The king of War - บทที่ 2048 หยุดเวลาไว้
เมื่อได้ยินคำพูดของลี่เฉิน รอยยิ้มบนใบหน้าของ เยว่คงก็หายไป และเจตนาฆ่าก็ฉายแววในดวงตาของเขา
ลุงคุนโกรธเคืองอย่างมาก: “นายอยากตายหรือไง!”
เยว่คงเหล่ตาและจ้องไปที่ลี่เฉินพร้อมทั้งกล่าว “ตอนนี้กำแพงกั้นระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่างเพิ่งพังทลายลง สำหรับผู้คนในโลกมนุษย์พวกเขาไม่รู้ความน่ากลัวของโลกบู๊โบราณล่าง ฉันจะคิดสักว่านายยังไม่รู้ดีเกี่ยวกับโลกบู๊โบราณล่าง ”
“ตอนนี้ ฉันยินดีที่จะให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่นาย ยอมจำนนต่อฉัน ฉันสามารถให้ทรัพยากรการฝึกฝนต่างๆ แก่นาย และสนับสนุนนายให้เป็นราชาแห่งภูเขามาร ได้”
ลุงคุนกล่าวอย่างรวดเร็ว: “ตระกูลเยว่ อยู่ในโลกบู๊โบราณล่าง แม้ว่าจะไม่ใช่กองกำลังศิลปะการต่อสู้ระดับแนวหน้า แต่ก็เป็นรองจากอำนาจสูงสุด ในตระกูลเยว่ มีแม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสาม หลายคน และตระกูลเยว่ผู้นำของพวกเรา ความแข็งแกร่งถึงแดนนภาขั้นสามชั้นปลายแล้ว”
“ถ้าเทียบกับโลกบู๊โบราณล่างทั้งหมด ผู้นำของพวกเราเป็นกลุ่มที่ทรงพลังที่สุด นายถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ภักดีต่อคุณชายเยว่”
ใบหน้าของลี่เฉินเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้เขาแค่ต้องการค้นหาวิญญาณของเผยเซียนอิน ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่แล้วคนเหล่านี้ทำให้เขาล่าช้า
ลี่เฉินตะโกนอย่างโกรธจัด “ออกไปจากสำนักเซิ่งกง!”
ขณะที่เขาตะโกนด้วยความโกรธ อานุภาพมารที่น่าสะพรึงกลัวก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา
ในสายตาของ เยว่คง มีเจตนาฆ่าที่รุนแรงสองข้าง เขาพูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อนายไม่อยากเป็นของฉัน งั้นก็ไปตายซะ!”
หลังจากพูดจบ เขาก็สั่งผู้แข็งแกร่งที่อยู่ข้างๆ เขา “ลุงชาง ลุงร่วมมือกับลุงคุน ฆ่าขยะอันไร้ประโยชน์นี้ทิ้ง!”
“ครับ!”
ลุงชางตอบ และตามลุงคุนไป ซึ่งพุ่งเข้าไปหาลี่เฉินโดยตรงอย่างเจตนาฆ่า
ผู้คนในสำนักเซิ่งกงต่างประหม่า
สำหรับพวกเขา มีเพียง ลี่เฉินเท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเขาได้ในตอนนี้ ถ้าเกิดว่าลี่เฉินเสียชีวิตในมือของผู้แข็งแกร่งตระกูลเยว่ สำนักเซิ่งกงก็จะกลายเป็นของตระกูลเยว่โดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม สำนักเซิ่งกงเป็นกองกำลังที่ก่อตั้งโดยธิดาหิมะ ส่วนธิดาหิมะนั้นครั้งหนึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งมากในทั้งโลกบู๊โบราณ เมื่อสำนักเซิ่งกงกลายเป็นของตระกูลเยว่ นั้นก็หมายความว่าทำให้ธิดาหิมะเสียหน้าล่ะสิ?
“ผู้อาวุโสใหญ่ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรต่อดีครับ?”
