The king of War - บทที่ 2088 ห้าตระกูลรวมตัวกัน
ในขณะที่หยางเฉินกำลังบำเพ็ญเพียร ในอีกด้านหนึ่ง ฉีเฟิงก็จากไปพร้อมกับผู้แข็งแกร่งสองคนของตระกูลฉี ระหว่างทางกลับ ฉีเฟิงก็กดโทรศัพท์โทรออก
หลังจากที่อีกฝ่ายรับสาย ฉีเฟิงก็รีบพูดว่า “ผู้นำ ผมต้องแจ้งข่าวที่สำคัญมากให้กับคุณ!”
“สมาคมผู้อาวุโสของโลกมนุษย์ได้แต่งตั้งผู้อาวุโสสี่เมื่อครู่นี้ และคนคนนั้นก็คือชายหนุ่มผู้ทำลายม่านพลังคนนั้น ใช่ใช่ใช่ เป็นหยางเฉิน”
“เขาขอให้กองยุทธการของเขตจงโจวแจ้งให้กองกำลังโบราณที่สำคัญในจงโจว และขอให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจในกองกำลังของพวกเรามาที่งานการประชุมฉุกเฉินในเวลาหนึ่งทุ่มเย็นวันนี้”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ ฉีเฟิงพูด ผู้นำของตระกูลฉีก็เงียบไปทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวว่า “เขาเรียกประชุมกองกำลังทั้งหมดเพื่อออกกฎใหม่สำหรับนักบูโดในนามของผู้อาวุโส”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉีเฟิงรู้สึกกังวล “ผู้นำ ภารกิจของเรายังไม่เสร็จสมบูรณ์ หากมีกฎใหม่ออกมาในเวลานี้ มันจะยากมากที่จะทำภารกิจของเราให้สำเร็จ!”
ผู้นำตระกูลฉีพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด สมาคมผู้อาวุโสก็เตรียมพร้อมที่จะลงโทษกองกำลังบู๊โบราณหลังจากออกกฎใหม่”
“เมื่อมีการออกกฎใหม่ สมาคมผู้อาวุโสจะโจมตีกองกำลังบู๊โบราณอย่างแน่นอน ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเราตระกูลฉีจะต้องไม่ใช่คนแรกที่ไปท้าทายสมาคมผู้อาวุโส นายเข้าใจใช่ไหมว่าฉันหมายถึงอะไร”
หลังจากประหลาดใจไปชั่วขณะ ฉีเฟิงก็กล่าวว่า “ผู้นำ ผมเข้าใจสิ่งที่คุณหมายถึง ไม่ว่าสมาคมผู้อาวุโสต้องการทำอะไร พวกเราตระกูลฉีจะอยู่เฉยๆ รอดูและหาโอกาสที่เหมาะสม จากนั้นค่อยดำเนินการต่อเพื่อให้ภารกิจของตระกูลฉีสมบูรณ์”
“ใช่!”
ผู้นำตระกูลตอบว่า “คราวนี้ ฉันจะให้งานสำคัญกับนาย ถ้านายทำภารกิจนี้สำเร็จ ฉันจะต้องตกรางวัลอย่างหนักแน่นอน!”
ฉีเฟิงหายใจกระชั้นขึ้นทันที นี่เป็นคำสัญญาจากผู้นำตระกูลฉีเชียวนะ!
ฉีเฟิงพูดอย่างตื่นเต้น “ผู้นำตระกูล คุณต้องการให้เราทำอะไร? บอกมาได้เต็มที่ พวกเราจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง!”
เสียงของเขาสั่นเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น
ผู้นำตระกูลฉีกล่าวว่า “ฉันต้องการให้พวกนายจับหยางเฉินกลับมาตระกูลฉีทั้งเป็น!”
“อะไรนะ!”
ฉีเฟิงตกตะลึงหน้าซีดไป หยางเฉินเป็นผู้อาวุโสสี่คนของสมาคมผู้อาวุโส กล้าไปหาเรื่องหยางเฉินก็เท่ากับเป็นศัตรูกับสมาคมผู้อาวุโสไม่ใช่เหรอ?
