The king of War - บทที่ 2117 ตัวประหลาดบ้านตระกูลฉี
The king of War บทที่ 2117 ตัวประหลาดบ้านตระกูลฉี
มองดูอาการแข็งกร้าวใส่กับฉีเหลียงของฉีเทียนเหอ หยางเฉินให้รู้สึกแปลกใจ
เขารู้สึกมาแต่ไหนแต่ไร ฉีเทียนเหอคนนี้ ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นอยู่
ในข้อมูลที่เย่จางกั๋วให้เขามา ก็พอมีข้อมูลเกี่ยวกับฉีเทียนเหอนี้อยู่ ฉีเทียนเหอเป็นบุตรชายของผู้นำบ้านตระกูลฉี ไม่เพียงเท่านี้ ยังเคยเป็นอัจฉริยะบูโดที่ลือลั่นในโลกบู๊โบราณล่าง
ฉีเทียนเหอ ก็ยังเคยอยู่เป็นอันดับที่หนึ่งของแดนนภา ก็คือ ในบรรดาผู้แข็งแกร่งแดนนภาในโลกโบราณล่างที่มีอายุไม่เกินสี่สิบนั้น ฉีเทียนเหอเคยอยู่ในอันดับที่หนึ่ง!
แต่ทว่า ภายหลังต่อมาไปหลงกับอารมณ์ทางใจ เลิกจากการฝึกบำเพ็ญเพียร กลายสภาพเป็นคนทุพพลภาพ
สีหน้าของฉีเหลียงบอกบุญไม่รับไปอย่างสุด ๆ จ้องหน้าฉีเทียนเหอพูดว่า “ถึงเจ้าจะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจของตระกูลฉีในจงโจว แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะห้ามการปฏิบัติหน้าที่ที่ผู้นำมอบหมายมาให้ข้า”
ผู้แข็งแกร่งตระกูลฉีอื่น ๆ แต่ละคนยืนอยู่หลังฉีเหลียง ไม่มีใครอยู่กับฉีเทียนเหอ
หันกลับดูที่ฉีเทียนเหอ ข้างหลังของเขา ไม่มีผู้แข็งแกร่งตระกูลฉีแม้แต่คนเดียว
อีกทั้งในมือฉีเทียนเหอ ก็ยังคงหิ้วขวดน้ำเต้าใส่เหล้า กลิ่นเหล้าในขวดน้ำเต้าโชยหอมโดยรอบ เหมือนกับที่หยางเฉินได้พบเป็นครั้งแรกก่อนหน้านี้ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมจงโจว สภาพของฉีเทียนเหอป็นแบบเดียวกันไม่ได้มีอะไรต่าง
เพียงแต่ว่า ฉีเทียนเหอในตอนนี้ แววตาไม่ได้มีความเมาแม้แต่น้อย จ้องหน้าพูดกับฉีเหลียง “ข้าบอกให้เจ้ามอบคนออกมา!ทางด้านผู้นำ ข้าจะไปชี้แจงเอง”
ฉีเหลียงส่ายหน้า “ไม่มีคำสั่งจากผู้นำ ข้าจะไม่ฟังเจ้าหรอก”
หยางเฉินมองดูไปอย่างน่าสนุก ในเมื่อมีคนในตระกูลฉีออกรับหน้าให้ มันก็เป็นเรื่องดีที่เขาจะได้โล่งสบาย
แต่ทว่า ดูสภาพการณ์แล้ว ฉีเหลียงไม่มีการยอมให้หน้าฉีเทียนเหอเลยแม้แต่น้อย กลับยกเอาผู้นำตระกูลฉีมากดดันฉีเทียนเหอ
ฉีเทียนเหอดูเหมือนก็จะรู้ดี การที่จะให้ฉีเหลียงยอมมอบคนออกมาให้ ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
“จัดการคนตระกูลฉีไม่กี่ตัวที่พวกเขาต้องการ นำออกมาให้ข้าดูซิ!”
