The king of War - บทที่ 2169 เขามาแล้ว
The king of War บทที่ 2169 เขามาแล้ว
“นี่คุณตั้งใจจะไปแล้วเหรอ?”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เมิ่งชิงหลันมองไปที่หยางเฉินและถามด้วยความอาลัยอาวรณ์
เย่จางกั๋วก็มองไปที่หยางเฉินด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์เช่นกัน
ในช่วงเวลาที่หยางเฉินมาจงโจว เขาได้สร้างอำนาจให้กับกองยุทธการจงโจว ทีมบูโดในตอนนี้ แข็งแกร่งห้าวหาญไม่มีใครเทียบได้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งของตระกูลบู๊โบราณ ก็ยังไม่กล้าล่วงเกินทีมนักบูโดง่ายๆ
อาจกล่าวได้ว่า จงโจวในปัจจุบัน มีความสงบสุขมั่นคงแล้ว เว้นแต่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของโลกบู๊โบราณล่างลงมือเอง ไม่งั้นก็ไม่มีใครกล้าก่อกวนกฎระเบียบของจงโจว
หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย มองไปที่เมิ่งชิงหลันด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วพูดว่า “คุณคงรู้ว่า ที่ผมมาที่จงโจวครั้งนี้ พร้อมด้วยภารกิจของสมาคมผู้อาวุโส และตอนนี้สถานการณ์ในจงโจวก็ถือว่าสงบแล้ว เรื่องที่เหลือก็มอบให้พวกคุณจัดการต่อ”
“ตอนนี้ผมต้องไปเมืองอีกหลายแห่ง ต้องรีบทำให้เมืองอื่นๆมีความสงบสุขและมั่นคงเช่นเดียวกับจงโจว พวกเราทุกคนต่างแบกความรับผิดชอบอันหนักอึ้งไว้บนบ่า ทุกคนจะต้องพยายามสู้ไปด้วยกัน! สักวันหนึ่ง จะต้องได้พบกันอีก!”
หลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉิน เมิ่งชิงหลันน้ำตาคลอเบ้า
เย่จางกั๋วถอนหายใจแล้วพูดว่า “คุณพูดถูก เราทุกคนต่างแบกความรับผิดชอบอันหนักอึ้งไว้บนบ่า เมื่อเทียบกับจงโจว สถานการณ์ในโจวอื่นๆแย่กว่าเยอะ ทุกที่ก็ต้องการคุณ”
พูดจบ เขาก็ถามอีก “คุณคิดจะไปเมื่อไหร่? พวกเรากองยุทธการจงโจวจะจัดงานเลี้ยงส่งคุณ”
หยางเฉินส่ายหัว “งานเลี้ยงส่งไม่ต้องหรอก! ผมยังมีธุระที่ต้องจัดการ รอจัดการเสร็จ ก็จะจากไป พวกคุณทุกคนตั้งใจทำงานเถอะ!”
เมื่อเห็นหยางเฉินพูดเช่นนี้ เย่จางกั๋วก็ไม่ฝืนใจ เขารู้ดีว่าสถานการณ์ในเมืองอื่นเลวร้ายเพียงใด และไม่จำเป็นต้องทำเรื่องที่ไร้สาระเหล่านั้น
“พวกคุณคุยต่อ ผมไปทำธุระก่อนนะ!”
เย่จางกั๋วชำเลืองเมิ่งชิงหลันที่น้ำตาคลอเบ้า จากนั้นก็หันหลังจากไป
ชั่วขณะหนึ่ง ในห้องเหลือเพียงหยางเฉินและเมิ่งชิงหลันสองคนเท่านั้น
หลังจากที่ทั้งสองมองหน้ากันสักพัก เมิ่งชิงหลันก็พูดขึ้นก่อน “คุณหาผู้หญิงคนนั้นเจอหรือยัง?”
หยางเฉินพยักหน้า และมุมปากของเขาโค้งขึ้นอย่างมีความสุข “ไม่เพียงแต่หาเธอพบเท่านั้น แต่ยังมีลูกสาวที่น่ารักเพิ่มอีกคนด้วย”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของหยางเฉิน เมิ่งชิงหลันกัดริมฝีปากสีแดงไว้แน่น
ตอนแรกทั้งสองพบกันในกองยุทธการ เธอก็รู้แล้วว่าหยางเฉินมีผู้หญิงอีกคนที่ลืมไม่ได้ ไม่ว่าเธออยากจะเข้าใกล้หยางเฉินมากแค่ไหน หยางเฉินก็รักษาระยะห่างจากเธอเสมอ
เธอรู้ว่า เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะเดินเข้าไปอยู่ในหัวใจของหยางเฉิน
เดิมทีในใจเธอยังคงมีความหวังอยู่บ้าง หรือบางทีเมื่อหยางเฉินกลับถึงเจียงโจว ผู้หญิงคนนั้นอาจแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่า หยางเฉินได้หาผู้หญิงคนนั้นจนพบ และดูเหมือนว่า มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้หญิงคนนั้น ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีลูกสาวคนหนึ่งด้วย
เธอรู้จักหยางเฉินดี ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เธออยากเข้าไปอยู่ในหัวใจของหยางเฉิน คงยิ่งยากขึ้น ความเป็นไปได้คือศูนย์
แต่ถึงเป็นเช่นนี้ แล้วไงล่ะ? ตัวเองก็ยังมีโอกาสอยู่เล็กน้อย
เมิ่งชิงหลันพูดขึ้นทันที “หยางเฉิน ฉันขอกอดคุณหน่อยได้ไหม?”
