The king of War - บทที่ 218 พาเธอโบยบิน
“เสี่ยวซี คุณมีเรื่องที่อยากทำ แต่ไม่กล้าทำหรือเปล่า” หยางเฉินขับรถพลางถามขึ้น
“นายจะพาฉันไปทำหรือไง” ฉินซียิ้มแล้วถามขึ้น
“ถึงคุณอยากได้ดาวบนฟ้า ผมก็จะเก็บมาให้คุณ!” หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึก
คำพูดของหยางเฉินเหมือนคำสารภาพรักกลายๆ จนทำให้ฉินซีทำอะไรไม่ถูก
หลังจากที่ฉินซีเงียบไปครู่หนึ่ง มุมปากของเธอยกขึ้นเบาๆ “ฉันอยากโบยบินอย่างอิสระ!”
“ได้เลย!”
หยางเฉินพูดจบ ก็เลี้ยวรถกลับ มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก
ฉินซีแค่พูดออกมาเล่นๆ คิดไม่ถึงว่าหยางเฉินจะรับปากจริงๆ
เขาเลี้ยวรถกลับ อย่าบอกนะว่าเขาจะพาเธอบินจริงๆ
“นายจะพาฉันไปไหน”
ฉินซีถามด้วยสีหน้าสงสัย
“อีกเดี๋ยวคุณก็รู้!”
หยางเฉินยิ้มและพูดตอบ
ฉินซีลดกระจกรถลง ลมโชยปะทะหน้าของเธอ เส้นผมพลิ้วไสว มีกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้โชยมาตามลม ฉินซีสูดหายใจเบาๆ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา เธอดูมีเสน่ห์จนทำให้คนหวั่นไหว
ทุกสิ่งทุกอย่างช่างงดงาม หยางเฉินยิ้มอย่างอบอุ่น ชีวิตนี้มีคู่ชีวิตที่เพียบพร้อมเช่นนี้ ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
ถ้าหยางเฉินไม่ได้กำลังขับรถ คงจะสังเกตเห็นฉินซีที่กำลังแอบมองเขา
แสงอาทิตย์ส่องลงมากระทบปลายผมของหยางเฉิน ทำให้เห็นความหล่อและความอบอุ่นบนใบหน้าอย่างชัดเจน
เมื่อคิดถึงผู้ชายคนนี้ คนที่คอยช่วยเธอในยามคับขันเสมอ ในใจของเธอก็รู้สึกมีความสุขและชื่นใจ
ฉินซีมองจนเหม่อลอยอย่างไม่รู้ตัว เธอรู้สึกดีกับหยางเฉินมากขึ้นอีก
วิวข้างนอกเลื่อนถอยหลังอย่างช้าๆ ฤดูนี้เหมือนในเมืองเต็มไปด้วยความสุข
หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที รถออดี้ A8 คันสีดำ ค่อยๆ หยุดลงที่ลานจอดรถ วัยรุ่นชายหญิงลงมาจากรถ
ชายหญิงที่ว่าก็คือหยางเฉินกับฉินซี
“สวนสนุกเมืองโจวเฉิง!”
ฉินซีเงยหน้ามองตัวอักษรฉลุบนประตูสวนสนุกเมืองโจวเฉิง แล้วพูดอย่างตกใจ
วันนี้เป็นวันเสาร์ ดังนั้นคนจึงเยอะมาก
หยางเฉินเป็นฝ่ายจูงมือฉินซี ฉินซีสะบัดมือไปมา เธอถลึงตาใส่หยางเฉิน แต่ก็ให้เขาจูงมือ
“ที่นี่มีสิ่งที่คุณอยากทำ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวผมจะพาคุณบินเอง!”
หยางเฉินยิ้มตาหยี “คุณรอที่นี่ก่อน ผมจะไปซื้อตั๋ว!”
ไม่รอให้ฉินซีตอบ หยางเฉินวิ่งไปที่ขายตั๋วทันที
ฉินซียืนอยู่ไม่ไกล เธอมองหยางเฉินยืนต่อหลังคนสิบกว่าคน ใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
คู่รักสองสามคู่เห็นรอยยิ้มของฉินซี ถึงกับตกตะลึงกับเสน่ห์ของเธอ
ไม่นาน หยางเฉินเดินเข้ามา เขายกตั๋วสองใบในมือขึ้นมา จากนั้นจึงจูงมือเธอ เข้าไปในสวนสนุก “พี่จะพาเธอบินเอง!”
เมื่อหยางเฉินพาฉินซีมาถึงลานบันจี้จัมพ์ เธอพึ่งเข้าใจคำว่า ‘บิน’ ที่หยางเฉินพูด
“นายจะโดนบันจี้จัมพ์เหรอ”
ฉินซีเบิกตาโต และถามขึ้น
หยางเฉินยิ้มและส่ายหน้า “ไม่ใช่ผม แต่เป็นเราต่างหาก!”
“กรี๊ด……”
เสียงกรี๊ดแสบแก้วหู ดังขึ้นบนลานบันจี้จัมพ์ เสียงกรีดร้องดังไม่หยุด
เห็นร่างของใครบางคนกระโดดลงมาอย่างอิสระ
ฉินซีจับมือของหยางเฉินแน่นโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเธอดูหวาดกลัว
เธออยากสัมผัสความรู้สึกที่ตกลงไปอย่างอิสระมาตลอด แต่เธอไม่กล้าทำคนเดียว
เมื่อได้มาสัมผัสจริงๆ เธอก็กลัวขึ้นมาทันที
“คุณดูกลัวมาก หรือจะไม่ทำแล้ว”
หยางเฉินยิ้มและถามขึ้น น้ำเสียงของเขาดูเยาะเย้ย เหมือนกำลังยั่วยุเธอ
เดิมฉินซีเป็นผู้หญิงกล้า เธอเป็นคนชอบเอาชนะ คนที่กำลังจะยอมแพ้ เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน เธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะยอมแพ้ทันที เธอมองหยางเฉินด้วยสีหน้าโอหัง “ใครกลัวเป็นหมา! เราไปโดดกันตอนนี้เลย!”