ในขณะนั้นเอง จู่ ๆ ฉีเทียนเหอก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา น้ำเสียงราบเรียบสุด ๆ
ตามหลังจากที่เขาพูดจบ มีคนจำนวนห้าคน เดินออกมาจากมุมมืด
พอเห็นคนห้าคนนี้เข้า ฉีเหลียงเปลี่ยนสีหน้าไปอย่างฉับพลัน
เขายังไม่ทันได้ตั้งสติ ห้าผู้แข็งแกร่งที่เดินออกมาจากมุมมืดนั้น ก็ได้พุ่งเข้าใจกลางกลุ่มฝูงผู้แข็งแกร่งตระกูลฉีแล้ว
ชั่วเพียงกะพริบตา คนหลายคนที่ถูกขานชื่อจากจางจี้เมื่อครู่ก่อนหน้านี้ ต่างก็ถูกโยนออกมาในสภาพบาดเจ็บสาหัส
ส่วนผู้แข็งแกร่งทั้งห้าคนนั้น ก็ได้หายไปจากสายตาของผู้คนที่อยู่ตรงนั้นในทันที
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ สะเทือนสะท้านไปทั่วทั้งบริเวณ
แม้แต่หยางเฉินเอง สีหน้ายังเครียดหนักขึ้นมา ผู้แข็งแกร่งทั้งห้าที่ออกมาจากมุมมืดเมื่อครู่นี้ ฝีมือการซ่อนตัวสูงส่งมาก แม้ขนาดเขาเองยังไม่รู้สึกถึงการมีตัวตนของพวกเขาเลย
ไม่เพียงแต่ฝีมือการแฝงตัวสูงส่ง พลังฝีมือของทั้งห้าก็แข็งแกร่งมาก น่ากลัวล้วนแต่ผ่านไปถึงแดนนภาขั้นสองชั้นยอดแล้ว
จากการสะท้านกลัวของฉีเหลียง ที่สามารถเห็นได้อีกว่า เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าข้างตัวของฉีเทียนเหอยังจะมีผู้แข็งแกร่งที่เก่งฉกาจขนาดนี้อยู่อีกห้าคน
ฉีเทียนเหอไม่ได้ไปใส่ใจกับความสะท้านใจของฉีเหลียง กลับหันมองไปที่หยางเฉินแล้วพูดว่า “ตอนนี้ ไปได้แล้วมั้ง?”
น้ำเสียงของฉีเทียนเหอราบเรียบมาก แต่ไม่รู้เพราะว่าอะไร หยางเฉินกลับมีความรู้สึกที่เป็นพลังกดดันอย่างพูดไม่ถูก ความรู้สึกดังกล่าวนั้นแปลกประหลาดมาก ทั้งขฌ ๆ ที่ไม่มีกระแสพลังบูโด แต่กลับทำให้หยางเฉินรู้สึกได้กับความกดดัน
ถ้าหากไม่ใช่ข้อมูลของเย่จางกั๋วที่ให้กับหยางเฉินไว้ ในเรื่องเกี่ยวกับฉีเทียนเหอขข หยางเฉินคงต้องถึงกับเข้าใจว่า ระดับขั้นบูโดของฉีเทียนเหอ ต้องไปถึงแดนนภาขั้นสามแล้ว
หยางเฉินยังมีประเด็นหนึ่งที่คิดไม่ตกเป็นอย่างมากญท ในเมื่อข้างตัวของฉีเทียนเหอมีผู้แข็งแกร่งระดับแดนนภาขั้นสองชั้นยอดอยู่ ทำไมก่อนหน้านี้ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมจงโจว ฉีเทียนเหอจึงได้แต่ออกหน้าห้ามปรามพวกฉีเฟิง แต่กลับไม่ช่วยฉีเฟิงจัดการกับเขา?
ในสภาพตอนนั้น ถ้าว่ากลุ่มกำลังห้าตระกูลบู๊โบราณ แล้วยังเพิ่มผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดอีกห้านาย ใครจะอยู่ใครจะไป เป็นเรื่องที่ยากจะรู้ได้
อาจจะพูดได้ว่า หยางเฉินมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะต้องแพ้
หยางเฉินเอ่ยปากพูดว่า “ยังมีนักบูโดของกองยุทธการจงโจว ถูกตระกูลฉีกักตัวอยู่ที่นี่อีก”
ฉีเทียนเหอมองไปที่ฉีเหลียง สีหน้ายังคงสงบเรียบ เอ่ยปากถาม “มีเรื่องนี้ด้วยหรือ?”
ฉีเหลียงขบฟันแน่น จ้องฉีเทียนเหออย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง ย้อนพูดไปว่า “ฉีเทียนเหอ เจ้าทำแบบนี้ หรือจะไม่กลัวว่าจะไปทำให้ผู้นำโกรธ?”
ฉีเทียนเหอขมวดคิ้วย่น “ข้าถามเจ้าอยู่ว่า ทีมนักบูโดของกองยุทธการจงโจว ใช่อยู่ที่นี่หรือไม่?”
ในตัวของฉีเทียนเหอ ดูเหมือนมีอิทธิบารมีของผู้สูงศักดิ์กว่าอยู่ กดดันจนฉีเหลียงรับไม่ไหว
ฉีเหลียงขบเขี้ยวพูดไปว่า “ก่อนหน้านี้มีคนของกองยุทธการจงโจวมานี่จริง ถูกข้ากักตัวอยู่ที่นี่”
ฉีเทียนเหอคร้านที่จะพูดมากเรื่อง พูดกันฟังชัด ๆ ว่า “ปล่อยคน!”
ระดับขั้นบูโดของฉีเหลียงเห็นชัด ๆ อยู่ว่าสูงกว่าฉีเทียนเหออยู่มาก แต่ในขณะนี้ พลังอานุภาพที่ระเบิดออกมาของฉีเทียนเหอ กลับสยบฉีเหลียงอย่างราบคาบ เป็นสิ่งที่ทำเอาหยางเฉินอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง
ฉีเหลียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนพยายามควบคุมไฟโกรธอย่างสุดฤทธิ์ สุดท้ายก็ยังต้องตวาดออกไปว่า “จัดการปล่อยคนไปให้หมด!”
“ขอรับ!”
