครเกณฑ์ทหารและจากไป
การจากลาครั้งนี้มากถึงห้าปี!
หน้าประตูลานกว้างที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง มีรถ Maybach ใหม่เอี่ยมคันหนึ่งจอดอยู่
หยางเฉินมองดูรถหรูราคาแพง แล้วยิ้มอ่อน “ดูแล้ว บ้านฉินซี จะถูกให้ความสำคัญจากตระกูลฉินมากขึ้นกว่าเมื่อห้าปีก่อน พ่อตาถึงกับขับรถหรูราคา 3-4 ล้านหยวนแล้ว”
มาถึงบ้านตระกูลฉินอีกครั้ง ในใจหยางเฉินเองก็รู้สึกสับสนมาก เรื่องเมื่อห้าปีก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ถูกกระทำเหมือนกัน แต่ยังไงซะเขาก็ได้ครอบครองครั้งแรกของเธอ หญิงสาวคนที่มีฉายาว่าคนสวยอันดับหนึ่งของเจียงโจว
ห้าปีก่อนที่จากไปโดยไม่ลาหลังจากที่เพิ่งแต่งงาน ไม่ว่ายังไง นี่ก็เป็นความผิดของเขาทั้งนั้น
ไม่พูดก็รู้ว่าหลายปีมานี้ ฉินซีจะต้องแบกรับคำนินทาให้ร้ายมากมายแค่ไหน
แต่เขาในตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยมาก มีเพียงแค่เกณฑ์ทหารเท่านั้น ที่พอจะมีทางเทียบเท่ากับฉินซีได้ ในวันนี้ เขาประสบความสำเร็จแล้ว มีอำนาจและสินทรัพย์มากมายอยู่ในมือ ในที่สุดเขาก็มีสิทธิ์บอกกับทุกคนแล้วว่าเขาเหมาะสมกับฉินซี
เดินมาถึงหน้าประตูลานกว้าง หยางเฉินยกมือ กำลังจะเคาะประตู มือก็นิ่งค้างในทันที บทสนทนาที่ลอยเข้าหูมาจากลานกว้าง
เสียงของคุณแม่ฉินดังขึ้น “เสี่ยวหวัง ตอนนี้ป้ากำลังยื่นขอใบมรณบัตรของไอ้ขยะนั่น นายอย่าเพิ่งใจร้อนนะ รอใบมรณบัตรของไอ้ขยะนั่นทำเสร็จเรียบร้อย เสี่ยวซีก็จะกลับสู่สถานะโสดแล้ว”
คุณพ่อฉินก็พูดต่อว่า “ถึงตอนนั้น ลุงฉิน จะเป็นคนแรกที่ตกลงเรื่องแต่งงานของนายกับเสี่ยวซีเอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากนะครับ แต่ว่าทางฝั่งเสี่ยวซีก็รบกวนพวกท่านด้วยนะครับ”
“เสี่ยวหวัง นายสบายใจได้เลย เสี่ยวซีจะต้องตกลงแน่นอน”
“งั้นก็รบกวนคุณลุงคุณป้านะครับ ใช่สิ คุณป้าครับ นี่เป็นรังนกแท้บริสุทธิ์ที่ผมฝากเพื่อนนำเข้ามาจากต่างประเทศ คุณลุงครับ นี่คือหยกพระชั้นยอดที่ผมนำกลับมาให้คุณลุงด้วยตัวเองจากประเทศพม่าครับ”
…………
ในลานกว้างของบ้านตระกูลฉิน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของคุณพ่อฉินและคุณแม่ฉิน สีหน้าของหยางเฉินเองก็แปรปรวน
แต่แค่เพียงคิดถึงคนที่เขาไม่สามารถลืมได้ เขาก็พยายามเก็บกดอารมณ์โมโหไว้ ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นคนที่ทำผิดต่อฉินซี
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ที่กลับมา ก็เพื่อเธอ
ตึง! ตึง! ตึง!
หยางเฉินจับที่เคาะประตู แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ใครกัน?”
เหมือนกับว่าเสียงเคาะประตูไปขัดขวางความสุข เสียงของคุณแม่ฉินเต็มไปด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามา
คุณแม่ฉินเปิดประตู รอยยิ้มที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้า เมื่อเห็นเข้ากับคนที่ไม่อยากจะเจออีกตลอดชีวิต ท่าทางก็เปลี่ยนไปในทันทีเหมือนกับว่าเห็นผี พูดขึ้นอย่างตกใจและโมโห “นาย…..นายคือหยางเฉิน