The king of War - บทที่ 2096 ส่วนลึกของจิตวิญญาณ
The king of War บทที่ 2096 ส่วนลึกของจิตวิญญาณ
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่จริงจังของ กู้ไท่ชู กู้ซือซือ รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ยังพูดว่า “คุณปู่ หยางเฉินก็เป็นแค่ชายหนุ่มอายุไม่ถึงสามสิบปี ไม่มีอะไรแปลกเกี่ยวกับเขา”
ในเวลานี้ เซี่ยหลินก็พูดว่า “ให้ฉันเล่าถอะ!”
กู้ไท่ชู มองไปที่เซี่ยหลิน อย่างคาดหวัง เซี่ยหลินกล่าวว่า “เขาเป็นคนที่พิเศษมาก!”
“พิเศษ?”
กู้ไท่ชู ขมวดคิ้ว “มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเขา?”
เซี่ยหลินพูดต่อไปว่า “คุณปู่ คุณรู้ไหมว่าที่หนูตื่นรู้พรสวรรค์ด้านบูโดของหนูได้ และตอนนี้ได้เป็นนักบูโดแดนเหนือมนุษย์ อีกทั้งหลังจากตื่นรู้ด้านบูโดแล้วความรู้สึกก็ค่อนข้างอ่อนไหวอย่างมาก”
“หนูรู้สึกถึงลมปราณที่พิเศษอย่างมากจากตัวหยางเฉิน และทำให้หนูไม่สามารถมองเขาออกได้เลย ถ้าหากเป็นนักบูโดธรรมดาต่อให้เป็นนักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด หนูก็ยังรู้สึกได้ถึงอันตรายของอีกฝ่าย แต่บนตัวของหยางเฉิน หนูกลับสัมผัสได้ถึงลมปราณที่พิเศษมากจากเขาเท่านั้น”
“และลมปราณที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาคือนักบูโด”
“หนูสามารถตัดสินจากการรับรู้ได้ว่า เขาจะต้องเป็นคนธรรมดาที่ยังไม่ได้ตื่นรู้ด้านบูโด หรือไม่ก็เป็นนักบูโดที่ทรงพลังอย่างมากแน่ และหากเทียบกันแล้ว หนูเชื่ออย่างหลัง!”
พูดถึงจุดนี้ ใบหน้าของเซี่ยหลินก็เต็มไปด้วยความจริงจัง
กู้ซือซือ มองไปที่ เซี่ยหลิน ด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ หลังจากลงจากเครื่องบิน เซี่ยหลิน ได้เชิญหยางเฉินให้เดินทางด้วยกัน อีกทั้งยังต้องการดึงดูดหยางเฉินให้เข้ามาหาตระกูลของตน เดิมเธอคิดว่า เซี่ยหลิน ชอบหยางเฉินเพราะหน้าตาของเขา
ตอนนี้เธอถึงค่อยรู้แล้วว่าไม่ใช่เป็นแบบที่เธอคิด แต่เป็นเพราะ เซี่ยหลิน รู้สึกได้ว่าหยางเฉินนั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นเธอจึงมีความคิดอยากเชื้อเชิญเขา
กู้ไท่ชู ก็มีความสุขเช่นกัน ในฐานะคุณปู่ของ เซี่ยหลิน เขายังคงรู้จักหลานสาวของเขาเป็นอย่างดี ในยามปกติทั่วไปอาจดูเอะเอะอะอะ แต่ในใจกลับระมัดระวังมากและไม่เคยพลาดในช่วงเวลาสำคัญ
ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยหลิน เองก็เป็นนักบูโดที่ตื่นรู้แดนเหนือมนุษย์แล้ว หากเธอบอกว่ามีแนวโน้มสูงที่หยางเฉินจะเป็นนักบูโดที่แข็งแกร่ง อย่างนั้นก็ต้องเป็นเช่นนั้น
ดังที่ เซี่ยหลิน กล่าวมา แม้ว่าเธอจะเป็นนักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงลมปราณที่เป็นอันตรายจากตัวของอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม บนตัวของหยางเฉินนั้นกลับไม่ให้ความรู้สึกถึงลมปราณอันตรายใดๆ มีก็แค่ออร่าที่แปลกประหลาดมากเท่านั้น
ถ้าหยางเฉินเป็นนักบูโดจริง ๆ ก็เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะอยู่ในแดนบูโด?
