The king of War - บทที่ 203 คาดเดาอย่างอาจหาญ
“หยางเฉิน เพราะไอ้สวะอย่างแก ถ้าไม่ใช่แก จะวุ่นวายได้ถึงขั้นนี้ได้ยังไง? แกไสหัวออกไปเลยนะ! ตระกูลโจวไม่ต้อนรับแก!”
เจิ้งเหม่ยหลิงเดินมาด้านหน้าหยางเฉิน ยื่นมือชี้หน้าเขา ตะคอกใส่อย่างโกรธแค้น
ฉินซีอยากจะพูดอะไร หยางเฉินกลับดึงเธอเอาไว้เบาๆ “แบบนี้ดีเลย คุณกับเสี้ยวเสี้ยวอยู่เป็นเพื่อนทางนี่กันก่อน ผมกับพ่อจะไปพักโรงแรมข้างนอก พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปที่จัดงานแต่งของพี่ชายคุณโดยตรง”
หยางเฉินสามารถมองออกว่าบนหน้าฉินซีลำบากใจอยู่บ้าง ด้านหนึ่งเป็นบิดาและสามีของตนเอง ด้านหนึ่งเป็นคุณตา เธอแทรกอยู่ตรงกลาง จึงทำตัวลำบากมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นญาติพี่น้อง มักจะไม่สามารถตัดขาดกันได้เพราะเรื่องนี้
ฉินต้าหย่งเพิ่งก่อเรื่องวุ่นวาย ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป มีแต่หาเรื่องให้ตนเองโดนรังแก ไม่สู้ออกไปด้วยกันกับเขาน่าจะดีกว่า
“พี่เขย ฉันไปพักที่โรงแรมกับพวกพี่ด้วย!”
ฉินยีพูดมาแบบไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หยางเฉินส่ายหน้านิดหน่อย มองหล่อนด้วยท่าทางจริงจัง “มีเธออยู่ ฉันถึงวางใจลงได้ อย่าให้เสี่ยวซีถูกคนอื่นรังแกเอาได้!”
เห็นลักษณะท่าทางที่เคร่งขรึมของหยางเฉิน ในใจฉินยีเต็มไปด้วยความอิจฉาต่อฉินซี หลังลังเลอยู่นิดหน่อย หล่อนจึงพยักหน้าตอบ “พี่เขยวางใจได้ มีฉันอยู่ ใครก็อย่าคิดมารังแกพี่สาวฉัน!”
“ดี!”
หยางเฉินกอดเสี้ยวเสี้ยวอีกสักหน่อย จากนั้นพูดกับฉินต้าหย่งว่า “พ่อครับ พวกเราไปกันก่อนเถอะครับ!”
ก็ตามนี้ ทั้งสองคนออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลโจวแล้ว
หยางเฉินขับรถโฟล์คเภาตันที่ธรรมดาคันนั้น แล่นตรงไปทิศทางใจกลางเมืองโจวเฉิง
ตระกูลโจวอยู่ที่ชนบท มองขึ้นมามีลานกว้างเกือบพันตารางเมตร และยังมีคฤหาสน์เล็กอีกสองหลัง ในความเป็นจริงราคาโดยรวมคงประมาณสองล้าน สำหรับหยางเฉินแล้ว เป็นแค่เงินจำนวนน้อยนิด
“รู้แต่แรกคงไม่มาแล้ว แถมยังต้องมาโมโหอีกด้วย!”
ช่วงระหว่างทางไป ฉินต้าหย่งท่าทางหงุดหงิดเต็มที่
หยางเฉินหัวเราะเล็กน้อย “พ่อครับ ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้พ่อก็เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอ จะมาเสียสติไป เพราะเรื่องเล็กน้อยขนาดนี้ไม่ได้นะครับ”
ฉินต้าหย่งส่ายหน้าอย่างขมขื่น “พ่อแค่อัดอั้นตันใจ โจวยู่ชุ่ยนังตัวดีคนนั้น แอบทำเรื่องมากมายขนาดนั้นลับหลังพ่อ เมื่อกี้ลูกก็เห็นแล้วนี่ คนตระกูลโจวว่าร้ายอะไรให้บ้าง?”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ตระกูลฉินยังรุ่งเรือง คนตระกูลโจว ใครกล้าพูดไม่ดีต่อหน้าพ่อกัน? ตอนนี้ตระกูลฉินตกต่ำ พวกเราออกมาจากตระกูลฉินแล้ว คนตระกูลโจวจึงดูถูกพ่อแล้ว เป็นพวกต่ำต้อยที่สายตาไม่ยาวไกลกลุ่มหนึ่งจริงๆ”
“พ่อเห็นแก่ว่าเป็นสามีภรรยากัน นี่คือครั้งสุดท้ายที่พ่อจะไปตระกูลโจว ถ้าพ่อไปตระกูลโจวอีกครั้ง งั้นพ่อก็เป็นไอ้งั่งแล้ว!”
