The king of War - บทที่ 2228 พวกเรามาเจรจากันดีกว่า
The king of War บทที่ 2228 พวกเรามาเจรจากันดีกว่า
ใบหน้าของหลิวชิ่งซีดขาวจนถึงขีดสุด ความเย่อหยิ่งในฐานะจอมคนบูโดของเขาถูกชายหนุ่มผู้หนึ่งในโลกมนุษย์ย่ำยี หากเรื่องนี้ถูกรายงานขึ้นไปยังโลกบู๊โบราณกลาง เขาจะต้องอับอายเป็นแน่
แต่ หากเขาสู้กับหยางเฉิน เกรงว่าเขาคงไม่มีโอกาสชนะ และอาจจะตายด้วยเนื้อมือของอีกฝ่าย
มีชีวิตอยู่ต่อไป ดีกว่าตายอย่างมีเกียรติ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้บนร่างกายของหลิวชิ่งก็ค่อยๆ จางหายไป พูดกับหยางเฉินด้วยใบหน้าอันเยือกเย็นว่า “ในสายตาของโลกบู๊โบราณกลาง นายคือจอมคนบูโดผู้แข็งแกร่ง ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาย”
พูดจบ ร่างของเขาก็ค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้น
เหล่านักบูโดของโลกบู๊โบราณกลางต่างตกอยู่ในความงุนงง หลิวชิ่งผู้เย่อหยิ่งยอมแพ้อย่างนั้นหรือ?
กองยุทธการจงโจวและทีมนักบูโดผู้เกรียงไกร เวลานี้พวกเขาต่างส่งเสียงร้องออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม!”
เย่จางกั๋วกำมือทั้งสองข้างของเขาด้วยความตื่นเต้น หัวเราะออกมาพร้อมพูดว่า “ไม่ว่าจะเวลาไหน ผู้อาวุโสสี่ก็ไม่เคยทำให้พวกเราผิดหวัง จอมคนบูโดแห่งสำนักเทียนไฮ่อันแข็งแกร่งแล้วอย่างไร? เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสสี่ พวกเขาก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!”
เมิ่งชิงหลันเองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยว่า “นายพูดถูก เขาไม่เคยทำให้พวกเราผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นโลกมนุษย์หรือโลกบู๊โบราณล่าง และวันนี้ก็โลกบู๊โบราณกลาง เขามักจะปราบปรามและเป็นความภูมิใจแห่งยุคจริง ๆ”
หัวใจของเซี่ยเหอที่บีบแน่นมาโดยตลอด ในที่สุดเวลานี้มันก็คลายลง และรอยยิ้มแห่งความโล่งใจก็ปรากฏออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่ชัดเจนที่สามารถมองเห็นได้แม้อยู่ห่างไกล
ทางด้านของพันธมิตรพิทักษ์และตู้อวี้ซาน สีหน้าของพวกเขาน่าเกลียดเป็นอย่างมาก ตอนแรกคิดว่าจะได้เห็นหยางเฉินสู้กับยอดฝีมือในแดนนภาขั้นสี่แห่งโลกบู๊โบราณกลางอย่างชัดเจน อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถประเมินความแข็งแกร่งและความสามารถในการต่อสู้ของหยางเฉินได้บ้าง
แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ หลิวชิ่งกลับหมดความมั่นใจในการต่อสู้
หลิวชิ่งยอมแพ้ให้กับการต่อสู้ หยางเฉินเองก็ค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้น พูดกับหลิวชิ่งด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกว่า “ฉันรู้ กำแพงกั้นระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณกลางกำลังจะหายไป และอีกไม่นานโลกบู๊โบราณกลางเองก็จะเป็นเหมือนกับโลกบู๊โบราณล่าง หลอมรวมกับโลกมนุษย์อย่างสมบูรณ์ และเวลานั้นโลกใบใหม่ก็จะเกิดขึ้น”
“เหล่ากองกำลังในโลกบู๊โบราณกลางต่างต้องการครอบครองโลกมนุษย์ แก่งแย่งโลกมนุษย์ไปเป็นของตนเอง ฉันไม่สนใจว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ฉันรู้เพียงแค่ ในโลกมนุษย์แห่งนี้ ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์แห่งโลกมนุษย์เท่านั้น”
