The king of War - บทที่ 2172 ผู้อยู่เบื้องหลัง
The king of War บทที่ 2172 ผู้อยู่เบื้องหลัง
ทุกคนตะลึงเมื่อเห็นดาบยาวสีทองเสียบอยู่ระหว่างกลางของทั้งสองฝ่าย
โดยเฉพาะคนของสามตระกูลมหาเศรษฐี เมื่อเห็นดาบยาวนี้ ถึงกับสั่นไปทั้งตัว
“กระบี่โอรสสวรรค์! คือกระบี่โอรสสวรรค์!”
“เป็นไปได้ไหมว่า ผู้อาวุโสสี่อยู่ในตระกูลกู้?”
“ไหนบอกว่า ผู้อาวุโสสี่ออกจากจงโจวไปแล้วเหรอ? ทำไมดาบของเขา ถึงมาปรากฏอยู่ที่นี่?”
……
แต่ละคนในสามตระกูลมหาเศรษฐีต่างส่งเสียงอุทานออกมาอย่างตกใจ
ทันทีที่กระบี่โอรสสวรรค์ปรากฎออกมา ทำให้มหาเศรษฐีหลายร้อยคนกระเด็นปลิวออกไป นี่แสดงให้เห็นว่าพลังของหยางเฉินนั้นน่าสะพรึกกลัวเพียงใด
คนของสามตระกูลใหญ่ต่างก็รู้อย่างชัดเจน หยางเฉินได้ปราณีแล้ว แต่พลังของดาบสะเทือนจนพวกเขาปลิวออกไป หากหยางเฉินใช้กำลังทั้งหมดที่เขามี ดังเช่นสิบวันก่อน ด้วยการใช้ดาบฟันท้องฟ้าเพียงครั้งเดียว เกรงว่าเขาอาจสังหารนักบูโดหลายร้อยคนที่สามตระกูลมหาเศรษฐีพามาจนหมดสิ้น
กู้ไท่ชูมองไปที่ดาบยาวสีทอง แล้วถอนหายใจ
นี่ก็คือโลกใหม่หลังจากม่านพลังแตกสลายเหรอ?
นักบูโดชั้นเลิศ ไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว แค่ใช้อาวุธของตัวเอง ก็สามารถข่มขู่ทุกคนในสถานที่นี้ได้
ในขณะนี้ เสียงที่เฉยเมยได้แว่วมาจากห้องกู้ไท่ชู “ผู้นำสามตระกูลมหาเศรษฐีอยู่ต่อ คนอื่นๆ ไสหัวไป!”
ได้ยินเช่นนี้ นักบูโดทั้งหลาย ราวกับได้รับอภัยโทษ รีบวิ่งหนีทันที กลัวว่าหากวิ่งไม่ทัน จะถูกดาบของหยางเฉินฆ่า
เหลือเพียงไช่เต๋อไห่、หวังหลิน、ตู้จินเซียวสามคน
“ผู้อาวุโสสี่ ขอโทษครับ พวกเราไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่ตระกูลกู้ ไม่เช่นนั้นต่อให้เราใจกล้าแค่ไหนก็ไม่กล้ามาที่ตระกูลกู้ได้ ผู้อาวุโสสี่เป็นผู้มีอิทธิพลโปรดใจกว้างขวาง อย่าได้ถือสาพวกเราเลย ปล่อยพวกเราไปเถอะ”
“ผู้อาวุโสสี่ พวกเราสัญญา ต่อไปจะไม่โจมตีตระกูลกู้อีกแล้ว”
“ใช่ๆๆ จากนี้ไปพวกเราทั้งสาตระกูลใหญ่ ขอทำตามคำสั่งตระกูลกู้”
หลังจากที่ ไช่เต๋อไห่ทั้งสามคนจ้องมองหน้ากัน ต่างก็เปิดปากขอร้อง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“คุกเข่า!”
หยางเฉินตะโกนด้วยความโกรธ
“พุด”
ทั้งสามคนเข่าอ่อน คุกเข่าลงบนพื้นทันที
ตอนนี้ถึงพวกเขาจะโง่แค่ไหน ก็สามารถเดาได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างหยางเฉินกับตระกูลกู้ดีแค่ไหน ไม่งั้นเขาคงไม่มาจะปรากฏตัวที่ตระกูลกู้?
หยางเฉินถามว่า “ใครเป็นคนให้พวกคุณมาโจมตีตระกูลกู้?”