พูดจบ เธอเป็นฝ่ายจูงหยางเฉินไปข้างบน
ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนมาโดดบันจี้จัมพ์ ข้างหน้ามีคนกำลังต่อแถวแค่สี่คน และมีคู่รักหนึ่งคู่ที่จะโดดพร้อมกัน
ฉินซีที่เด็ดเดี่ยวเมื่อครู่ เมื่อขึ้นมาเห็นคนโดดบันจี้จัมพ์ สีหน้าของเธอถึงกับซีดเผือด ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอจับมือหยางเฉินแน่น
“เสี่ยวซี คุณว่าคู่นั้น ใครจะร้องดังกว่าดัน”
จู่ๆ หยางเฉินก็ถามขึ้น
ฉินซีกลอกตามองบน “ไร้สาระ ก็ต้องเป็นผู้หญิงสิ!”
“ผมว่าผู้ชายน่าจะร้องดังกว่า”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ต้องเป็นผู้หญิงสิ! นายดูสิ ผู้หญิงสั่นหมดแล้ว ขนาดยังไม่โดด”
“แต่ผู้ชายก็สั่นนะ หรือเราจะพนันกันดีไหม”
“พนันอะไร”
“จูบของคุณ!”
“ทุเรศ!”
……
ขณะที่ทั้งสองคนคุยกัน ฉินซีเริ่มคลายความกังวล
คู่รักข้างหน้าคาดเข็มขัดเรียบร้อย และกำลังจะเตรียมตัวโดด
“นี่คุณสามี ฉันกลัวความสูง! ฉันกลัว! เราไม่โดนแล้วดีไหม”
ขณะนั้น ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวล เสียงเธอสั่นเพราะความกลัว
“เธอคิดอะไรอยู่ เมื่อกี้คนที่จะโดดคือเธอ ตอนนี้มาพูดว่าไม่โดด มากลัวเอาตอนนี้ จะมีประโยชน์อะไรล่ะ”
ทั้งสองรัดเข็มขัดเรียบร้อย ดูเหมือนจะโดดแล้ว แต่จู่ๆ ก็ทะเลาะกันขึ้นมา
นี่ทำให้หยางเฉินกับฉินซีรู้สึกปลง ขนาดพนักงานข้างๆ ยังรู้สึกเอือม เหมือนเขาเจอเรื่องแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“คุณสามี ฉันกลัวจริงๆ หรือนายจะโดดคนเดียว แล้วฉันถ่ายรูปให้ข้างบน ดีไหม”
น้ำเสียงของผู้หญิงเต็มไปด้วยความอ้อนวอน เธอแทบจะร้องไห้ออกมา ขาและเสียงของเธอสั่นไปหมด รู้เลยว่ากลัวมาก
“โอ๊ย! ซื้อตั๋วมาตั้งแปดร้อย ถ้าเธอไม่โดดแล้วตั๋วนี่ล่ะ เธอคิดว่าฉันหาเงินแปดร้อยมาได้ง่ายๆ เหรอ ยังไงเธอก็ต้องโดด!”
สีหน้าของผู้ชายเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เขาไม่สนใจความคิดของภรรยา และลากเธอโดดลงไป
มีเสียงกรีดร้องสองเสียงดังขึ้นข้างใต้ลานกระโดดบันจี้จัมพ์
ที่น่าตกใจไปกว่านั้น เสียงร้องของผู้ชายดังกว่าผู้หญิงมาก
“ผู้ชายคนนี้มันยังไงกัน! ภรรยาเขากลัวความสูง ยังใช้วิธีหยาบคาย ลากเธอโดดลงไปอีก!”
ฉินซีพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
หยางเฉินยิ้มร้ายกาจ “คุณภรรยาอย่าลืมพนันของเรา คุณแพ้แล้ว!”
ฉินซีหน้าแดง เธอจ้องหยางเฉินเขม็ง
ขณะนี้ สองสามีภรรยาคู่ข้างหน้า ได้กระโดดเสร็จเรียบร้อย
ไม่นาน พนักงานเข้ามารัดเข็มขัดให้หยางเฉินกับฉินซี
ฉินซียืนสูดหายใจหน้าลานกระโดดบันจี้จัมพ์ เธอพยายามตั้งสติเท่าที่จะทำได้
“พร้อมหรือยัง”
จู่ๆ หยางเฉินก็ถามขึ้น
เขายืนหันหน้าเข้าหาฉินซี มองใบหน้าอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เขาพยักหน้าให้ฉินซีอย่างจริงจัง “กระโดดกันเลย!”
“โอเค!”
เมื่อพูดจบ เขาก็รวบตัวเธอมากอดไว้
เมื่อได้ยินเสียงหัวใจของหยางเฉิน จู่ๆ ความกลัวของฉินซีก็หายวับไปทันที
เธอรู้สึกอยากให้หยางเฉินกอดไปตลอดชีวิต เธอกอดหยางเฉินตามสัญชาตญาณ
“เสี่ยวซี ผมจะพาคุณบินเอง!”