The king of War - บทที่ 2050 ศัตรูสาธารณะของทั้งประเทศ
The king of War บทที่ 2050 ศัตรูสาธารณะของทั้งประเทศ
ในสายตาของ หยางเฉินไม่มีความผันผวนใดๆ เขาไม่ภูมิใจกับคำพูดของ เยว่คงเลยแม้แต่น้อย
เขาตระหนักดีถึงสถานการณ์ตอนนี้ของเขา อย่าพูดถึง ตระกูลเยว่เลย แม้จะให้เขาเข้าร่วมพันธมิตรพิทักษ์ ผู้แข็งแกร่งผู้มีอิทธิพล จะไม่ปล่อยเขาอย่างง่ายแน่นอน
สำหรับกองกำลังหลักในโลกบู๊โบราณล่าง ผู้กระทำผิดที่ทำกำแพงที่แตกสลายระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณ นั้นก็คือหยางเฉิน
ยิ่งไปกว่านั้น วิญญาณของเทพมารอยู่ในร่างของหยางเฉิน ผู้มีอิทธิพลจำนวนมากต้องการฆ่าวิญญาณของเทพมาร แม้ว่าหยางเฉินจะเข้าร่วมตระกูลเยว่ก็ตาม ต้องมีสักวัน ถึงตอนนั้นผู้แข็งแกร่งผู้มีอิทธิพลอื่นๆ จากโลกบู๊โบราณล่างมาที่ตระกูลเยว่เพื่อฆ่าเขาโดยเฉพาะแน่นอน ตระกูลเยว่ยังจะเต็มใจปกป้องเขาเพราะพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเขาจริงหรือ?
หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกไปจากสำนักเซิ่งกง เดี๋ยวนี้!
รอยยิ้มบนใบหน้าของ เยว่คงหายไปอย่างสมบูรณ์ ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงเจตนาฆ่าที่น่าสะพรึงกลัว เขาเหล่ไปที่หยางเฉินและกล่าว “ไอ้หนุ่ม อย่ามาเล่นตัวเยอะ ถ้านายไม่ได้โดดเด่นในศิลปะการต่อสู้ ต่อให้นายคุกเข่าลงอ้อนวอนฉัน ฉันก็จะไม่ให้โอกาสนายเช่นนี้แน่นอน”
ลุงคุนและลุงชางคนหนึ่งยืนซ้ายคนหนึ่งยืนขวาที่ข้างๆเยว่คง ทั้งสองจ้องมองไปที่หยางเฉินอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าพวกเขาจะได้เห็นแล้วว่าขอบเขตศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงของหยางเฉินคือแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นในความเห็นของพวกเขา หยางเฉินใช้เทคนิคลับที่ทรงพลังมากในการบังคับเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาให้อยู่ในระดับที่เทียบได้กับแดนนภาขั้นสองชั้นต้น
ลุงคุนพูดอย่างโกรธเคือง “ไอ้หนุ่ม นายควรรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณชายเยว่เห็นความสามารถด้านนี้ของนาย คุกเข่ารับมันไว้เดี๋ยวนี้!”
หยางเฉินไม่ได้ถูกอีกฝ่ายคุกคามได้ จู่ๆ ก็ถามขึ้น “พวกนายรู้ไหมว่ากำแพงระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่างถูกทำลายโดยใครไหม?”
หลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ตระกูลเยว่ทั้งสามคนก็ตกตะลึงชั่วขณะ ราวกับว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ หยางเฉินจึงถามคำถามเช่นนี้ขึ้นมา
“แน่นอนว่าฉันรู้!”
ลุงชางเปิดปากของเขาและพูด: “คนที่ทำให้เกิดความลุ่มหลงคือผู้แข็งแกร่งผู้มีอิทธิพลที่เคเป็นจุดสูงสุดของโลกบู๊โบราณบน นั้นก็คือเทพมาร! แต่เทพมารในตอนนี้เหลือเพียงวิญญาณเท่านั้น และว่ากันว่าวิญญาณของเทพมารครอบครองโดยนักรบหนุ่มทางโลกมนุษย์ แล้วฉีกแนวกั้นระหว่างได้”
“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับนาย”
ตระกูลเยว่ทั้งสามต่างจ้องมองไปที่หยางเฉิน
หยางเฉินไม่ตอบอะไร เพียงแค่เยาะเย้ย
ทันใดนั้น อานุภาพมารที่น่ากลัวยิ่งก็ปะทุออกมาจากเขา
ในพื้นที่ตระกูลเยว่ทั้งสามยืนอยู่ มีแรงโน้มถ่วงพุ่งสูงขึ้นทันที
สีหน้าของเยว่คงที่มีเพียงความแข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดก็เปลี่ยนไปทันที เขายังไม่ทันได้โต้กลับเขาก็ถูกกดลงกับพื้นด้วยแรงโน้มถ่วงที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน
ใบหน้าของเขาถูกทับลงกับพื้น ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยเลือดในทันที
“คุณชายเยว่!”
ลุงคุนและลุงชางตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้
แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าก็ตาม แต่พวกเขาก็รู้สึกถึงแรงโน้มถ่วงที่น่าสะพรึงกลัวในเวลานี้ และพวกเขารู้สึกว่ามีภูเขาที่กดทับพวกเขาไว้ในตอนนี้
หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะให้โอกาสพวกนายครั้งสุดท้ายออกไปจากที่นี่!”
เสียงของเขาแทงทะลุถึงกระดูก ด้วยความหนาวเย็นที่ลึกเข้าไปในกระดูก แผ่กระจายไปทั่วพื้นที่
จู่ๆ ลุงคุนก็นึกถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาจ้องไปที่หยางเฉินด้วยความกลัวและพูด “นาย นายคือชายหนุ่มทางโลกมนุษย์คนนั้น คนที่ร่างกายถูกวิญญาณเทพมารครอบงำ!”
เขตแดนแรงโน้มถ่วงเป็นหนึ่งในวิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ของเทพมาร
นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในวิธีการที่น่ากลัวที่สุดในหลาย ๆ ด้าน เมื่อผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนที่มีกำลังเท่ากันต่อสู้กันหากหนึ่งในนั้นสามารถปลดปล่อยเขตแดนแรงโน้มถ่วงได้ ก็จะทำให้คู่ต่อสู้รู้สึกกดดันอย่างมากในทันที
เป็นช่วงเวลาแห่งความกดดันที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของการต่อสู้ได้ทันที
ในเวลานี้ หยางเฉินปล่อยเขตแดนแรงโน้มถ่วง นั้นหมายความว่าอย่างไร?
“ฮึ!”
หยางเฉินกวาดมองทั้งสามคนอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไร ความกดดันมหาศาลก็หายไปในทันที
เยว่คงและคนอื่นๆ ถึงจะโล่งใจและรู้สึกดีขึ้น
ทุกคนมองไปที่หยางเฉินอีกครั้ง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว
ก่อนหน้าที่วิญญาณของเทพมารจะครอบครองร่างของหยางเฉิน ก็ได้ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์หลายแห่ง และกระทั่งฉีกอาคมออกจากกัน ก็ได้แพร่กระจายไปในโลกบู๊โบราณล่างแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังระดับสูงในโลกบู๊โบราณล่างจะรู้เรื่องนี้
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์หลายแห่งก็ไม่สามารถฆ่าหยางเฉินได้ นับประสาอะไรที่พวกเขาจะฆ่าหยางเฉินได้?
แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขากลัวจริงๆ ไม่ใช่หยางเฉิน แต่เป็นวิญญาณเทพมารในร่างของหยางเฉิน
หยางเฉินกล่าวอย่างกะทันหัน: “ให้เวลาพวกนายออกจากสำนักเซิ่งกง ไม่เช่นนั้น พวกนายก็อยู่ที่นี่ตลอดไปซะ!”
เยว่คงทั้งสามคนตัวสั่น
ลุงคุนและลุงชางต่างก็มองไปที่เยว่คง
เยว่คง กัดฟันแน่น ใบหน้าที่เปื้อนเลือดของเขาดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
เมื่อกี้นี้หยางเฉินได้ใช้เขตแดนแรงโน้มถ่วงบดขยี้เขาให้เขาล้มลงกับพื้นโดยตรง สำหรับเขา นี่มันน่าอายอย่างมาก
แต่ภายในร่างกายของหยางเฉินมีเทพมาร ซึ่งเขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
“ไปกันเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าหนึ่งนาทีกำลังจะมาถึง ทันใดนั้น เยว่คง ก็กัดฟันแน่นกล่าว
หยางเฉินมองไปที่ทิศทางที่ทั้งสามกำลังจะจากไป และเจตนาฆ่าที่รุนแรงก็พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่ได้ไล่ตามพวกเขาไป
ถ้าเขาต่อสู้อย่างหนัก เขาสามารถฆ่าคนของตระกูลเยว่ทั้งสามได้ แต่เขาก็จะกำลังอย่างมากเช่นกัน
เขาได้กลายเป็นศัตรูสาธารณะของโลกบู๊โบราณล่างทั้งหมดไปแล้ว และเขาอาจเผชิญกับศัตรูที่ทรงพลังได้ตลอดเวลา ส่วนวิญญาณของเทพมารก่อนที่จะนอนหลับ ก็ได้กล่าวคำท่าทายให้โลกบู๊โบราณล่าง ให้นักบูโดที่อยู้ใต้แดนนภาขั้นสามมาจัดการหยางเฉิน
นั้นก็หมายความว่าเขาจะได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งถึงแดนนภาขั้นสองชั่นยอดได้ตลอดเวลา
ในเวลานี้เขาต้องอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
ส่วน เยว่คง เองก็เป็นเชื้อสายตรงของกองกำลังระดับสูงในโลกบู๊โบราณล่าง ถ้าเขาตายที่นี่จริงๆตระกูลเยว่จะไม่ปล่อยให้เขาง่ายๆ แน่นอน
ตอนนี้เขายังไม่ต้องการที่จะยั่วยุศัตรูที่ทรงพลังมากเกินไป
“คุณหยางคะ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้นะคะ!”
ในขณะนี้ ลู่ปั้นเหลียนเดินมาพร้อมกับผู้แข็งแกร่งจากสำนักเซิ่งกง และพูดกับหยางเฉิน
ผู้คนของสำนักเซิ่งกงต่างมีใบหน้าที่ซาบซึ้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉิน สำนักเซิ่งกงคงสิ้นโลกไปแล้ว
หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย มองไปที่ลู่ปั้นเหลียนและกล่าว “ทุกคนควรเตรียมใจให้พร้อมนะครับ ตอนนี้เส้นกั้นระหว่างได้แตกพังไปแล้ว กองกำลังของโลกบู๊โบราณได้เริ่มวางแผนการเกี่ยวกับโลกมนุษย์ ภูเขาภูเขามารย่อมต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของโลกบู๊โบราณล่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนี้คนของตระกูลเยว่ไปแล้ว ฉันกลัวว่าจะมีกองกำลังอื่นจากโลกบู๊โบราณมาที่สำนักเซิ่งกงอีกครั้ง ”
เขาไม่ได้พูดไม่ดี แต่แค่พูดความจริงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
หลังจากฟังคำพูดของเขา ทุกคนในสำนักเซิ่งกงต่างก็หน้าซีด
พวกเขารู้ว่าหยางเฉินไม่ได้พูดเกินจริง เส้นกั้นยังไม่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ กองกำลังระดับสูงในโลกบู๊โบราณล่างก็ได้มาถึงสำนักเซิ่งกงแล้ว
“หากสำนักเซิ่งกงตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง โปรดขอให้คุณหยางช่วยด้วยนะคะ แล้วสำนักเซิ่งกงจะทดแทนบุณคุณนี้แต่คุณแน่นอนค่ะ!”
ลู่ปั้นเหลียน มองไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าอ้อนวอน
ด้วยสีหน้าขมขื่นบนใบหน้า หยางเฉินส่ายหัว: “ผมต้องขอโทษครับ! ผมไม่สามารถสัญญากับพวกคุณได้! ถ้าผมยิ่งช่วยสำนักเซิ่งกงไว้ ผมจะนำภัยอันตรายมาสู่ สำนักเซิ่งกงยิ่งเท่านั้นครับ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของหยางเฉินเต็มไปด้วยท่าทางเคร่งขรึม เขามองขึ้นไปที่เส้นกั้นของสำนักเซิ่งกง เขาพูดด้วยเสียงต่ำ: “กำแพงกั้นระหว่างสองโลกถูกทำลายเพราะฉัน ฉันกลายเป็นศัตรูสาธารณะของโลกบู๊โบราณล่างทั้งหมดแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลู่ปั้นเหลียนก็ถอนหายใจ แน่นอนว่าเธอเข้าใจความหมายของหยางเฉิน
เมื่อกี้เห็นหยางเฉินทำให้ตระกูลเยว่ ตกใจ ดังนั้นเธอจึงมีความหวังกับหยางเฉินริบหรี่ ตอนนี้สงบลง ถึงจะตระหนักได้ว่าอย่างที่หยางเฉินกล่าวว่า การช่วยเหลือสำนักเซิ่งกงจะนำพาภัยพิบัติครั้งใหญ่แก่สำนักเซิ่งกงอีกครั้งได้
ลู่ปั้นเหลียนถอนหายใจมองหยางเฉินและกล่าว “เกรงว่าไม่ใช่แค่ศัตรูสาธารณะของโลกบู๊โบราณล่างทั้งหมด แต่เป็นศัตรูสาธารณะของทั้งประเทศ!”
หยางเฉินตกตะลึงครู่หนึ่ง
ฟังลู่ปั้นเหลียนพูดต่อ: “กำแพงกั้นถูกทำลาย ชี่ทิพย์ของโลกบู๊โบราณล่างถูกทำให้เจือจาง ความเร็วในการฝึกฝนของนักรบของโลกบู๊โบราณล่างจะชะลอตัวลงอย่างมาก ดังนั้น คุณจะถูกเกลียดชังโดยเหล่านักรบจากโลกบู๊โบราณล่าง”
“สำหรับนักรบในโลกมนุษย์ กำแพงกั้นถูกทำลาย พวกเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายของการรุกรานของโลกบู๊โบราณล่าง พวกเขาจะเพลิดเพลินไปกับความเข้มข้นของชี่ทิพย์ที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็จะเกลียดชัง ‘ผู้กระทำความผิด’ที่ทำให้กำแพงกั้นแตก”