ทุกคนในสามตระกูลมหาเศรษฐีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ต่างมีสีหน้าเหลือเชื่อ แทบคิดไม่ถึงว่าหยางเฉินจะสามารถเดาได้ว่าพวกเขาถูกคนบงการมา
“ผู้อาวุโสสี่ ไม่มีใครสั่งการพวกเรามาจัดการตระกูลกู้หรอก เป็นเพราะอยู่ในจงโจวพวกเราต้องการแทนที่ตระกูลกู้ ดังนั้นจึงร่วมมือกันเพื่อจัดการกับตระกูลกู้”
หลังจากที่ทั้งสามคนมองหน้ากัน ไช่เต๋อไห่ก็พูดขึ้นก่อน
หวังหลินก็รีบพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ เพราะพวกเราคาดหวังในตำแหน่งของตระกูลกู้ จึงได้พาคนมาที่ตระกูลกู้”
ตู้จินเซียวพูดว่า “ผู้อาวุโสสี่ พวกเราแค่ต้องการแทนที่ตระกูลกู้จริงๆ ไม่ได้คิดจะละเมิดกฎใหม่ เมื่อกี้พวกเราก็แค่ต้องการข่มขู่ตระกูลกู้ให้กลัวเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะลงมือกับตระกูลกู้จริงๆ”
เมื่อเห็นผู้นำสามตระกูลกำลังอธิบายอย่างร้อนรน ความเย็นชาในแววตาของหยางเฉินก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
มีหรือเขาจะดูไม่ออกว่า สามคนนี้กำลังปกปิดความจริง
เขาไม่ได้สนใจทั้งสามคน เพียงแค่ยืนอยู่นิ่งๆ และจ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชา
เวลาผ่านไปทุกวินาที เป็นเวลานานเขาไม่ได้พูดอะไร ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับสามตระกูลมหาเศรษฐีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ถึงแม้หยางเฉินจะทุบตีพวกเขา ขอเพียงไม่ฆ่าพวกเขา พวกเขาต่างก็ยอมรับได้
แต่ว่าหยางเฉินไม่ได้พูดอะไรสักคำ ซึ่งสร้างความกดดันให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก
ทั้งสามคนก้มหน้าลง และแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองหยางเฉิน สั่นไปทั้งตัวไม่ยอมหยุด
หลังจากเงียบไปสามนาทีเต็มๆ หยางเฉินก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ผมจะให้โอกาสพวกคุณครั้งสุดท้าย บอกผมมา ใครเป็นคนบงการให้พวกคุณมาจัดการตระกูลกู้?”
น้ำเสียงครั้งนี้นิ่งสงบกว่าครั้งแรกมาก ราวกับกำลังถามถึงเรื่องเล็กๆ
แต่เมื่อคนของสามตระกูลมหาเศรษฐีได้ฟังแล้ว ดูเหมือนเป็นการพิจารณาตัดสินคดีครั้งสุดท้าย หากคำตอบของพวกเขาทำให้หยางเฉินไม่พอใจ พวกเขาจะต้องตายอย่างน่าอนาถ
“ผู้อาวุโสสี่ ถ้าผมบอกคุณแล้ว คุณไว้ชีวิตผมได้ไหม?”
ในขณะนี้ตู้จินเซียวก็เงยหน้าขึ้น และถามทันที
“บูม!”
เสียงที่คมชัดดังขึ้น และภายใต้สายตาที่หวาดกลัวของทุกคน ระหว่างคิ้วของตู้จินเซียวปรากฏรูเลือด
ตู้จินเซียวยังคงลืมตาโต และร่างตรงของเขาล้มลงกับพื้น เลือดสีแดงไหลเต็มพื้น
ไช่เต๋อไห่และหวังหลินซึ่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ เบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อกี้ตู้จินเซียวยังร่วมมือกับพวกเขาเพื่อจัดการกับตระกูลกู้ ถึงกับตายแล้ว!
พวกเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำ ตู้จินเซียว ตายได้อย่างไร
หรือว่า คือหยางเฉิน?
เพียงเพราะตู้จินเซียวซักถามหยางเฉิน ไว้ชีวิตเขาได้ไหม?
หยางเฉินไม่ต้องการพูดให้เปลืองน้ำลาย จึงฆ่าเขาทิ้งทันที?
ไม่เพียงแต่หวังหลินและไช่เต๋อไห่สองคนเท่านั้น แม้แต่คนของตระกูลกู้ก็ตกใจเช่นกัน แม้ว่าหยางเฉินจะเป็นผู้อาวุโสสี่ของสมาคมผู้อาวุโส แต่เขาก็ไม่ควรฆ่าคนตามอำเภอใจเช่นนี้?