“หากมีผู้ใดต้องการทำลายกฎเกณฑ์แห่งโลกมนุษย์ ฉันก็จะสู้กับคนผู้นั้นให้ถึงที่สุด เพื่อรักษากฎเกณฑ์แห่งโลกมนุษย์ ฉันจะปกป้องจนตัวตาย หากฉันยังมีลมหายใจ ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ขอแค่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ต้องมีสักวันที่ทุกคนจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์แห่งโลกมนุษย์”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา เสียงให้กำลังใจและเสียงปรบมืออย่างตื่นเต้นจากกองยุทธการจงโจวและนักบูโดก็ดังขึ้นมาทันใด
เวลานี้สายตาที่ทุกคนมองมาที่หยางเฉินต่างเปล่งประกาย
เผชิญหน้ากับความภาคภูมิใจของโลกบู๊โบราณกลางยี่สิบกว่าคนเพียงลำพัง หยางเฉินกล้าพูดสิ่งที่ “โอหัง” ถึงเพียงนี้ออกมา เขาเป็นเทพผู้คุมกฎแห่งโลกมนุษย์โดยแท้จริง
และสิ่งที่ต่างจากนักบูโดแห่งโลกมนุษย์ก็คือ เหล่านักบูโดของโลกบู๊โบราณกลางต่างมีสีหน้าดูไม่ได้ ราวกับถูกบังคับให้กินหนอนแมลง
พวกเขาอยากสั่งสอนหยางเฉินเป็นอย่างมาก แต่แม้แต่หลิวชิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของพวกเขายังยอมแพ้ พวกเขาที่มีความสามารถด้อยกว่าก็ไม่สามารถทำอะไรหยางเฉินได้
ต่อให้พวกเขาเจ็บใจมากแค่ไหนก็ทำได้แค่ฝืนทน
หลิวชิ่งจ้องมองหยางเฉินพร้อมกล่าวว่า “พวกเราเป็นเพียงศิษย์ของสำนักเทียนไฮ่เท่านั้น ในโลกบู๊โบราณกลางไม่ได้มีเพียงแค่สำนักเทียนไฮ่ของพวกเรา ยังมีขุมพลังที่แข็งแกร่งอีกมากมาย ฉันยอมรับว่านายแข็งแกร่ง แต่ในโลกมนุษย์ก็คงมีแต่นายเพียงคนเดียว”
“ฉันจึงอยากแนะนำให้นายร่วมมือกับสำนักเทียนไฮ่ของพวกเรา ร่วมมือกับสำนักเทียนไฮ่ของพวกเรา แม้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากกองกำลังอื่นได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถหลีกเลี่ยงจากปัญหาส่วนใหญ่ได้”
“หากนายยินดี ฉันจะขอเป็นตัวแทนของสำนักเทียนไฮ่ในการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือกับนาย”
หยางเฉินมองไปที่หลิวชิ่งอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าเขาเป็นคนที่ยืดหดเข้ากับสถานการณ์ได้ดี
ก็เหมือนกับที่หลิวชิ่งกล่าวมา โลกบู๊โบราณกลางไม่ได้มีเพียงแต่สำนักเทียนไฮ่เพียงสำนักเดียว วันนี้สามารถต่อต้านจอมคนบูโดแห่งสำนักเทียนไฮ่เอาไว้ได้ แต่ในภายภาคหน้าอาจจะมีขุมพลังที่แข็งแกร่งอื่น ๆ บุกเข้ามายังโลกมนุษย์อีกก็เป็นได้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หยางเฉินก็ถามกลับมาว่า “นายคิดจะร่วมมืออย่างไร?”
หลิวชิ่งดีใจขึ้นมาทันใด กวาดสายตาไปยังทุกคนและเอ่ยปากออกมาว่า “พวกเราสามารถพูดคุยเป็นการส่วนตัวได้ไหม?”
หยางเฉินพยักหน้า
ภายใต้แววตาแห่งความตกใจของหลิวชิ่ง หยางเฉินยกมือขึ้น ทันใดนั้นกำแพงเล็ก ๆ ก็ปรากฏออกมาปิดกั้นพวกเขาออกจากโลกภายนอก
เว้นแต่ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งความหยางเฉิน คนอื่นก็ไม่อาจได้ยินเสียงการสนทนาระหว่างพวกเขาได้เลย
นี่เป็นวิชาลับที่สืบทอดมาจากประมุขโลกเจียง สำหรับหยางเฉิน นี่เป็นเพียงวิชาธรรมดาทั่วไปเท่านั้น มันไม่ได้เป็นวิชาค่ายกลลึกลับของปรมาจารย์ค่ายกลอย่างที่หลิวชิ่งคิด
หยางเฉินเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรออกมา เพียงถามออกมาแค่ว่า “ตอนนี้สามารถพูดคุยได้แล้วหรือยัง!”
หลิวชิ่งกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “หลังจากค่ายกลถูกทำลาย โลกบู๊โบราณกลางจะหลอมรวมและกลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลกมนุษย์โดยสมบูรณ์ หากฉันเดาไม่ผิด สิ่งที่นายกังวลมากที่สุดก็คือหลังจากที่ค่ายกลถูกทำลาย เหล่านักบูโดจากโลกบู๊โบราณกลางจะมาทำสิ่งชั่วร้ายในโลกมนุษย์งั้นเหรอ?”