หยางเฉินนิ้งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้ตอบ สายลมที่มีกลิ่นหอมโชยมา เมิ่งชิงหลันได้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว กอดเขา และเอาหัวแนบหน้าอกของเขา
หยางเฉินคิดจะผลักเธอออกโดยสัญชาตญาณ แต่ยังไม่ทันได้ผลักออกไป ก็ได้ยินเมิ่งชิงหลันพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “ให้ฉันเอนกายพิงเงียบๆสักพัก!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเมิ่งชิงหลัน มือของหยางเฉินที่ยื่นออกไปเมื่อกี้ก็วางลงบนหลังของเมิ่งชิงหลันอย่างช้าๆ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าเมิ่งชิงหลันคิดอย่างไรกับเขา เขาสามารถพูดได้ว่า เมิ่งชิงหลันนั้นเหมาะสมกับเขามาก แต่ก็น่าเสียดายที่ ฉินซีก้าวเข้ามาในหัวใจของเขาก่อนเมิ่งชิงหลันหนึ่งก้าว
ตลอดชีวิตที่เหลือ ในใจเขาไม่สามารถมีผู้หญิงคนที่สองได้ สำหรับความดีที่เมิ่งชิงหลันมีต่อเขา ได้แต่ทำให้เธอต้องผิดหวัง
ผ่านไปอย่างเงียบๆเช่นนี้ห้านาทีเต็มๆ เมิ่งชิงหลันถึงออกจากอ้อมแขนของหยางเฉิน ดวงตาแดงก่ำจ้องมองไปที่หยางเฉิน แล้วถามทันที “ถ้าหากไม่มีผู้หญิงคนนั้น คุณจะยอมรับความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณไหม?”
แววตาของหยางเฉินชัดเจนมาก และสบกับดวงตาของเมิ่งชิงหลันและพูดว่า”ชิงหลัน ในโลกนี้ไม่มีถ้าหากหรอก ผมรู้แต่ว่า ผมในตอนนี้ นอกจากเธอคนนั้นแล้ว ไม่สามารถยอมรับผู้หญิงคนอื่นได้อีกต่อไป”
เมิ่งชิงหลันหัวเราะเยาะตัวเอง ดวงตาของเธอเปียกชื้นเล็กน้อย แต่เธอก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา
เธอจ้องไปที่หยางเฉิน และพูดอย่างโกรธเคือง “หยางเฉิน คุณอย่าหลงตัวเองมากนักเลย ฉันก็แค่ถามไปอย่างนั้นแหละ คุณคงไม่คิดว่าฉันจะชอบคนหัวรั้นอย่างคุณจริงๆหรอกนะ?”
เมื่อเห็นเมิ่งชิงหลันที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง หยางเฉินก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
เขาฝืนยิ้ม จากนั้นหยิบแส้ที่ส่องแสงสีเงินออกมาจากแหวน
หยางเฉินยื่นแส้ให้เมิ่งชิงหลันและพูดว่า “แส้ทิพย์เส้นนี้ขอมอบให้คุณนะ!”
แส้ทิพย์นี้เขาได้รับจากจอมคนบูโดอันดับหนึ่งในตระกูลฉี เป็นของอาถรรพ์ที่ได้จากแหวนเก็บของของฉีอิงเว่ย แม้ว่ามันจะเป็นเพียงของอาถรรพ์ระดับต่ำ แต่สำหรับนักบูโดของโลกมนุษย์แล้ว กลับเป็นสมบัติล้ำค่ามาก
การออกแบบของแส้เส้นนี้เหมาะกับความงามของผู้หญิงมาก เมิ่งชิงหลันต้องการอาถรรพ์เส้นหนึ่งพอดี ดังนั้นแส้ทิพย์นี้จึงเหมาะกับเธอมาก
แน่นอนว่าเมื่อเมิ่งชิงหลันเห็นแส้ทิพย์เส้นนี้ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชอบ
“ในเมื่อคุณมอบให้ฉัน งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ!”
เมิ่งชิงหลันรับแส้ทิพย์มาอย่างไม่เกรงใจ และโบกสะบัดไปในอากาศ
“เพี๊ยะ!”
แส้ทิพย์ส่งเสียงที่แหลมคมออกมา
ดวงตาของเมิ่งชิงหลันเป็นประกาย และพูดด้วยความตื่นเต้น “ไม่เสียแรงที่เป็นของอาถรรพ์ ทรงพลังจริงๆ ฉันรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของฉันเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ต้องต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นต้น ก็คงไม่แพ้แน่นอน!”
“หยางเฉิน คุณให้ของขวัญล้ำค่าขนาดนี้แก่ฉัน ให้ฉันเอาอะไรตอบแทนคุณดี?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆเธอก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “หรือไม่ก็ ให้ฉันมอบกายให้คุณดีมั้ย!”
มุมปากของหยางเฉินกระตุกเล็กน้อย รีบพูดว่า “จริงสิ ผมยังมีธุระต้องจัดการ ผมไปก่อนนะ!”
พูดจบ เขาจากไปราวกับกำลังหลบหนี
หลังจากที่เขาจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งชิงหลันก็หายไป สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า มองไปที่แส้ทิพย์ในมือของเธอ น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ตระกูลกู้ ในจงโจว
ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่ของตระกูลกู้ ไม่มีผู้คนพลุกพล่านเหมือนก่อน มีเพียงคนรับใช้สามถึงห้าคนของตระกูลกู้ ที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเบื่อหน่าย ราวกับว่าไม่มีอะไรทำ
“คุณปู่ ตระกูลกู้จะล่มสลายแล้วจริงๆเหรอ?”
ลำธารที่สร้างขึ้นมาเอง กู้ซือซือน้ำตาคอลเบ้า เธอถามชายชราที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่ข้างๆลำธาร
ชายชราไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือผู้นำกู้ กู้ไท่ชู
เซี่ยหลินที่อยู่ข้างกายกู้ซือซือก็ดูกังวลเช่นกัน มองไปที่กู้ไท่ชู แล้วพูดว่า “นายท่าน ท่านไม่ต้องกังวล ตระกูลเซี่ยคงไม่เพิกเฉยต่อตระกูลกู้หรอก พ่อของฉันจะต้องโน้มน้าวสายเลือดของตระกูล ต้องช่วยเหลือตระกูลกู้อย่างเต็มที่แน่นอน”
กู้ไท่ชูถอนหายใจ หันไปมองหลานสาวทั้งสองแล้วพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “หลังจากตระกูลกู้ปฏิเสธเรื่องแต่งภรรยาน้อยของตระกูลบู๊โบราณเฉิน ตระกูลกู้ก็ได้เริ่มล่มสลายแล้ว ตอนนี้ ไม่มีใครสามารถช่วยตระกูลกู้ได้แล้ว”
กู้ซื้อซือรีบพูด “คุณปู่ เฉินไห่โจวกับเฉินหยางสองพ่อลูกคู่นี้ ได้ถูกผู้อาวุโสสี่ฆ่าแล้วไม่ใช่เหรอ? พวกเรายังต้องกลัวอะไรอีก นอกจากนี้ ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลเซี่ย ตระกูลกู้ของเราต้องยืนหยัดต่อไปได้อย่างแน่นอน”
เซี่ยหลินก็รีบพูดเช่นกัน “ใช่แล้ว พ่อลูกตระกูลเฉินได้ตายไปแล้ว ยังมีใครจะมาข่มขู่ตระกูลกู้ได้อีก?”
กู้ไท่ชูส่ายหัว และพูดด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ “กองกำลังจำนวนมากกำลังจับจ้องตระกูลกู้เรา ตระกูลบู๊โบราณเฉินต่อต้านตระกูลกู้ และให้โอกาสกับกองกำลังที่คอยต่อต้านตระกูลกู้เหล่านั้นร่วมมือกันเพื่อจัดการกับตระกูลกู้ แม้คนของตระกูลบู๊โบราณเฉินข่มขู่พวกเราไม่ได้แล้ว แต่กองกำลังที่ลงมือโจมตีตระกูลกู้เหล่านั้นจะยอมเลิกลาง่ายๆได้ไง?”
“ปัจจุบัน ภายใต้กิจการของตระกูลกู้ ประสบปัญหาทุกรูปแบบ ปัญหาเหล่านี้ เกิดจากการกระทำของกองกำลังเหล่านั้น ถ้าไม่เหยียบย่ำตระกูลกู้จนจมดิน พวกเขาคงจะไม่ยอมเลิกลาแน่”
“เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ของตระกูลกู้ เกรงว่าจะอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน!”
ทั้งเซี่ยหลินและกู้ซือซือต่างมีสีหน้านิ่งอึ้ง ครั้งหนึ่งในจงโจว บุคคลที่เป็นตระกูลมหาเศรษฐีที่มีกองกำลังสูงส่งในระดับสอง จะล่มสลายจริงๆหรือ?
ในขณะนี้ พ่อบ้านวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ผู้นำ ผู้อาวุโสสี่มาแล้ว!”