ในเวลานี้ เซี่ยหลินกล่าวว่า “นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันสงสัยว่าเขาเป็นนักบูโดที่แข็งแกร่งก็คือบนตัวของผู้ติดตามเขาซึ่งอายุน้อยกว่าไปอีกมีลมปราณที่น่าสะพรุงกลัวแผ่ซ่านออกมา แค่มองมา ก็สามารถทำให้หนูรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังตกลงไปในเหว”
“แม้ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด แต่หนูก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ความกดดันที่มาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณนั้น มาถึงตอนนี้หนูก็ยังจำมันได้อย่างชัดเจน”
“ชายหนุ่มผู้น่าเกรงขามคนนั้นเดินตามหยางเฉินไป นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าตัวตนของหยางเฉินนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”
ใบหน้าของ กู้ไท่ชู เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผู้แข็งแกร่งอายุไม่ถึงสามสิบปีสองคน คนหนึ่งเต็มไปด้วยลมปราณบูโดที่ทำให้คนหายใจไม่ออก และอีกคนกลับเก็บงำลมปราณเอาไว้ แต่กลับมีผู้แข็งแกร่งติดตามเขาได้ นี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้มาไม่ธรรมดา
กู้ไท่ชู ถามอีกครั้ง “เสี่ยวหลินเธอเพิ่งเห็นชายหนุ่มในลิฟต์ชมวิวที่กำลังขึ้นไปเมื่อกี้นี้ก็คือหยางเฉิน จริงๆ เหรอ?”
เซี่ยหลิน ส่ายหัว “หนูเองก็ไม่แน่ใจ เมื่อกี้แค่เห็นหลังของเขาเท่านั้นและเป็นภาพเพียงชั่วครู่ แต่ว่าคล้ายมากจริงๆ”
กู้ซือซือ ที่ไม่ได้พูดจา มองดู กู้ไท่ชู ที่กำลังตื่นเต้น จู่ๆ ความคิดอาจหาญก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอ หรือว่า…
เซี่ยหลินก็คิดได้ถึงบางสิ่งในเวลานี้เช่นกัน เธอเบิกตากว้างทันทีและมองไปที่ กู้ไท่ชู แล้วพูดว่า “คุณปู่ คุณคิดจริงๆ เหรอว่า หยางเฉินที่เราเจอบนเครื่องบินก็คือผู้อาวุโสสี่คนใหม่ของสมาคมผู้อาวุโส”
กู้ไท่ชู หัวเราะและไม่ตอบคำถามของเซี่ยหลิน แต่พูดอย่างมีความสุขว่า “พวกเราลงไปข้างล่างก่อน!”