หากพวกเขาสามารถจับหยางเฉินกลับไปยังตระกูลฉีอย่างเงียบๆ แบบนั้นก็แล้วไป แต่เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้นำตระกูลฉีจะต้องละทิ้งตระกูลฉีในจงโจวแน่ ซึ่งนั่นรวมถึงเขาด้วย
แม้ว่าตระกูลฉีจะทรงพลัง แต่พลังที่อยู่เบื้องหลังสมาคมผู้อาวุโสนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า แม้แต่ตระกูลฉีก็ไม่กล้าไปหาเรื่องพวกสมาคมผู้อาวุโสได้ง่ายๆ
ในสถานการณ์แบบนี้ หากเรื่องถูกเปิดเผย ตระกูลฉีมีแต่จะสังเวยพวกเขาเท่านั้น
“นายวางใจเถอะ ฉันจะจัดกลุ่มผู้แข็งแกร่งให้ไปลงมือ ส่วนพวกนาย ก็แค่ต้องช่วยพวกเขาให้จับหยางเฉินทั้งเป็นมาให้ได้”
ผู้นำของตระกูลฉีพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “งานนี้สำคัญมากจนสามารถละทิ้งทุกเรื่องของตระกูลฉีในจงโจวไปก่อนได้ เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น ฉันจะไม่ปฏิบัติต่อนายอย่างไม่ยุติธรรมแน่”
เมื่อได้ยินว่าผู้นำของตระกูลฉีจะจัดผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ มาให้ ฉีเฟิงก็รู้สึกโล่งใจและพูดอย่างรวดเร็วว่า “ผู้นำ คุณวางใจได้ ผมจะร่วมมือกับผู้แข็งแกร่งที่คุณส่งมาเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”
“ดี!”
ผู้นำตระกูลกล่าวว่า “คืนนี้ ฉันจะจัดผู้แข็งแกร่งไปที่จงโจว พวกนายไปเข้าร่วมการประชุมที่จัดโดยสมาคมผู้อาวุโสก่อน”
ฉีเฟิงรีบรับคำ “รับทราบครับท่านผู้นำ!”
หลังจากวางสาย ฉีเฟิงก็ขมวดคิ้ว
แม้ว่าเขาต้องการเข้าสู่ศูนย์กลางของตระกูล แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เห็นได้ชัดว่าผู้นำตระกูลต้องการที่จะเอาเขาไปลองเสี่ยงดู
เพื่อจับหยางเฉินทั้งเป็น แม้ว่าจะมีผู้แข็งแกร่งซึ่งจัดโดยผู้นำตระกูลฉี และเขาเองก็จะเข้าร่วมด้วย แต่เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดโปง ทุกอย่างจะตกลงมาอยู่กับเขา
ในเวลานั้น แม้ว่าเขาจะชี้ให้เห็นว่าเป็นผู้นำของตระกูลฉีที่สั่งการ แต่ผู้นำของตระกูลฉีแค่เอ่ยเพียงประโยคเดียวว่าไม่เกี่ยวข้องกับเขา แค่นั้นก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรผู้นำตระกูลฉีได้
“สารเลว!”
ฉีเฟิงสีหน้าดูดุร้าย เขากัดฟันและพูดว่า “สักวันหนึ่ง ฉันจะเหยียบย่ำแกให้จมดิน”
ทันทีที่พูดจบ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
“ฮึ่ม!”
หลังจากดูหมายเลขโทรศัพท์แล้ว ฉีเฟิงก็เย้ยหยัน “เกรงว่าตระกูลอื่นๆ ก็ได้รับข่าวแล้วเช่นกัน ต้องการติดต่อฉันในเวลานี้ คิดจะเอาตระกูลของฉีมาเป็นอาวุธหรือไง?”
พูดจบ เขาก็รับสาย
เมื่อรับโทรศัพท์ เสียงหัวเราะเบิกบานก็ดังขึ้น จากนั้นก็ได้ยินอีกฝ่ายพูดว่า “พี่ฉี ไม่ได้เจอคุณตั้งนาน ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้คุณอยู่ที่จงโจว? ได้เวลาพอดี ฉันเพิ่งมาที่จงโจวเมื่อวานนี้ ตอนนี้มีเวลาเจอกันไหม? ใช่สิ ฉันยังได้นัดหมายกับ เฉินจื้อจง จากตระกูลเฉิน ไป๋หลี่เฉิงจี๋ จากตระกูลไป๋หลี่ และเจียงอานจวิน จากตระกูลเจียง พวกเขาตกลงว่าจะมา”
ฉีเฟิงกำลังจะปฏิเสธ แต่เมื่อเขาได้ยินคนที่ถูกเชิญอีกสามคน คิ้วของเขาก็ขมวดทันที
ทั้งสามคนนี้เป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจในตระกูลบู๊โบราณในเมืองจงโจว
และคนที่โทรหาเขา มีชื่อว่า สวีเจิ้นฮั๋วเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจของตระกูลบู๊โบราณตระกูลสวีในเมืองจงโจว
หลังจากเงียบไปเล็กน้อย ฉีเฟิงก็เปิดปากของเขาและพูดว่า “พี่สวีคุณควรติดต่อ ฉีเทียนเหอ เขาถึงจะเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจของตระกูลฉีในจงโจว ในครั้งนี้ฉันก็เป็นเพียงตัวประกอบ”
“ฮ่าฮ่า!”
สวีเจิ้นฮั๋วหัวเราะแล้วพูดว่า “พี่ฉี คุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าฉีเทียนเหอเป็นเศษขยะที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องตระกูลฉีฦในจงโจว เรื่องตระกูลฉีไม่ใช่คุณที่มีอำนาจตัดสินใจหรือำง? ติดต่อเขามีประโยชน์อะไรกัน?”
“พี่ฉี เอาตามนี้แล้วกัน คุณสามารถมาที่โรงแรมตงฮั๋วได้ตอนนี้ ฉันกำลังรอใก้พี่ฉีมาถึงอยู่”
หลังจากนั้น สวีเจิ้นฮั๋วก็วางสายโดยไม่รอให้ ฉีเฟิงพูดต่อ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉีเฟิงก็บอกคนขับรถว่า “ไปที่โรงแรมตงฮั๋ว!”
แม้ว่าผู้นำตระกูลฉีจะบอกให้เขารอดูสักพักและอย่ายั่วยุสมาคมผู้อาวุโส แต่ตอนนี้มันเป็นการประชุมระหว่างห้าตระกูลชั้นนำในโลกบู๊โบราณล่างของจงโจว
แม้ว่า สวีเจิ้นฮั๋วจะไม่ได้อธิบายว่าทำไมเขาถึงมารวมตัวกัน แต่ ฉีเฟิงก็เดาได้คร่าวๆ ว่าต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการประชุมตอน 19.00 น.
20 นาทีต่อมา โรงแรมตงฮั๋ว
“ฮ่า ฮ่า พี่ฉีมาแล้ว! พวกเรากำลังรอคุณอยู่”
เมื่อเห็น ฉีเฟิงกำลังมา ชายวัยกลางคนในชุดสูทก็ทักทายเขาด้วยเสียงหัวเราะ
ในเวลานี้ ผู้มีอำนาจตัดสินใจของอีกสามตระกูลได้อยู่ในห้องส่วนตัวแล้ว
ฉีเฟิงล้วนรู้จักผู้คนเหล่านี้ เฉินจื้อจงแห่งตระกูลเฉิน ไป๋หลี่เฉิงจี๋แห่งตระกูลไป๋หลี่ และเจียงอานจวินแห่งตระกูลเจียง
“สวีเจิ้นฮั๋วนายอุตส่าห์ลำบากโทรหาพวกเราทุกคนที่นี่ อย่างนั้นจะต้องมีสิ่งสำคัญที่จะหารือแน่ อย่ามัวเสียเวลาเลย พูดมาตรงๆ เถอะ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
หลังจากที่ ฉีเฟิงนั่งลง เจียงอานจวิน ซึ่งนั่งอยู่ด้านขวาของเขาก็พูดอย่างเย็นชา
ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของคนอื่นๆ ก็จับจ้องไปที่ สวีเจิ้นฮั๋วทีละคน
สวีเจิ้นฮั๋วยิ้มแล้วพูดว่า “ในเมื่อทุกคนไม่ต้องการเสียเวลา อย่างนั้นฉันก็ขอพูดตรงๆ ฉันคิดว่าทุกคนได้รับจดหมายเชิญจาก กองยุทธการของจงโจวแล้ว ทุ่มนึงในคืนนี้ ผู้อาวุโสสี่ของศูนย์กลุ่มผู้อาวุโสจิ่วโจวจะเรียกพวกเราประชุม”
“ฉันคิดว่า ฉันไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ทุกท่านล้วนน่าจะรู้อยู่แล้วว่าการประชุมครั้งนี้เกี่ยวกับอะไร ใช่ไหม?”
“ฉันเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้”
หลังจากฟังเขา หลายคนก็เงียบและไม่มีใครตอบ
รอยยิ้มของ สวีเจิ้นฮั๋วหุบลง สายตาของเขาเหลือบไปมองที่แต่ละคนแล้วพูดว่า “ถ้าฉันจำไม่ผิด ทุกท่านล้วนตัดสินใจหลบเลี่ยงคมดาบไปชั่วคราว ไม่คิดจะเผชิญหน้ากับสมาคมผู้อาวุโสโดยตรงใช่หรือไม่?”
สายตาของหลายคนเป็นประกายวาบผ่าน แต่ก็ยังไม่มีการตอบสนอง
สวีเจิ้นฮั๋วพูดกับตัวเองว่า “ฉันรวบรวมพวกคุณมาที่นี่ ก็เพื่อแก้ปัญหานี้ ถ้าคุณต้องการที่จะหลีกเลี่ยงคมดาบของสมาคมผู้อาวุโส ฉันสามารถบอกคุณได้อย่างมีความรับผิดชอบว่าจากนี้ไป ยุคของตระกูลบู๊โบราณจะหมดสิ้นไป ภายภาคหน้า ทุกท่านที่อยู่ในโลกมนุษย์ จะต้องอยู่ใต้การบังคับควบคุมของศูนย์กลุ่มผู้อาวุโสจิ่วโจว”
“ฉันคิดว่าพวกคุณทุกคนที่นี่ คงไม่ต้องการถูกควบคุมโดยสมาคมผู้อาวุโสในโลกมนุษย์หรอกใช่ไหม?”