หลิวชิ่งพยักหน้า เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร สำหรับโลกบู๊โบราณกลาง หากเปิดค่ายกลของโลกบู๊โบราณบนออก พวกเขาก็กังวลว่านักบูโดแห่งโลกบู๊โบราณบนอาจจะทำเรื่องเลวร้ายในโลกบู๊โบราณกลาง
ในโลกบู๊โบราณกลาง มีนักบูโดระดับสูงมากมายต้องการทำลายค่ายกลแห่งโลกบู๊โบราณบน ทั้งหมดก็เพื่อทำให้พวกเขาได้รับทรัพยากรในการฝึกฝนที่เพียงพอ ทำให้การบำเพ็ญผ่านแดนของพวกเขาก้าวหน้า แต่สำหรับนักบูโดในระดับต่ำ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเลวร้ายอย่างแท้จริง
ไม่ว่าจะเวลาไหน สถานที่ใด ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นอาหาร
หลิวชิ่งกล่าวออกมาอีกว่า “ไม่ปิดบังนาย ครั้งนี้ที่สำนักเทียนไฮ่ส่งพวกฉันมายังโลกมนุษย์ มันก็เพื่อเตรียมการสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากค่ายกลถูกทำลาย เตรียมพร้อมสำหรับการเข้ามาอยู่ในโลกมนุษย์”
“และสิ่งที่ฉันยังสามารถบอกกับนายได้ก็คือ ไม่เพียงแค่สำนักเทียนไฮ่เท่านั้น กองกำลังอื่นไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ทั้งหมดล้วนแต่เตรียมพร้อมที่จะย้ายมาอยู่ในโลกมนุษย์ การมายังโลกมนุษย์ของพวกเราเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ในอนาคตจะมีผู้แข็งแกร่งอีกมากมายที่จะเดินทางมายังที่นี่ และยิ่งการแตกสลายของค่ายกลเพิ่มมากขึ้น ผู้แข็งแกร่งที่จะเดินทางมาก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน”
“ทุกวันนี้มีเพียงนักบูโดในแดนนภาขั้นสี่เท่านั้นที่สามารถมายังโลกมนุษย์ได้ ดูจากความไวของค่ายกลที่แตกสลาย มากสุดก็อีกไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ แดนนภาขั้นห้าก็สามารถเดินทางมายังโลกมนุษย์ได้ และหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ต่อให้เป็นนักบูโดผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหกชั้นยอดก็สามารถมายังโลกมนุษย์ได้
คำพูดนี้ของหลิวชิ่งเป็นการบีบคั้นหัวใจของหยางเฉินเป็นอย่างมาก
เวลานี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ระดับไหน แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ รู้เพียงแค่การฝึกเซียนของตนอยู่ในระยะสร้างรากฐานปราณ ซึ่งเทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของนักบูโดแดนนภาขั้นสี่ถึงแดนนภาขั้นหก
ส่วนเขาจะสามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นห้าได้หรือไม่ เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ใจ
แต่สิ่งที่มั่นใจก็คือ เมื่อเผชิญหน้ากับนักบูแดนนภาขั้นสี่ระดับกลาง เขาไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด
“ด้วยพรสวรรค์ทางวิถีบู๊ของนาย หลังจากที่กองกำลังแห่งโลกบู๊โบราณกลางเดินทางมาถึงโลกมนุษย์แล้ว นายจะได้รับความสนใจจากทุกฝ่ายอย่างแน่นอน หากนายไม่มีพลังอันแข็งแกร่งคอยชักจูงอยู่เบื้องหลัง หนทางที่รอนายอยู่ก็เกรงว่าคงจะมีเพียงแค่ทางตัน!”
หลิวชิ่งกล่าวออกมาอีกว่า “หากเป็นไปได้ ฉันหวังว่านายจะเข้าร่วมกับสำนักเทียนไฮ่ อย่างแรก นายจะได้รับการสนับสนุนอันแข็งแกร่ง อย่างที่สอง นายสามารถใช้อำนาจในนามของสำนักเทียนไฮ่เพื่อช่วยในเรื่องของการกำหนดกฎเกณฑ์แห่งโลกมนุษย์ขึ้นมาใหม่”
“แน่นอน นี่เป็นเพียงข้อเสนอจากฉัน หากนายปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสำนักเทียนไฮ่ ฉันก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสรวมถึงศิษย์ในสำนักว่าอย่าทำเรื่องเลวร้ายเมื่อมาถึงดินแดนของโลกมนุษย์”