ในขณะนี้ หยางเฉินเปิดปากพูด “พวกคุณรู้หรือไม่ว่า กระบี่โอรสสวรรค์ที่อยู่ในมือของผมหมายถึงอะไร?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ทันใดนั้นไช่เต๋อไห่และหวังหลินก็จำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และสีหน้าของพวกเขาก็ซีดลงด้วยความตกใจ
กระบี่โอรสสวรรค์สามารถ เบื้องบนใช้สังหารกษัตริย์ที่ไม่เอาไหน เบื้องล่างใช้สังหารอำมาตย์ที่กบฏ!
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หยางเฉินผู้ครอบครองกระบี่โอรสสวรรค์ มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะฆ่าพวกเขา
แม้ว่าหยางเฉินจะเป็นนักบูโด แต่คนที่เขาต้องการฆ่าไม่มีรากฐานของนักบูโดเป็นแค่คนธรรมดา เขาก็มีคุณสมบัติที่จะฆ่าก่อนค่อยแจ้ง
ยิ่งกว่านั้น ที่สามตระกูลมหาเศรษฐีลงมือจัดการตระกูลกู้ ก็คือการละเมิดกฎใหม่
“เตี้ยง!”
หยางเฉินเสียบกระบี่โอรสสวรรค์ลงกับพื้น และดาบก็ส่งเสียงที่คมชัดออกมา
สายตาของเขาจ้องไปที่ไช่เต๋อไห่กับหวังหลิน
ร่างทั้งสองอ่อนเปียก คุกเข่าอยู่กับพื้น ปรากฎแอ่งน้ำ
เป็นถึงมหาเศรษฐีผู้สง่างามในจงโจว ตกใจจนฉี่ราด
“ผมพูดแล้ว! ผมจะพูดทุกอย่าง!”
สีหน้าของหวังหลินเต็มไปด้วยความกลัว เขาคือเหอหงหยวนผู้ร่ำรวยที่สุด! เขาสัญญากับพวกเรา ขอเพียงพวกเราสามารถกำจัดตระกูลกู้ได้ พวกเราก็จะได้แทนที่ตระกูลกู้ และกลายเป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับสองคนใหม่ในจงโจว”
ไช่เต๋อไห่ก็รีบพูดเช่นกัน “ใช่ๆๆ ไอ้แก่เหอหงหยวนคนนี้ ยังไงเขาก็เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด พวกเราไม่กล้าล่วงเกินเขา ดังนั้นเขาพูดอะไร พวกเราได้แต่ทำตาม!”
“ผู้อาวุโสสี่ นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของเราจริงๆ! ขอร้องผู้อาวุโสสี่ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ ต่อไปพวกเราจะไม่กล้าอีกแล้ว!”
“ผู้อาวุโสสี่ พวกเราสำนึกผิดไปแล้ว ตระกูลหวังเต็มใจเป็นบริวารของตระกูลกู้ ขอเพียงผู้อาวุโสสี่ไว้ชีวิตพวกเรา ปล่อยตระกูลหวังไป”
ทั้งสองขอร้องและเอาหัวโขกพื้นอย่างแรง
กู้ไท่ชูตกตะลึง ราวกับคิดไม่ถึง คนที่ต้องการจัดการกับตระกูลกู้จริงๆคือเหอหงหยวน
กู้ไท่ชูพูดด้วยความโกรธ “ตระกูลกู้กับตระกูลเหอไม่มีบุญคุณความแค้นอะไรต่อกัน ทำไมเหอหงหยวนถึงต้องการจะจัดการกับพวกเราล่ะ?”
หวังหลินรีบพูด “ผู้นำตระกูลกู้ พวกเราไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ทุกอย่างทำตามคำสั่งของเหอหงหยวนเท่านั้น!”
ไช่เต๋อไห่ก็รีบพูดเช่นกัน “ใช่ เหอหงหยวนเป็นคนขอให้พวกเรามาจัดการกับตระกูลกู้ ไม่เช่นนั้น อาศัยพวกเราสามตระกูล จะกล้าฝ่าฝืนกฎใหม่เพื่อมาสร้างปัญหาให้กับตระกูลกู้ได้อย่างไร?”
“และเหอหงหยวนนี่แหละที่เป็นคนบอกพวกเรา ผู้อาวุโสสี่ได้ออกจากจงโจวแล้ว และยังบอกด้วยว่าหากผู้อาวุโสสี่ไม่อยู่ ตระกูลมหาเศรษฐีเป็นคนใหญ่ที่สุดในจงโจว”
หยางเฉินขมวดคิ้ว เหอหงหยวนจัดการกับตระกูลกู้ ดูเหมือนไม่สมเหตุสมผล เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