The king of War - บทที่ 2134 การตื่นของวิถีบู๊
The king of War บทที่ 2134 การตื่นของวิถีบู๊
จงโจว คฤหาสน์ตระกูลเหอ ในห้องข้างๆ
เซี่ยเหอนั่งเหม่ออยู่ในห้อง สายตาล่องลอย ไม่ร้องไม่โวยวาย แต่คาบน้ำตาบนหน้ากับดวงตาที่บวมเป่ง รู้ได้ทันทีว่าเธอเพิ่งร้องไห้เสร็จ
เธอในตอนนี้ ไม่มีแรงที่จะร้องไห้ต่อแล้ว ในหัวมีแต่ผู้เป็นแม่
ตลอดหลายปีมานี้ ลู่เหวินจิ้นคอยดูแลเธอมาโดยตลอด ไม่ว่าเธออยากทำอะไร ลู่เหวินจิ้นก็สนับสนุน
พูดได้เลยว่า การที่เธอได้กลายเป็นดาราดังในเวลาต่อมา สาเหตุส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะการสนับสนุนจากลู่เหวินจิ้น
แต่ว่าตอนนี้ ลู่เหวินจิ้นได้ตายไปแล้ว ครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอในโลกนี้ไม่อยู่แล้ว
“เซี่ยเหอ เธอไม่ต้องเสียใจแล้ว พอเธอได้เป็นเมียเก็บของคุณชายเฉิน ฐานะของเธอก็ต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน ต่อไป ต่อให้เป็นคุณปู่ ก็ต้องให้เกียรติเธอเหมือนกัน”
ทันใดนั้น เหอชานก็ได้เดินเข้ามา พอเห็นเซี่ยเหอจึงได้พูดออกมา
ส่วนลึกในดวงตาของเธอ มีความโหดเหี้ยมแอบซ่อนอยู่ ถ้าหากเซี่ยเหอได้กลายเป็นเมียเก็บของตระกูลบู๊โบราณเฉิน ฐานะก็จะเพิ่มสูงขึ้น ต่อไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่นเหอ เธอจะไม่สามารถเงยหน้าได้อีกแล้ว
เธออยากเป็นสะใภ้ของตระกูลบู๊โบราณมาโดยตลอด การเลือกของ เฉินหยางในครั้งนี้ เธอก็อยู่ในนั้นด้วย แค่ไม่ถูก เฉินหยางเลือกเท่านั้น
เซี่ยเหอไม่ได้สนใจเหอชาน จ้องมองข้างหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
พอเห็นเซี่ยเหอไม่สนใจตัวเอง เหอชานที่อิจฉาริษยาอยู่แล้วจึงโมโหยิ่งกว่าเดิม ทนไม่ไหวจนด่าทอไปว่า “เซี่ยเหอ จะทำตัวสูงส่งไปถึงไหน? การที่คุณชายเฉินถูกใจเธอ มันคือความภาคภูมิใจของเธอ เธอรู้รึเปล่าว่ามีผู้หญิงมากมายขนาดไหนที่อยากกลายเป็นของคุณชายเฉิน?”
“เธอต้องแยกแยะให้ออก ยอมรับการเป็นเมียเก็บของคุณชายเฉินไปซะดีๆ จากนี้อยู่ในจงโจว เธอยังจะมีตำแหน่งที่สูงส่งกับเขาไม่อย่างนั้น เธอก็ไม่ใช่อะไรสักอย่าง”
“ตกลงจะเป็นเมียเก็บของคุณชายเฉินรึเปล่าช่วยให้คำตอบที่ชัดเจนกับฉันหน่อย ฉันจะได้ไปรายงานกับพ่อฉัน”
ครั้งนี้สายตาที่ว่างเปล่าของเซี่ยเหอก็ได้มีการเคลื่อนไหวขึ้นมา เธอหันมองเหอชานอย่างกะทันหันด้วยสายตาที่เยือกเย็น แล้วพูดไปว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันกับตระกูลเหอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก! ถ้าอยากเป็นเมียเก็บของเฉินหยาง เธอก็ไปเองสิ!”