กู้ซือซือ และ เซี่ยหลิน ตาม กู้ไท่ชู ลงไปชั้นล่าง เมื่อเดินออกมาจากอาคารก็เห็นว่าชั้นล่างมีคนพลุกพล่านแล้ว
คนใหญ่คนโตทุกคนในจงโจวต่างอยู่ที่นั่น และข้างตัวพวกเขาล้วนมีนักบูโดที่แข็งแกร่งและมีลมปราณอันน่ากลัวติดตามอยู่
ในเวลานี้ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมจงโจว
อย่างไรก็ตาม โรงแรมจงโจวนั้นเป็นที่รู้จักในฐานะจุดสูงสุดของจงโจว มันมีความสูงหลายร้อยเมตร อีกทั้งยังเป็นในตอนกลางคืน หากมองด้วยตาเปล่าก็แทบไม่เห็นอะไรเลย
แต่ถึงกระนั้น คนเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ที่นี่และมองไปยังยอดบนสุดของจงโจว
ในเวลาเดียวกัน ยอดบนสุดของจงโจว
นักบูโดสิบห้าคนที่มีลมปราณอันน่าสะพรึงกลัว ขณะนี้กำลังจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนเอามือไพล่หลัง
“นายคือผู้อาวุโสสี่คนใหม่ของสมาคมผู้อาวุโสใช่หรือไม่ฒ”
สวีเจิ้นฮั๋วมองไปที่หยางเฉินและขมวดคิ้ว
คนอื่น ๆ ก็จ้องมองที่หยางเฉิน และมองเขาอย่างประเมินอย่างไม่เกรงใจ
แม้ว่าพวกเขาจะรู้แล้วว่าผู้อาวุโสสี่ของสมาคมผู้อาวุโสนั้นยังเด็กมาก แต่เมื่อได้เจอหยางเฉินกับตา พวกเขาก็ยังตกใจอย่างมาก
เด็กหนุ่มขนาดนี้ ยังอายุไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ กลับยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกแล้ว นี่ทำให้คนไม่อาจคาดคิดได้จริงๆ
หยางเฉินไม่ตอบ สวีเจิ้นฮั๋วแต่มองไปที่ทุกคน จากนั้นมุมปากของเขาก็ผุดรอยยิ้มเย็นชาและกล่าวว่า “พวกนายห้าตระกูลบู๊โบราณ ช่างมือเติบจริงๆ นักบูโดแดนนภาขั้นสองชั้นปลายห้าคน นักบูโดแดนนภาขั้นสองชั้นยอดห้าคน ยังมีผู้มีอำนาจตัดสินใจจากตระกูลบู๊โบราณในจงโจวอีกห้าคน คิดจะสู้รบกับฉันหรือไง?”
เฉินจื้อจงแค่นเสียงใส่ “ไอ้หนู อาศัยตัวนาย ไม่มีคุณสมบัติที่จะให้พวกเราหลายคนมาต่อสู้ด้วยกัน หากนายรู้จักประมาณตัว ก็จงไสหัวออกไปจากจงโจวซะ บางทีเราอาจปล่อยให้นายมีชีวิตรอด ถ้าไม่ไสหัวออกไป ผลที่ตามมาร้ายแรงอย่างมาก!”
เจียงอานจวินเหล่ตามองไปที่หยางเฉินและพูดว่า “ถ้าไม่มีจิตวิญญาณเทพมารอยู่ในตัว เกรงว่านายคงไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะก้าวมาที่นี่ด้วยซ้ำ?”
ไป๋หลี่เฉิงจี๋พูดอย่างเย็นชา “ยังจะมัวพูดไร้สาระอะไรกับเขาอีก? ฆ่าเขาทิ้งก็พอแล้ว!”
มีเพียง ฉีเฟิงเท่านั้นที่จ้องมองไปที่หยางเฉิน
หัวหน้าตระกูลฉีได้กำชับมาเป็นพิเศษให้เขายืนอยู่ข้างๆ ชั่วคราว และตระกูลฉีก็ได้จัดเตรียมผู้แข็งแกร่งของตระกูลมาแล้ว
ต่อให้หยางเฉินจะโชคดีพอที่จะหลบหนีได้ในวันนี้ แต่เมื่อผู้แข็งแกร่งของตระกูลฉีมาถึง หยางเฉินก็จะหนีไปไหนไม่รอด
“ดูเหมือนว่าฉันไม่สามารถประกาศกฎใหม่สำหรับนักบูโดได้ในตอนนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้น ฉันก็เอาชนะพวกนายก่อนเลยแล้วกัน จากนั้นค่อยประกาศกฎใหม่!”
หยางเฉินพูดอย่างไม่เร่งรีบ ราวกับว่าเขาไม่ได้ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้แข็งแกร่ง 15 คนจากตระกูลบู๊โบราณล่าง อีกทั้งยังกลับพูดจายั่วยุใส่แทน
เขาไม่ได้ปลดปล่อยลมปราณบูโดใดๆ ออกมา แต่ท่าทางสงบของเขากลับทำให้ทุกคนในที่นั้นรู้สึกกดดันอย่างมาก
แรงกดดันแบบนี้ดูเหมือนจะมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ!