The king of War - บทที่ 2000 คืนลูกให้ฉัน
The king of War บทที่ 2000 คืนลูกให้ฉัน
เมื่อได้ยินคำพูดของเทพมารโบราณ ทั้งเทพธิดาและกษัตริย์มนุษย์ต่างก็แสดงสีหน้าตกใจ
กษัตริย์มนุษย์พยักหน้าและพูดว่า“ก็จริง นอกจากคนในสถานที่นั้นแล้ว จะมีสายเลือดที่สามารถกดขี่สายเลือดของพวกเราสามคนได้อย่างไร”
ขณะที่ผู้แข็งแกร่งชั้นนำทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ หยางเฉินก็เริ่มที่จะกลืนกินโลหิตแก่นแท้ของกษัตริย์มนุษย์แล้ว
ความเจ็บปวดที่รุนแรง ทำให้หยางเฉินตายทั้งเป็น
เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังลุกไหม้จากภายในสู่ภายนอก สายเลือดของทั้งคนกำลังลุกไหม้
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ หยางเฉินยังก่อตัวกระดูกไม่เสร็จ และเขาก็ยังคงเจ็บปวดอยู่
ตอนที่หยางเฉินกำลังก่อกระดูกของเขาใหม่ จิ่วโจว เยี่ยนตู และยอดเมฆา
ซ่งจั่วพูดด้วยสีหน้ากังวล“ไปหลายวันแล้วนะ ทำไมคุณหยางยังไม่กลับมาล่ะ?เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
ในวิลล่าหลังใหญ่ นอกจากพี่น้องตระกูลซ่งแล้ว ยังมีเฝิงเสียวหว่านและอ้ายหลิน รวมถึงหวยหลันและเฝิงเจียหยี
ในเวลานี้ ทุกคนต่างแสดงสีหน้ากังวล
เฝิงเสียวหว่านพูดด้วยรอยยิ้มว่า”พี่หยางบอกแล้วว่า อีกไม่นานก็จะกลับมา เขาจะไม่ผิดสัญญาอย่างแน่นอน เรารอก่อน บางที คืนนี้พี่หยางและพี่หม่าก็จะกลับมาแล้ว”
แม้ว่าใบหน้าของเธอจะมีรอยยิ้ม แต่ใครๆก็ดูออกว่า รอยยิ้มของเธอดูฝืนยิ้มมาก และเห็นได้ชัดว่าเธอพยายามปลอบทุกคน ดังนั้นเธอจึงจงใจพูดออกมาให้ดีขึ้น
อันที่จริง เธอนั่นแหละที่เป็นคนที่เป็นห่วงหยางเฉินมากที่สุด
ในขณะนี้ ออร่าบูโดที่น่าสะพรึงกลัวก็ห่อหุ้มยอดเมฆา
ทุกคนตกใจ
“ใคร?”
สองพี่น้องตระกูลซ่งยืนขึ้นทันที ทั้งสองมีสีหน้าเคร่งขรึม
เพราะพวกเขารู้สึกได้ว่า ผู้ที่มานั้นมาไม่ดี และออร่าบูโดของอีกฝ่ายนั้นทรงพลังมากสามารถบดขยี้พวกเขาได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับไหน
หวยหลันและเฝิงเจียหยีก็ยืนขึ้นทีละคน ทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งในแดนเหนือมนุษย์ หากมีศัตรูที่แข็งแกร่งจริงๆ พวกเธอก็จะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
เฝิงเสียวหว่านและอ้ายหลินไม่ใช่นักบูโด แต่พวกเธอยังรู้สึกถึงแรงกดดันที่หายใจไม่ออก
“แง่……”
เดิมที เสี่ยวจิ้งอันที่กำลังนอนหลับอยู่ ก็เหมือนจะรู้สึกถึงแรงกดขี่และร้องไห้ออกมาในทันที
อ้ายหลินรีบอุ้มเสี่ยวจิ้งอันไว้แน่น
วินาทีถัดมา ร่างที่ไม่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงราวกับผี
ทุกคนในห้องโถงต่างตกใจ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าคนผู้นี้ปรากฏตัวอย่างไร ราวกับว่าวาบเข้ามาในห้องโถง
อีกฝ่ายสวมชุดคลุมยาวสีเทา สวมรองเท้าผ้าสีดำ ยืนอยู่ในห้องโถงโดยเอามือไปข้างหลัง
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเป็นใคร?มาที่นี่มีธุระอะไร?”
ซ่งจั่วอดทนต่อความกลัวในใจและถาม
เขาสามารถรับรู้ได้ว่า อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ด้านบูโดอยู่ในระดับที่สูงเท่านั้น แต่ยังแก่มากด้วย
อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองซ่งจั่ว สายตากวาดมองไปยังผู้หญิงเหล่านั้น จู่ๆก็ถามขึ้นว่า “ใครคือเฝิงเสียวหว่าน?”
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของชายชราชุดเทา ทุกคนก็ตกตะลึง
คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายมาเพราะเฝิงเสียวหว่าน คนอื่นอาจไม่รู้ความสำคัญของเฝิงเสียวหว่าน แต่พวกเขารู้ดี ในโลกมนุษย์นี้ เฝิงเสียวหว่านเป็นนักปรุงยาเพียงคนเดียวที่สามารถปรุงยาได้
ดูจากการแต่งตัวของชายชราชุดเทาแล้ว ก็รู้ได้เลยว่าเขาน่าจะมาจากโลกบู๊โบราณ
ผู้แข็งแกร่งที่มาจากโลกบู๊โบราณ ถามหาเฝิงเสียวหว่าน เห็นได้ชัดว่า เขารู้ความลับเรื่องที่เฝิงเสียวหว่านเป็นนักปรุงยาแล้ว
ปฏิกิริยาของทุกคน ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าใครคือเฝิงเสียวหว่าน
ดวงตาที่เหมือนเหยี่วของชายชราที่สวมชุดสีเทาก็จับจ้องไปที่เฝิงเสียวหว่าน หรี่ตาลงและจ้องไปที่เฝิงเสียวหว่าน และกล่าวว่า“คุณคือเฝิงเสียวหว่านหรือ?”
เฝิงเสียวหว่านถูกอีกฝ่ายจ้องเขม็ง รู้สึกอึดอัดมาก แต่เธอพยักหน้าและพูดว่า“ท่านมาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
ทันใดนั้น ชายชราชุดเทาก็หยิบขวดลายครามสีขาวออกมา เมื่อทุกคนในห้องโถงเห็นขวดลายครามสีขาวที่อีกฝ่ายหยิบออกมา สีหน้าทุกคนดูกังวล
เพราะพวกเขารู้จักขวดลายครามสีขาวและคุ้นเคยกับมันมาก มันเป็นขวดพิเศษที่เฝิงเสียวหว่านเอาไว้ใส่ยา ชายชราในชุดคลุมสีเทา ถือขวดลายครามสีขาวที่เฝิงเสียวหว่านเอาไว้ใส่ยา ก็ได้บ่งบอกปัญหาทั้งหมดแล้ว
ชายชราชุดเทาถาม“ยาในขวดนี้ คุณเป็นคนปรุงใช่ไหม?”
เฝิงเสียวหว่านตกใจ และเธอก็พูดอย่างรวดเร็วว่า“นี่คือยาที่ปู่ของฉันปรุง ท่านได้เก็บไว้ให้ฉัน”
“เหอะๆ!”
ชายชราชุดเทาหัวเราะอย่างเย็นชา และกล่าวต่อไปว่า“สาวน้อย อย่าพยายามโกหกผมเลย ปู่ของคุณตายไปตั้งปีกว่าแล้ว และยานี้ อายุไม่เกินหนึ่งเดือน ตอนนี้คุณมาบอกผมว่ายานี้ปู่ของคุณเก็บไว้ให้คุณ?”
เฝิงเสียวหว่านตกตะลึงในทันที คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรู้ด้วยว่าปู่ของเธอเสียชีวิตมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเตรียมมาอย่างดี
“สาวน้อย บอกมาดีๆจะดีกว่า คุณเป็นคนปรุงยานี้เองหรือเปล่า?ถ้าคุณกล้าหลอกผม ผมจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”
หลังจากที่ชายชราชุดเทาพูดจบ เขาก็โบกมือทันที
“ปัง!”