“หยางเฉิน พ่อจะบอกลูกนะ……”
ฉินต้าหย่งเปิดโหมดคนคุยเก่งขึ้นมาทันที ระหว่างทางพูดไม่หยุด ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวของคนตระกูลโจวทั้งสิ้น
หยางเฉินฟังมาโดยตลอด บางทีก็ตอบรับไปหน่อย ช่วยฉินต้าหย่งระบายความอึดอัดในใจออกมาอย่างเต็มที่
“หยางเฉิน โจวยู่ชุ่ยผู้หญิงคนนี้ ลูกจะต้องระวังเอาไว้หน่อย หล่อนเห็นแก่เงินเข้าเส้นเลือดไปตั้งนานแล้ว เพื่อเงินแล้ว เรื่องอะไรหล่อนก็ทำได้ทั้งนั้น ลูกอย่าให้หล่อนได้เหยียบเข้าไปในยอดเมฆาแม้แต่ก้าวเดียวโดยเด็ดขาด!”
ฉินต้าหย่งพูดกำชับด้วยท่าทางเคร่งขรึมขึ้นกะทันหัน
ในใจหยางเฉินตกใจพอสมควร เขามักคิดว่าในใจฉินต้าหย่งเหมือนเก็บซ่อนความลับเรื่องหนึ่งเอาไว้
“ผมรู้แล้ว!”
หยางเฉินตอบกลับ
เขาพบว่าโจวยู่ชุ่ยเหมือนกลัวการหย่าร้างกับฉินต้าหย่งเอามากๆ
ก่อนหน้านี้ ฉินต้าหย่งได้ใช้การหย่าร้าง บังคับโจวยู่ชุ่ยย้ายออกไปจากยอดเมฆาด้วยกันกับเขา
และเมื่อสักครู่ ฉินต้าหย่งยังใช้การหย่า มาบีบโจวยู่ชุ่ยให้พูดความจริง
หยางเฉินไม่ได้คิดว่าเพราะโจวยู่ชุ่ยรักฉินต้าหย่ง ถึงไม่ยอมหย่าขาด
ถ้าเป็นแบบนี้จริง ครั้งก่อนฉินต้าหย่งเกือบโดนตีตาย ทั้งยังพักที่โรงพยาบาลหลายวัน โจวยู่ชุ่ยกลับไม่เคยไปเยี่ยมสักครั้งเดียวแม้แต่อย่างใด
ในใจหยางเฉินเกิดการคาดเดาอย่างอาจหาญขึ้นมาฉับพลัน แต่เรื่องนี้เชื่อมโยงมากเกินไป เขาไม่กล้าถาม และไม่ยินยอมไปค้นหาด้วย
เพราะถ้าเกิดเป็นอย่างที่เขาคาดเดาไว้จริง สำหรับฉินซีและฉินยีแล้ว นั่นเป็นการกระทบกระเทือนที่ใหญ่มากทีเดียว
“หยางเฉิน มีเรื่องหนึ่ง บางทีพ่อควรบอกลูกให้รู้”
ฉินต้าหย่งลังเลอยู่ตั้งนาน ทันใดนั้นเอ่ยปาก มองหยางเฉินบอกว่า “ความจริง โจวยู่ชุ่ยไม่ใช่……”
“พ่อ นั่งดีๆ ครับ!”
ฉินต้าหย่งกำลังอยากจะพูดต่อไป หยางเฉินกลับเอ่ยปากทันใด บนหน้าดูเย็นเฉียบ
“ปึง!”
เขาเพิ่งพูดจบลง เสียงดังสนั่นขึ้นทีหนึ่ง
เห็นเพียงโฟล์คพาสสาทสีดำคันหนึ่ง ชนกับเฟอร์รารี่สีแดงด้านหน้าคันหนึ่งเข้า
ในขณะเดียวกัน หยางเฉินเหยียบใช้เท้าเหยียบคันเร่งจนถึงที่สุด เครื่องยนต์ของโฟล์คเภาตันส่งเสียงกระหึ่มอย่างบ้าคลั่ง คาดไม่ถึงพุ่งเข้าไปยังโฟล์คพาสสาทที่เพิ่งจอดลงด้านหน้าคันนั้น
“หยางเฉิน รีบเบรกรถ!”
ฉินต้าหย่งมองเห็นฉากนี้ ตกใจค้างแล้ว ชั่วขณะนั้นตะโกนขึ้นมา
“ปึง!”
เพียงแต่ตอนที่เขาตะโกนคำนั้นออกมา ก็สายไปเสียแล้ว
“เอี๊ยด~”
แรงกระแทกมหาศาล โฟล์คเภาตันหมุนติ้วตรงกลางถนนรอบหนึ่ง ก่อนจะหยุดลงข้างทางอย่างแน่นิ่ง
ถุงลมนิรภัยในรถพองออกมาโดยอัตโนมัติ หยางเฉินและฉินต้าหย่งเดิมทีคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ เวลานี้ศีรษะกระแทกบนถุงลมนิรภัย แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
โฟล์คพาสสาทที่ถูกหยางเฉินชนเข้าคันนั้น พลิกคว่ำติดต่อกันไปหลายรอบ ล้อรถหงายขึ้นฟ้าและลื่นไถลออกไปหลายสิบเมตรถึงหยุดลง
ฉินต้าหย่งมองฉากนี้ด้วยท่าทางอึ้งทึ่ง การชนเมื่อสักครู่นี้ เขาคิดว่าตนเองจะตายเสียแล้ว นึกไม่ถึงยังมีชีวิตรอดอยู่
แต่โฟล์คพาสสาทที่โดนหยางเฉินชนคว่ำไปคันนั้น เห็นชัดว่าได้รับความเสียหายหนักมาก มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดเรื่องอันตรายถึงชีวิตคน
ฉินต้าหย่งเพียงแค่อึ้งทึ่งไปครู่หนึ่ง เขารีบปลดเข็มขัดนิรภัยออก พูดด้วยอารมณ์ฮึกเหิมมาก “หยางเฉิน ลูกรีบมาเปลี่ยนที่กับพ่อเร็ว!”
เขากำลังพูด เตรียมปีนเข้าไปยังที่นั่งคนขับ
การกระทำโดยจิตใต้สำนึกของฉินต้าหย่ง กลับทำให้ภายในใจหยางเฉินอบอุ่น เขารู้ดีแน่นอนว่าฉินต้าหย่งมีวัตถุประสงค์อะไร
หยางเฉินไม่ได้มีความหมายจะเปลี่ยนตำแหน่งกับฉินต้าหย่ง หัวเราะแล้วพูดว่า “พ่อครับ พ่อวางใจเถอะครับ จะไม่มีเรื่องอะไร!”
“มันเวลาไหนกันแล้ว ลูกยังมาหัวเราะออกอีก? รีบมาเปลี่ยนที่นั่งกับพ่อ ถึงตอนนั้นก็บอกว่าพ่อเป็นคนขับรถ ต่อให้คนตายไป ทุกอย่างปล่อยให้พ่อรับผิดชอบเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับลูกสักนิดเดียว”
ฉินต้าหย่งหน้าตาร้อนใจเต็มที่ ทั้งที่ตนเองประหม่ามาก บนหน้าผากยังมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้น กลับนึกถึงว่าจะปกป้องหยางเฉินอย่างไรดี
หยางเฉินเข้าใจดี ฉินต้าหย่งเห็นตนเองเป็นลูกเขยที่แท้จริงตั้งนานแล้ว แม้กระทั่งเหมือนเป็นลูกชาย
ในใจของฉินต้าหย่ง ตำแหน่งของตนเองกับฉินซีและฉินยี ล้วนเหมือนกันทั้งหมด
“พ่อครับ ผมจะลงไปจัดการเรื่องราว พ่อรออยู่ในรถ ไม่ต้องออกมา!”
หยางเฉินไม่ทันได้อธิบายมากมายนัก เพียงแค่กำชับฉินต้าหย่งว่าอย่าลงจากรถ
ไม่รอให้ฉินต้าหย่งพูดอะไร เขาก็ดึงเปิดประตูรถเดินลงไปแล้ว
“หยางเฉิน!”
เขาเพิ่งลงจากรถ เสียงที่ดูตกใจเสียงหนึ่งดังขึ้น
หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย เดินเข้าไปแล้ว มองซูซานที่ค้ำประตูรถไว้ก่อนจะพูดว่า “คุณไม่เป็นไรนะ?”
ซูซานส่ายหน้า คงเป็นเพราะการชนเมื่อสักครู่นี้ บนหน้าเธอจึงดูซีดเผือด
ถุงลมนิรภัยของเฟอร์รารี่พองออกทั้งหมดเช่นกัน ซูซานแค่ได้รับความตกใจเท่านั้น ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน
เมื่อสักครู่เพราะหยางเฉินมองเห็นว่าเป็นรถของซูซาน และด้านหลังโฟล์คพาสสาทคันนั้นก็ขับชนเข้าไปยังรถของซูซานอีก ดังนั้นหยางเฉินถึงชนทางโฟล์คพาสสาท
มิฉะนั้น ซูซานต้องได้รับบาดเจ็บหนักเป็นแน่ แม้กระทั่งถึงขั้นเสียชีวิต
“คุณช่วยชีวิตฉันไว้อีกแล้ว!”