พูดจบ เซี่ยเหอก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปทางเหอชานทีละก้าว
เหอชานยังไม่เคยเห็นด้านที่แข็งแกร่งแบบนี้ของเซี่ยเหอมาก่อน ทำเขาเธอสั่นไปทั้งตัว พอเห็นเซี่ยเหอเดินมาหาทีละก้าว เธอก็ถอยหลังตามสัญชาตญาณ ระหว่างที่ถอย ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “เซี่ยเหอ นี่เธอคิดจะทำอะไร?”
“ฉันขอเตือนเธอไว้นะ ที่นี่เป็นบ้านตระกูลเหอ เธออย่าทำอะไรบ้าๆ นะ อีกอย่าง คุณปู่เป็นคนสั่งพ่อฉันให้มาเกลี้ยกล่อมเธอให้ยอมเป็นผู้หญิงของเฉินหยาง ฉันมาเกลี้ยกล่อมเธอแทนพ่อน่ะ”
ถอยจนไม่มีที่ให้ถอย เหอชานจึงจำเป็นต้องหยุด
และในตอนนี้ เซี่ยเหอได้มาถึงข้างๆ เธอแล้ว ทว่า เซี่ยเหอไม่แม้แต่จะมองเหอชาน เปิดประตูที่อยู่ข้างเหอชานแล้วเดินออกไป
เหอชานถึงได้โล่งอก มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของเซี่ยเหอ เธอก็ได้กัดฟันแล้วตามออกไป
เหอชานรีบพุ่งไปข้างหน้า ขวางเซี่ยเหอไว้ แล้วพูดด้วยความโมโห “เซี่ยเหอ นี่เธอจะไปไหน? หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เซี่ยเหอไม่ได้สนใจเหอชาน เดินหน้าต่อไปและมาถึงตรงหน้าเหอชานอย่างรวดเร็ว
พอเห็นสีหน้าที่เยือกเย็นของเซี่ยเหอ เหอชานก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที ในใจถูกความหวาดกลัวเข้าปกคลุม
แต่เธอก็ยังอดกลั้นความกลัวแล้วพูดไปว่า “เซี่ยเหอ คุณปู่พูดแล้ว เธอจำเป็นต้องเป็นเมียเก็บของเฉินหยาง ไม่อย่างนั้น เธอต้องเสียใจภายหลังแน่นอน”
“ป้าบ!”
เซี่ยเหอยกมือแล้วตบลงไปทันที ตบไปที่หน้าของเหอชานอย่างแรง
เหอชานทำหน้าช็อก แทบไม่คาดคิดว่าเซี่ยเหอจะกล้าตบหน้าเธอ
เหอชานพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “นี่ แกกล้าตบฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“ป้าบ!”
ใครจะไปคิดว่าเซี่ยเหอจะตบไปที่หน้าขอเหอชานอีกครั้ง และแรงกว่าเมื่อกี้ด้วย
หน้าของเหอชานปรากฏรอยฝ่ามืออันเด่นชัดขึ้น
“ไสหัวไป!”
ใบหน้าอันงดงานของเซี่ยเหอ เต็มไปด้วยความอำมหิต
ในตอนนี้ อุณหภูมิรอบๆ เหมือนลดต่ำลงไปหลายองศา เหอชานสั่นไปทั้งตัว
จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่า ถ้าเธอไม่ยอมหลีกทาง เซี่ยเหอก็จะฆ่าเธอ
ทันใดนั้นเอง ลมปราณบูโดอันแข็งแกร่งได้ปรากฏ และเข้าปกคลุมเซี่ยเหอเอาไว้
ทันใดนั้น เสียงที่เดือดดาลได้ดังขึ้น “เซี่ยเหอ! ช่างกล้านักนะ ถ้ามาตบหน้าลูกสาวฉันแบบนี้!”