ทันทีก็นมีคนของตระกูลฉีวิ่งออกไป
ฉีเหลียงจ้องหน้าฉีเทียนเหออย่างเอาเป็นเอาตาย “ทุกสิ่งที่แกทำ ข้าจะบอกกับผู้นำทั้งหมด”
ฉีเทียนเหอเมินหน้าไม่สนใจฉีเหลียง ยกน้ำเต้าที่ใส่เหล้าขึ้น กระดกเข้าปากคำใหญ่
ไม่ทันเท่าไรนัก ผู้แข็งแกร่งจากกองยุทธการจงโจวทั้งสิบกว่าคน ภายใต้การนำของคนบ้านตระกูลฉี พากันเดินออกมา
คนเดินนำหน้ามานั้น ก็คือสหายสนิทของหยางเฉิน เมิ่งชิงหลัน!
“หยางเฉิน!”
เมิ่งชิงหลันพอเห็นหยางเฉิน ใบหน้าแสนงามระดับถล่มเมือง เต็มไปด้วยความตื่นเต้น โผตรงเข้าไปหาหยางเฉิน ภายใต้สายตาผู้คนที่ตะลึงค้าง กอดรัดหยางเฉินจนแน่น
เหล่าบรรดานักบูโดในกองยุทธการ แต่ละคนอ้าปากค้างจนคางแทบหลุด ตั้งแต่เมิ่งชิงหลันมาที่จงโจว เริ่มเข้ารับตำแหน่งเจ้าสังกัดกองยุทธการ แต่ไหนแต่ไรมาจะอยู่ในมาดหญิงแกร่ง เคยมีที่ไหนกันจะแสดงออกในความเป็นสาวขี้อ้อนได้?
ทว่าเมิ่งชิงหลันก็กอดกับหยางเฉินอย่างแน่นเดี๋ยวเดียว ไม่ได้ยืดเยื้อเนิ่นนาน ครู่เดียวก็คลายมือผละออกจากหยางเฉิน
หยางเฉินมองยิ้ม ๆ ไปที่เมิ่งชิงหลัน ดูตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็หัวเราะพูดขึ้นว่า “ไม่เลวนี่ ระดับบูโดทะลุเข้าถึงแดนนภาแล้ว อีกไม่นานนัก ก็จะทะลวงก้าวไปถึงแดนนภาชั้นกลางแล้ว”
เมิ่งชิงหลันยิ้มจนตาหยีจ้องหน้าหยางเฉินพูดว่า “ไว้แลกเปลี่ยนความรู้กันนะ?”
หยางเฉินก็หัวเราะ “สำหรับคุณตอนนี้ ห่างเกินไปที่จะเทียบกับผมได้แล้ว”
มาถึงตอนนี้ ฉีเทียนเหอมองไปที่หยางเฉินพูดว่า “คฤหาสน์หลังนี้จฌ พวกเราได้มาจากตระกูลเหอแห่งจงโจว แต่ว่าเป็นการที่ผมเอามาได้ด้วยขั้นตอนที่ถูกต้องนะ ปัจจุบันเป็นของตระกูลฉีของพวกผม”
“คนที่คุณต้องการ ผมก็จัดการส่งมอบให้คุณแล้ว อีกอย่างหนึ่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นักบูโดบ้านตระกูลฉีในโลกใหม่ จะปฏิบัติตามกฎบัญญัติที่สมาคมผู้อาวุโสประกาศ หากไม่มีธุระอื่นใดแล้ว ก็ต้องขอเชิญพวกท่านให้ออกจากที่นี่ไป!”
ได้ยินคำพูดของฉีเทียนเหอ เมิ่งชินหลันโมโหเดือดขึ้นมาทันที “พวกคุณบังอาจกักขังคนของกองยุทธการจงโจว แค่พูดคำเดียวก็ไล่ให้พวกเราออกไปได้เลยหรือ?”
ฉีเทียนเหอมองไปที่เมิ่งชินหลันด้วยสายตาเย็นชา แล้วหยิบเอาแหวนวงหนึ่ง โยนไปให้เมิ่งชินหลัน
เมิ่งชินหลันกำลังจะพูดอะไรออกไป ก็ได้ยินฉีเทียนเหอพูดมาว่า “นี่เป็นแหวนตลับ ข้างในมีเก็บอัญมณีค่าหย่อนล้านหน่อย นอกจากนั้น ยังมียาเม็ดวิเศษเม็ดหนึ่ง สามารถช่วยให้เธอทะลวงเข้าไปถึงแดนนภาขั้นกลางได้”
สีหน้าที่กำลังบันดาลโทสะของเมิ่งชินหลัน ความโกรธบนใบหน้ากลับกลายเป็นรอยยิ้มในทันที
หล่อนรีบหยิบแหวนตลับนั้นขึ้นมา สัมผัสให้ชัดแจ้ง หลังจากแน่ใจกับของในแหวนตลับนั้นแล้ว รอยยิ้มจึงได้ถูกผลักขึ้นเต็มใบหน้า มองไปที่ฉีเทียนเหอพูดว่า “ในเมื่อจะให้เป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ!”