พลังอันทรงพลังก็เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน พุ่งตรงไปยังสองพี่น้องตระกูลซ่ง เพียงได้ยินเสียงกระแทกทื่อๆ และทั้งสองก็อาเจียนเป็นเลือดและบินออกไป
สิ่งที่น่าตกใจก็คือ ชายชราชุดสีเทาไม่ได้สัมผัสร่างของสองพี่น้องตระกูลซ่งเลย เพียงแค่โบกมือ ใช้พลังอันแข็งแกร่งของเขา ก็สามารถทำให้พี่น้องตระกูลซ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส
“คุณปู่ซ่ง!”
เฝิงเสียวหว่านร้องเรียกออกมาทันที
สีหน้าของเฝิงเจียหยีและหวยหลันดูเคร่งขรึม ปกป้องอ้ายหลินและเสี่ยวจิ้งอันซึ่งไม่มีวิชาบูโดไว้ข้างหลังพวกเธอ
หลังจากที่ชายชราที่สวมชุดสีเทาได้ทำร้ายสองพี่น้องตระกูลซ่งแล้ว เขาก็จ้องไปที่เฝิงเสียวหว่านด้วยรอยยิ้มและพูดว่า”แม่สาวน้อย แล้วตอนนี้ล่ะ?คุณยอมบอกผมหรือยังว่า คุณเป็นคนปรุงยานี้หรือเปล่า?”
ดวงตาของเฝิงเสียวหว่านเป็นสีแดง และจ้องไปที่ชายชราที่สวมชุดสีเทาอย่างโกรธเคือง และพูดว่า”คุณทำเกินไปแล้ว!ฉันเป็นคนปรุงยานี้หรือไม่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?คุณมีสิทธิ์อะไรไปทำร้ายพวกเขา? ”
ชายชราชุดเทาส่งเสียงอย่างเย็นชา“เป็นแค่มดในโลกมนุษย์ อย่าว่าแต่ทำร้ายพวกคุณเลย แม้ว่าผมจะฆ่าพวกคุณ ใครจะทำอะไรผมได้?ให้เวลาคุณคิดอีกสิบวินาทีสุดท้าย ถ้าคุณยังไม่บอกผมว่าคุณเป็นคนปรุงยานี้หรือเปล่า ผมจะเริ่มลงมือฆ่าแล้วนะ!”
ชั่วขณะหนึ่ง แรงกดดันอันทรงพลังได้ปกคลุมไปทั้งยอดเมฆา
ทุกคนในห้องโถงรู้สึกกดดันอย่างมาก และพวกเขาหายใจแทบไม่ออก
เสี่ยวจิ้งอันร้องไห้ออกมา ไม่ว่าอ้ายหลินจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ก็ไม่หยุดร้องไห้สักที
บนใบหน้าของเฝิงเสียวหว่านเต็มไปด้วยความกังวล เธอรู้ดีว่า เมื่อความลับของเธอที่เป็นนักปรุงยาถูกเปิดเผย มันจะนำความเดือดร้อนมากแค่ไหนมาสู่เธอ แต่ถ้าเธอไม่พูด ชายชราที่สวมชุดสีเทาจะเริ่มฆ่าคนอื่นๆจริงๆแล้ว?
“ถึงเวลาแล้ว คุณคิดดีหรือยัง?”
เวลาเพียงสิบวินาที ผ่านไปในชั่วพริบตา ชายชราชุดสีเทาก็พูดขึ้น
หลังจากพูดจบ ดวงตาของเขาก็ตกลงมาที่ตัวเสี่ยวจิ้งอัน
อ้ายหลินรู้สึกประหม่าอย่างมาก และกอดเสี่ยวจิ้งอันไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง
“ถ้าคุณไม่บอกผม ผมจะจัดการกับไอ้เด็กคนนี้แล้วนะ”
ทันใดนั้น ชายชราในชุดสีเทาก็พูด
ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ปรากฏตัวข้างๆอ้ายหลินแล้ว อ้ายหลินรู้สึกเพียงว่าแขนของเธอสูญเสียพลังไปอย่างกะทันหัน จากนั้น เสี่ยวจิ้งอันในอ้อมแขนของเธอก็อยู่ในมือของชายชราในชุดสีเทา
“ลูกชาย!”
อ้ายหลินร้องตะโกนอย่างทุกข์ทรมาน“เอาลูกของฉันคืนมา!”