พอเห็นเหอจื้อและด้านหลังของเขายังมีผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊ตามมาอีกคน และคนท่ีใช้ลมปราณบูโดปกคลุมเซี่ยเหอก็คือนักบูโดคนนี้
แต่เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันจากนักบูโดที่อยู่ข้างกายเหอจื้อ เซี่ยเหอกลับไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย สีหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ตอนมองไปที่เหอจื้อ สายตามีแต่ความอาฆาต
นักบูโดที่อยู่ข้างกายเหอจื้อ ได้พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นอย่างกะทันหัน “คุณเหอ ผู้หญิงคนนี้ดูแปลกๆ ครับ”
เหอจื้อขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง? ฉินหวย ช่วยพูดให้มันชัดเจนหน่อย”
ฉินหวยคือหนึ่งในผู้แข็งแกร่งของตระกูลเหอ แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ผมเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดก็ยังทนรับไม่ได้ แต่ผู้หญิงคนนี้ กับทนรับได้”
“ว่ายังไงนะ?”
เหอจื้อสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างหนัก จ้องมองเซี่ยเหอด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
เห็นเพียงเซี่ยเหอที่ยืนอยู่ที่เดิม กับใบหน้าที่เยือกเย็นอย่างถึงที่สุด จ้องเขม็งมาที่เหอจื้อ เหอจื้อทนไม่ไหวจนสะดุ้งไปทั้งตัว
สายตาของเซี่ยเหอน่ากลัวเกินไป ทำให้เหอจื้อรู้สึกเหมือนถูกงูพิษจ้องมอง
ไม่นาน เหอจื้อก็ตั้งสติได้ หรี่ตาแล้วพูดกับเซี่ยเหอว่า “เซี่ยเหอ ฉันรู้ การตายของแม่เธอ มันทำให้เธอเจ็บปวดมาก แต่เธอต้องเข้าใจว่า คนที่ทำให้แม่ของเธอต้องตายไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเธอนั่นแหละ!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอปฏิเสธการเป็นเมียเก็บของคุณชายเฉิน แล้วแม่ของเธอจะฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเธอมั้ย?” “ยังไงตระกูลเฉินก็เป็นตระกูลระดับสูงของโลกบู๊โบราณล่าง ส่วนเฉินหยางก็เป็นสายเลือดโดยตรงของตระกูลเฉิน ถ้าเธอได้กลายเป็นเมียเก็บของเขา มันจึงถือเป็นเกียรติของเธอแล้ว”
“ทางที่ดีเธอยอมเป็นเมียเก็บดีกว่า อย่าทำตัวไม่รู้จักแยกแยะเลย!”
แววตาของเซี่ยเหอดูเจ็บปวดขึ้นมา น้ำตาได้ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ จู่ๆ เธอก็ร้อง “อ้า” ออกมา
เสียงร้องโหยหวนที่สยดสยองดังไปทั่วตระกูลเหอ
ในพริบตานั้น รังสีอันน่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดออกจากตัวเธอ และแผ่ซ่านไปรอบทิศ
ฉินหวยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และรีบเข้ามาบังอยู่ตรงหน้า เหอจื้อกับเหอชาน
เขารู้ดี ถ้าเขาไม่เข้ามาบัง เหอจื้อกับเหอชานต้องถูกออร่าอันแข็งแกร่งที่เซี่ยเหอระเบิดออกมากระแทกจนบินแน่
“เป็นไปได้ยังไง?”
เหอจื้อสีหน้าซีดเซียว ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็รู้ดีว่าเรียงคำรามของเซี่ยเหอ ได้ปลดปล่อยรังสีอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
ถึงแม้ฉินหวยจะช่วยเขาต้านรังสีนี้ไว้ แต่แค่อานุภาพที่หลงเหลือยังทำให้เขาใจสั่นได้
“ไสหัวไป!”
เซี่ยเหอกัดฟันแล้วพูดคำนั้นออกมา จากนั้นก็เดินหน้าต่อ
ฉินหวยจ้องมองเซี่ยเหอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม สีหน้าที่แสดงออกมามีแต่ความกังวล
เหอจื้อพูดด้วยความโมโหว่า “ฉินหวย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฉินหวยพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “คุณเหอ ผู้หญิงคนนี้ น่าจะปลุกพรสวรรค์ทางวิถีบู๊ขึ้นได้อย่างกะทันหัน จากคนธรรมดากลายเป็นนักบูโด”
“ว่ายังไงนะ?”
เหอจื้อเบิกตาโต ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่ามีคนธรรมดาที่สามารถปลุกพรสวรรค์วิถีบู๊ได้อย่างกะทันหันจนกลายเป็นนักบูโด