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดคนหนึ่งของสำนักเซิ่งกงมองไปลู่ปั้นเหลียนถามอย่างประหม่า
ลู่ปั้นเหลียนกำหมัดแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล และพูดด้วยดวงตาสีแดง “ถ้า ธิดาหิมะยังคงอยู่ที่นี่ พวกเขากล้าที่จะมาที่สำนักเซิ่งกง มีทางเดียวเท่านั้นก็คือตาย!”
น่าเสียดายที่ ธิดาหิมะได้ออกจากสำนักเซิ่งกงแล้ว
ผู้แข็งแกร่งสำนักเซิ่งกงที่พูดก่อนหน้านี้ก็พูดขึ้นอีกครั้ง: “ผู้อาวุโสใหญ่ ก่อนที่ ธิดาหิมะจะจากไป เธอได้ทิ้งจิตสำนึกไว้หนึ่งไม่ใช่เหรอ? เรามาใช้จิตสำนึกของ ธิดาหิมะมากำจัดศัตรูเหล่านี้เถอะค่ะ”
ผู้แข็งแกร่งสำนักเซิ่งกงอื่น ๆ ทั้งหมดมองไปที่ ลู่ปั้นเหลียน ด้วยความคาดหวัง เห็นได้ชัดว่านั่นคือสิ่งที่พวกเขาหมายถึง
ลู่ปั้นเหลียน ขมวดคิ้ว หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอส่ายหัวและกล่าว “จิตสำนึกที่ ธิดาหิมะทิ้งไว้สามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อ สำนักเซิ่งกงของเราอยู่ในจุดแห่งชีวิตและความตาย และมีโอกาสใช้ครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อใช้แล้ว สำนักเซิ่งกงจะสูญเสียเกาะป้องกันสุดท้าย”
“แม้ว่าเราจะสามารถใช้จิตสำนึกของ ธิดาหิมะ กำจัดผู้แข็งแกร่งของตระกูลเยว่ได้ในตอนนี้ แล้วหลังจากที่พวกเขาถูกกำจัดออกไปแล้วล่ะ?ตระกูลเยว่จะปล่อยผ่านพวกเราไปง่ายๆ เหรอ? ถึงเวลานั้น ตระกูลเยว่จะส่งผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมาสำนักเซิ่งกง เมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนในสำนักเซิ่งกงจะต้องตาย!”
หลังจากฟังคำพูดของ ลู่ปั้นเหลียน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
พวกเขาคิดแค่ต้องการแก้ปัญหาตรงหน้า ละเลยตัวตนของอีกฝ่ายหนึ่ง เยว่คงสามารถมีแดนนภาขั้นสองชั้นต้นป้องกันอยู่ข้างๆ ตัวตนของเขาในตระกูลเยว่เห็นได้ชัดว่าสูงมาก
และ เยว่คงเองก็เป็นแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเขานั้นยอดเยี่ยมมากๆ
ถ้าใช้จิตสำนึกของธิดาหิมะเพื่อฆ่าเยว่คงจริงๆ ตระกูลเยว่จะล้างสำนักเซิ่งกงด้วยเลือดที่แดงก่ำแน่นอน
“พวกเราจะต้องดูประมุขลี่ตายในการต่อสู้นั้นเหรอ? โดยที่ช่วยอะไรเขาไม่ได้ สุดท้ายสำนักเซิ่งกงก็กลายเป็นของตระกูลเยว่เหรอคะ?”
ผู้แข็งแกร่งแต่ละคนของสำนักเซิ่งกงมีสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก
ลู่ปั้นเหลียนเองก็ไม่พอใจอย่างมากเช่นกัน แต่สถานการณ์ตรงหน้ามันชัดเจนมาก
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ตอนนี้ยังไม่จบไม่ใช่หรือ? บางทีประมุขลี่อาจทำให้พวกเราอึ้งทึ่งได้”
ทุกคนมองไปที่สนามรบ
ในเวลานี้ ผู้แข็งแกร่งทั้งสองของตระกูลเยว่กำลังร่วมมือกันเพื่อจัดการกับลี่เฉิน
ลี่เฉินมีความแข็งแกร่งเพียงเข้าสู่แดนนภาขั้นสองชั้นต้นอีกอย่างคือจากแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น เขาก็กระโดดข้ามเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นต้น
พื้นฐานศิลปะการต่อสู้ของเขาไม่มั่นคงเลย เมื่อกี้ที่สู้กับลุงคุน เขาก็เสียเปรียบอย่างมากแล้ว
ตอนนี้ลุงชางและลุงคุนร่วมมือกัน เขาต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วง เหมือนเขาถูกผู้แข็งแกร่งของตระกูลเยว่นั้นทุบตีไปมาสองคน ทำเขาถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
ผู้แข็งแกร่งสำนักเซิ่งกงซึ่งเมื่อกี้ที่ยังเต็มไปด้วยความหวังกับลี่เฉินในตอนนี้ทุกคนหน้าซีดกันไปหมดเมื่อเห็นว่าลี่เฉินถูกโจมตีอย่างหนักคิดต่อกันสองสามครั้งจากผู้แข็งแกร่งของตระกูลเยว่ทั้งสองคน
เห็นได้ชัดว่าลี่เฉินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนสองคนนี้เลย ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ลี่เฉินจะต้องตายอย่างแน่นอน
“ผู้อาวุโสใหญ่ หากประมุขลี่พ่ายแพ้ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอนค่ะ!พวกเราจะดูเขาตายด้วยน้ำมือของผู้แข็งแกร่งตระกูลเยว่เช่นนี้เลยเหรอคะ? ต้องทนเห็นเขาตายเพราะปกป้องสำนักเซิ่งกงของเรางั้นเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ! ประมุขลี่และ ท่านเจ้าสำนักเผยของพวกเรารักกันมาหลายปีเช่นนี้ ถ้า ท่านเจ้าสำนักเผยยังมีชีวิตอยู่ เขาจะไม่ทนดูประมุขลี่ถูกฆ่าตายอย่างแน่นอนค่ะ”
“ผู้อาวุโสใหญ่ แม้ว่าจิตสำนึกของ ธิดาหิมะสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว แม้ว่าเราจะใช้จิตสำนึกของ ธิดาหิมะฆ่าตระกูลเยว่ ถึงจะเป็นภัยให้กับสำนักเซิ่งกงหลังจากที่ฆ่าแล้วก็ตาม หรือไม่ก็หลังจากฆ่าไอ้พวกนี้แล้ว สำนักเซิ่งกงก็แยกย้ายกันไป ถ้ามีโอกาสที่เหมาะสม เราค่อยมาสร้างสำนักเซิ่งกงขึ้นใหม่ ตราบใดที่ผู้คนยังมีชีวิตอยู่ สำนักเซิ่งกงก็จะไม่ถูกทำลาย!”
“ผู้อาวุโสใหญ่ โปรดเชิญจิตสำนึกของธิดาหิมะออกมา ฆ่าศัตรูทั้งหมดที่มาเถอะค่ะ!”
…
ในช่วงเวลาหนึ่ง บรรดาผู้แข็งแกร่งของสำนักเซิ่งกงเริ่มพูดกันขึ้นมา
ดวงตาของ ลู่ปั้นเหลียนแดงก่ำ น้ำตาอยู่ติดขอบตา หลังจากที่เผยเซียนอินจากไป เธอก็เป็นผู้นำในสำนักเซิ่งกงไปแล้ว แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักของสำนักเซิ่งกงก็ตาม แต่เธอก็ถือเป็นเจ้าสำนักไปนานแล้ว
ถ้าสำนักเซิ่งกงพังในมือเขา เธอจะไปเผชิญกับบรรพบุรุษของสำนักเซิ่งกง อย่างไรหลังจากที่เธอตาย?
