The king of War - บทที่ 2013 การยับยั้งทางสายเลือด
The king of War บทที่ 2013 การยับยั้งทางสายเลือด
เจียงเผิงมองไปทางหยางเฉิน แววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความตะลึงงัน ก่อนจะพูดเสียงหลง: “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? เขายับยั้งสายเลือดของข้าได้อย่างนั้นหรือ?!”
“ว่าอย่างไรนะ?”
ไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านก็ได้ยินคำพูดของเจียงเผิงแล้วเช่นกัน ต่างรู้สึกช็อกเป็นอย่างมาก
ในโลกบู๊โบราณ สายเลือดของนักบูโดชั้นยอดทุกคนล้วนแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
และในฐานะที่เจียงเผิงเป็นผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลเจียงได้นั้น เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าสายเลือดของเขาก็แข็งแกร่งมาก ๆ เช่นกัน พูดได้เลยว่าทั่วทั้งโลกบู๊โบราณล่าง ถือว่าเป็นสายเลือดชั้นยอดเลย
แต่ทว่าบัดนี้ เจียงเผิงไม่นึกเลยว่าจะสัมผัสพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งมาก ๆ พลังหนึ่งได้จากตัวหยางเฉิน พลังดังกล่าวถึงกับยับยั้งพลังสายเลือดของเขาไว้ได้
ยิ่งกว่านั้นคือระยะความต่างระหว่างสายเลือด อยู่เหนือระยะความต่างระหว่างแดนเสียอีก
เจียงเผิงถึงกับเกิดอาการชั่ววูบอยากคลานเลื้อยลงบนพื้น ซึ่งนี่เป็นการกดอัดอย่างหนึ่งที่เกิดจากสายเลือดของหยางเฉินที่มีต่อเขา
ไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าเกรงขามที่ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้เช่นกัน พลังน่าเกรงขามนี้ทำให้ร่างกายของพวกเขาสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อมองไปทางหยางเฉิน เหมือนหยางเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่มาจากโลกบู๊โบราณบนยังไงอย่างนั้น
“ตู้ม!”
ออร่าบู๊บนตัวหยางเฉินระเบิดและพุ่งพรวดขึ้นมากะทันหัน
“แดนนภาขั้นสองชั้นต้น!”
เจียงเผิงพูดอย่างช็อกสุดขีด
เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าแดนบูโดของหยางเฉินยังบรรลุไม่ถึงแดนนภา แต่ทว่าวินาทีนี้ลมปราณที่แผ่กระจายออกมาจากตัวหยางเฉินกลับสามารถเทียบทัดกับแดนนภาขั้นสองชั้นต้นได้
ต้องท้าวความก่อนว่าหลังจากแดนบูโดบรรลุสู่แดนนภาแล้ว ถึงแม้จะห่างกันเพียงหนึ่งแดนเล็ก ๆ ศักยภาพของทั้งสองฝ่ายก็จะแตกต่างกันมาก
และปัจจุบันหยางเฉินยังไม่บรรลุสู่แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น ก็สามารถระเบิดศักยภาพที่เทียบเท่ากับแดนนภาขั้นสองชั้นต้นออกมาได้แล้ว
หยางเฉินก้าวข้ามหนึ่งแดนใหญ่ของตนโดยตรง มาตรแม้นว่าในประวัติของโลกบู๊โบราณก็ยังไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน แค่คิดก็พอจะทราบถึงความช็อกของพวกเจียงเผิงได้แล้ว
วินาทีนี้ ดวงตาทั้งสองข้างหยางเฉินกลายเป็นสีแดงเลือดไปหมดแล้ว ลมปราณที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากตัวเขาอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งยอดเมฆาล้วนอยู่ในเขตแดนเขา
เขตแดนของเจียงเผิงก็ถูกกดอัดลงไปโดยสิ้นเชิง
หลังจากถูกตัดสายเลือดของหยางเฉินยับยั้ง ยังไม่ต้องพูดถึงศักยภาพแดนนภาขั้นสองชั้นกลางของเจียงเผิง แม้แต่การระเบิดศักยภาพในแดนนภาขั้นสองชั้นต้นออกมานั้น ยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเลย
และนี่เป็นความน่ากลัวของการยับยั้งทางสายเลือด ในส่วนของไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านทั้งสองคนนั้น ไม่มีแม้กระทั่งศักยภาพในแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น เมื่ออยู่ภายใต้การยับยั้งของสายเลือดที่เด็ดเดี่ยว พวกเขารู้สึกว่าตัวเองที่อยู่ต่อหน้าหยางเฉิน ไม่ต่างอะไรจากมดตัวจ้อยเลย ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทา ไม่มีแม้กระทั่งจิตใจที่อยากต่อสู้กับหยางเฉิน
จู่ ๆ เจียงเผิงก็พูดเสียงดัง: “หยางเฉิน หากเจ้ายินดีเข้าร่วมตระกูลเจียง ตระกูลเจียงจะไม่นำตัวเฝิงเสียวหว่านไป ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ตระกูลเจียงยังจะส่งตัวผู้แข็งแกร่งแดนนภาออกมาคอยคุ้มกันนางลับ ๆ อีกด้วย!”
ภายในน้ำเสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
บัดนี้เขาสามารถยืนยันได้แล้วว่า สายเลือดของหยางเฉินอยู่เหนือสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดในตระกูลเจียงอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มผู้มีสายเลือดที่แข็งแกร่งเช่นนี้ อนาคตต้องไปได้ยาวไกลอย่างไร้ขีดจำกัดแน่นอน หากสามารถดึงตัวเขาเข้าร่วมตระกูลเจียงได้ มันจะส่งผลดีอย่างยิ่งใหญ่ต่อตระกูลเจียง
ซึ่งผลดีนี้ถึงขั้นสามารถทำให้ตระกูลเจียงละทิ้งนักปรุงยาคนหนึ่งได้
ไป๋หลี่เย่ก็ตอบสนองกลับมาได้แล้วเช่นกัน ก่อนจะรีบเอ่ยปากพูดว่า: “คุณหยาง หากท่านยินดีเข้าร่วมราชวงศ์ไป๋หลี่ ราชวงศ์ไป๋หลี่ก็จะไม่นำตัวเฝิงเสียวหว่านกลับไปเช่นกัน ขอเพียงท่านต้องการ เราสามารถส่งผู้แข็งแกร่งแดนนภาออกมาคอยคุ้มกันทุกคนที่ท่านต้องการคุ้มกันได้ตลอดเวลาเลยนะขอรับ”
“ใช่สิ ยังมีเพื่อนสนิทของท่านหม่าชาวด้วย บัดนี้แม่ของเขาไป๋หลี่ชิวเหว่ กำลังถูกขังอยู่ในราชวงศ์ไป๋หลี่ หากท่านเข้าร่วมราชวงศ์ไป๋หลี่ ไป๋หลี่ชิวเหว่ก็จะได้รับอิสระอีกครั้งด้วย”
“ได้โปรดคุณหยางช่วยเห็นแก่หน้าหม่าชาว ให้โอกาสราชวงศ์ไป๋หลี่ด้วยนะขอรับ”
ไป๋หลี่เย่ในวินาทีนี้จะยังจองหองพองขนเหมือนดั่งครั้นเมื่อเพิ่งเจอหน้าหยางเฉินได้อย่างไร? ใบหน้าของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความเคารพนอบน้อม สรรพนามที่เรียกหยางเฉินที่เปลี่ยนไปแล้ว
ชายหนุ่มผู้มีสายเลือดอันแข็งแกร่ง มีพลังดึงดูดที่มากมายมหาศาลต่อทุกกองกำลังบู๊โบราณ
ลี่เฉินในวินาทีนี้ก็รู้สึกตะลึงมากเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสายเลือดของหยางเฉินจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นคือมันแข็งแกร่งถึงขั้นที่สามารถทำให้ไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านไม่นำตัวเฝิงเสียวหว่านกลับไป และขอให้หยางเฉินเข้าร่วมตระกูลของพวกเขาทั้งสอง
เท่านี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าคุณค่าของหยางเฉินที่มีต่อกองกำลังในโลกบู๊โบราณ อยู่เหนือเฝิงเสียวหว่านแล้ว
จิตที่จะสู้บนตัวหยางเฉินพรั่งพรู ดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้นจ้องเขม็งไปทางเจียงเผิง เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขาทั้งสองคนยังไงอย่างนั้น
“ปัง!”
หยางเฉินเคลื่อนไหวร่างกายกะทันหัน
สีหน้าของเจียงเผิงเปลี่ยนไปในทันที เขานึกยังอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าหยางเฉินถึงขั้นลงมือในทันทีเพราะคุยได้ไม่ถูกกัน
และประเด็นสำคัญคือเมื่ออยู่ภายใต้เขตแดนของหยางเฉิน บวกกับการยับยั้งทางสายเลือดของหยางเฉิน ทำให้เขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นกลางผู้สง่าผ่าเผย ทำได้เพียงระเบิดศักยภาพแดนนภาขั้นสองชั้นต้นออกมาได้อย่างยากลำบาก ยิ่งกว่านั้นคือศักยภาพที่ระเบิดออกมายังขาดความชำนาญเล็กน้อยด้วย
นี่จึงทำให้เขารู้สึกเสียใจและอึดอัดใจมาก
หยางเฉินแทบจะปรากฏตรงหน้าเจียงเผิงภายในเสี้ยววินาทีเดียว ง้างมือขึ้นมาโจมตี การโจมตีร่วงลงทางเจียงเผิงอย่างดุดัน
เจียงเผิงอยากจะหลบหลีก แต่กลับพบว่าสายไปแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่ร้อนรน เขาทำได้เพียงตั้งท่าป้องกัน
“ปัง!”