เมื่อจิตสำนึกของธิดาหิมะได้รับเชิญให้ฆ่าคนของตระกูลเยว่ สำนักเซิ่งกงนั้นยุบแน่นอน มิฉะนั้น เมื่อผู้แข็งแกร่งของตระกูลเยว่มาอีกครั้ง สำนักเซิ่งกงก็จะถูกพังทลายแน่นอน
ลู่ปั้นเหลียนเหลือบมองทุกคนและถาม “พวกเธอเต็มใจแน่นะ?”
“เต็มใจค่ะ!
ทุกคนโห่ร้องพร้อมกัน ไม่มีใครบ่นว่าอะไรเลยทั้งนั้น พวกเธอนั้นมีใบหน้าที่หนักแน่นพร้อมเพรียงกัน
ในหัวใจของพวกเธอนั้น ลี่เฉินเป็นสามีของเผยเซียนอิน และนั่นลี่เฉินก็คือบุคลากรของสำนักเซิ่งกง
ผู้คนของสำนักเซิ่งกงจะไม่มีวันทนดูลี่เฉินที่ปกป้อง สำนักเซิ่งกงเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้
เจตนาฆ่าในดวงตาของ ลู่ปั้นเหลียนระเบิดออกมา เธอพูดเสียงดัง “เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนเต็มใจกัน พวกเรามาเชิญจิตสำนึกของ ธิดาหิมะมาร่วมกำจัดศัตรูทั้งหมดที่บุกรุกเข้ามา!”
“บูม!”
ในขณะนี้ ลี่เฉินถูกฝ่ามือของลุงคุนตบที่หน้าอก เลือดพุ่งออกมาตรงจุดที่โดนฝ่ามือ และร่างของเขาก็พุ่งออกไปในอากาศ
“ฮึ!”
ลุงคุนพูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อนายกล้าปฏิเสธที่จะเป็นหมาของคุณชายเยว่ งั้นฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งนายไปตาย!”
เมื่อเสียงของเขาสิ้นสุดลง เขาคนนั้นก็พุ่งเข้าหาลี่เฉิน เขาต้องการโจมตีลี่เฉินเป็นครั้งสุดท้าย
ใบหน้าของผู้คนในสำนักเซิ่งกงนั้นเปลี่ยนไป และพวกเธอตะโกนอย่างรวดเร็ว: “โปรดเชิญจิตสำนึก ของธิดาหิมะ!”
ลู่ปั้นเหลียน รีบเปิดใช้งานรูปแบบการเรียกเพื่อเรียกจิตสำนึกของ ธิดาหิมะ
แต่ในขณะนี้ อานุภาพมารที่น่าสะพรึงกลัวได้ปกคลุมทั่วทั้งสำนักเซิ่งกง
วินาทีถัดมา ทุกสิ่งในสำนักเซิ่งกงดูเหมือนจะหยุดนิ่งอยู่ในขณะนั้น
ลุงคุนที่ตบฝ่ามือของเขาให้สูง กำลังจะเอาฝ่ามือโจมตีบนหน้าอกของลี่เฉิน
ในขณะที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง ชายหนุ่มราวกับเครื่องรางก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าลี่เฉิน ยกมือขึ้นและออกหมัดไปที่หน้าอกของลุงคุนที่กำลังหยุดนิ่ง
“บูม!”
ทันทีที่หมัดได้บรรจงลงหน้าอกของลุงคุน ทุกอย่างในสำนักเซิ่งกงก็กลับมาเป็นปกติ
ด้วยความตกใจของทุกคน ลุงคุนผู้ทรงพลังบินออกไปบนอากาศ เลือดไหลทะลักออกมาในจุดจุดนั้น
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าลี่เฉิน ซึ่งสีหน้าพวกเขาทั้งหมดราวกับว่าเห็นผี
พวกเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อกี้ฝ่ามือของลุงคุนกำลังจะโจมตีไปยังลี่เฉิน ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าของลี่เฉินตั้งแต่เมื่อไหร่?
“หยางเฉิน!”
ลี่เฉินมองไปที่ร่างที่ช่วยเขาไว้ด้วยความประหลาดใจ