เสียงกระแทกดังข้ึน กำปั้นของหยางเฉินร่วงลงมาอย่างดุดัน กระแทกเข้ากับแขนทั้งสองข้างที่ไขว้กันของเจียงเผิงโดยตรง
“ตึกตึกตึก!”
เจียงเผิงก้าวถอยหลังกลับไปติดต่อกันเจ็ดแปดก้าวถึงจะหยุดถอยหลัง
แต่ทว่าการโจมตีอีกครั้งหนึ่งของหยางเฉินก็มาถึงตรงหน้าแล้ว
เท้าเจียงเผิงเหยียบย่ำลงบนพื้นอย่างเต็มเหนี่ยว ก่อนที่ร่างกายจะพุ่งไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ปัง!”
และเสี้ยววินาทีที่เขาถอยหลังกลับไปเมื่อครู่ การโจมตีของหยางเฉินก็ได้ร่วงลงบนตำแหน่งที่เขายืนอยู่เมื่อครู่นี้ และตำแหน่งดังกล่าวก็เกิดเป็นหลุมลึกหนึ่งหลุม
ฝุ่นควันตลบฟุ้งไปทั่วทุกสารทิศ
เหนือนภายอดเมฆามีเมฆครึ้มปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น สายฟ้าผ่าผ่านขอบฟ้าไปอย่างต่อเนื่อง เหมือนกำลังจะฉีกแผ่นฟ้าให้ขาดยังไงอย่างนั้น
ไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านตกใจจนร่างกายสั่นเทา พวกเขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วยซ้ำ
หลังจากที่เจียงเผิงถอยหลังกลับไปแล้ว ฉฉก็ไล่เข้ามาโจมตีอีกครั้ง
“ปังปังปัง!”
เจียงเผิงถอยจนถอยไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงยกกำลังออกรับมือโดยตรง ทั้งสองคนปะทะกันอย่างบ้าคลั่งเสียงดัง
ใบหน้าของไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านเปี่ยมล้นไปด้วยความช็อก ศึกการต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับนี้ ต่อให้เป็นพวกเขาก็ไม่ได้พบเจอมานานหลายปีแล้ว นี่มันเป็นเหมือนงานเลี้ยงที่ใหญ่โตสำหรับจักษุสัมผัสชัด ๆ
เจียงเผิงคือผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นกลาง ส่วนหยางเฉินนั้นถึงแม้แดนบูโดของเขายังไม่บรรลุถึงแดนนภา แต่ทว่ากำลังรบ ณ วินาทีนี้ของเขากลับไม่ด้อยไปกว่าเจียงเผิงที่อยู่แดนนภาขั้นสองชั้นกลางเลย ยิ่งกว่านั้นคือเขาสามารถใช้การยับยั้งทางสายเลือดมากดอัดศักยภาพของเจียงเผิงได้อีกด้วย
นี่มันการกดอัดที่เอนไปทางหยางเฉินฝ่ายเดียวชัด ๆ หลักจากปะทะกันสิบวินาทีสั้น ๆ เจียงเผิงก็ได้รับบาดเจ็บ ย้อนกลับไปดูทางหยางเฉิน แม้เขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่สภาพอาการบาดเจ็บของเขาไม่สาหัสแต่อย่างใด
สีหน้าของเจียงเผิงขาวซีดถึงขั้นสุด เขารู้อยู่ว่าขืนต่อสู้ต่อไป ตัวเองก็มีแต่ต้องพ่ายแพ้เท่านั้น
“หยางเฉิน เจ้าอย่าทำตัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยนะ ตระกูลเจียงไม่ได้มีเพียงข้าผู้เดียวเท่านั้น”
เจียงเผิงพูดด้วยอารมณ์ที่โกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง
แต่หยางเฉินกลับเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเขายังไงอย่างนั้น บุกเข้ามาโจมตีต่อ
“ไม่จบไม่สิ้นใช่ไหม?”
เจียงเผิงพูดด้วยความโกรธเคือง จากนั้นเขาก็ตะคอกเสียงดังลั่นไปทางเจียงจ้าน: “ช่วยข้าอีกแรงหนึ่ง สังหารเจ้านี่ซะ!”
แต่ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้การยับยั้งของสายเลือด ขาทั้งสองข้างของเจียงจ้านกำลังสั่นเทา เขาจะมีความกล้าต่อสู้อีกได้อย่างไร?
“ขยะ!”
เมื่อเห็นว่าเจียงจ้านไม่สามารถต่อสู้ได้ เจียงเผิงจึงดุด่าเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ตู้มม!”
และในเวลานี้เอง สายฟ้าที่แยงตาก็ผ่าลงมาจากท้องฟ้า ผ่าลงมาโดยตรง
เสี้ยววินาทีที่สายฟ้าผ่าลงมา ชี่ทิพย์ที่เข้มข้นก็ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าเช่นกัน
สีหน้าของเจียงเผิงเปลี่ยนไปกะทันหัน แหงนหน้ามองดูรอยร้าวขนาดใหญ่เหนือนภาพลางพูดอย่างหวาดผวา: “ม่านพลัง แตกแล้ว!”