The king of War - บทที่ 2231 สุดยอดความแข็งแกร่ง
The king of War บทที่ 2231 สุดยอดความแข็งแกร่ง
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างมีสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว การบีบบังคับและแรงกดดันภายในค่ายกลผนึกสวรรค์นั้นมันมากเกินไป แม้แต่เหล่านักบูโดแห่งสำนักเทียนไฮ่ยังตกใจเป็นอย่างมาก
ส่วนทางด้านกองยุทธการจงโจวและทีมนักบูโด ความกลัวในหัวใจของเขาหนาแน่นขึ้น พวกเขามีความรู้สึกว่าตนเองสามารถถูกสังหารได้ทุกเมื่อ
หยางเฉินขมวดคิ้วแน่น หรี่ตาและมองไปที่ตู้อวี้ซาน
หากพูดตามความเป็นจริง เวลานี้ตู้อวี้ซานไม่ใช่ตัวเองอีกแล้ว ร่างกายของเขากำลังถูกจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งครอบงำอยู่
ร่างกายของเขาเองก็เคยถูกจิตวิญญาณของเทพมารควบคุมอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แน่นอนว่าหยางเฉินเข้าใจถึงความรู้สึกอย่างชัดเจน ลมปราณอันแข็งแกร่งที่พลุ่งพล่านออกมาจากร่างกายของตู้อวี้ซาน มันไม่ใช่ของตู้อวี้ซานเอง
“เจ้าหนุ่ม นายบีบให้ฉันต้องปรากฏตัวออกมาเช่นนี้ ถือว่านายเองก็ไม่ธรรมดา!”
ในเวลานี้ เสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าดังออกมาจากปากของตู้อวี้ซาน
ในเวลานั้น ร่างกายของเขามีลมปราณอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา แม้ว่าจะเป็นหยางเฉินก็รู้สึกได้ถึงการบีบบังคับอันแข็งแกร่ง
เขาในตอนนี้อยู่ในแดนที่เป็นระยะสร้างรากฐานปราณ พลังของเขาเทียบได้กับนักบูโดแดนนภาขั้นสี่ชั้นปลายไปจนถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสี่ชั้นยอด
และในเวลานี้เขาสัมผัสได้ถึงแรงบีบบังคับอันน่าสะพรึงกลัวและแข็งแกร่งจากร่างกายของตู้อวี้ซาน นั่นก็แสดงว่าพลังของอีกฝ่ายนั้นเกินกว่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสี่ชั้นยอดไปแล้ว
หยางเฉินไม่เคยต่อสู้กับนักบูโดโบราณแดนนภาขั้นห้ามาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าตนเองสามารถเอาชนะตู้อวี้ซานได้ไหม
หยางเฉินถามออกมาอย่างเยือกเย็น “นายคือคนที่อยู่เบื้องหลังของตู้อวี้ซานอย่างนั้นหรือ?”
ก่อนหน้านี้เขาคิดมาโดยตลอดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของตู้อวี้ซานคือคนที่มาจากโลกบู๊โบราณกลาง หรือไม่ก็มาจากโลกบู๊โบราณบน แต่วันนี้เขาเพิ่งรู้สึกถึงจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของตู้อวี้ซาน
สำหรับผู้แข็งแกร่งแห่งโลกบู๊โบราณกลาง พวกเขาไม่สนใจที่จะเปิดค่ายกลแห่งโลกมนุษย์เลยแม้แต่น้อย และไม่เห็นนักบูโดของโลกมนุษย์อยู่ในสายตา
ส่วนโลกบู๊โบราณบน ด้วยความแข็งแกร่งของตู้อวี้ซาน เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะติดต่อกับผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นด้วยซ้ำ
ดังนั้น ความเป็นไปได้มีเพียงอย่างเดียว คนที่อยู่เบื้องหลังของตู้อวี้ซานก็คือจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ในยุคโบราณที่อยู่ในร่างกายของเขา
หยางเฉินยังเดาได้อีกว่า จิตวิญญาณดวงนี้จะต้องมีความแค้นกับตี้ชุนเป็นอย่างมาก
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สั่งให้ตู้อวี้ซานทดสอบว่าตี้ชุนหายไปจริงหรือไม่ และคงไม่ทำให้เกิดการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ของสมาคมผู้อาวุโสทุกแห่งหน
“นายพูดถูก ฉันคือคนที่อยู่เบื้องหลังของตู้อวี้ซาน นายหนุ่ม ฉันรับรู้ได้ถึงลมปราณของตี้ชุนจากร่างกายของนาย นายจะต้องมาจากตี้ชุนเป็นแน่?”
ตู้อวี้ซานเอ่ยปากกล่าวออกไป
หยางเฉินขมวดคิ้ว กล่าวออกไปอย่างเยือกเย็น “ฉันเติบโตขึ้นมาบนโลกมนุษย์แห่งนี้ ฉันจะมาจากตี้ชุนได้อย่างไร?”
ได้ยินเช่นนั้นตู้อวี้ซานก็ขมวดคิ้วด้วยท่าทางที่เหมือนกับกำลังครุ่นคิด
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “เป็นไปไม่ได้! หากนายไม่ได้มาจากตี้ชุน เช่นนั้นร่างกายของนายก็ไม่มีทางมีลมปราณของตี้ชุนอยู่ได้”
ครั้งนี้หัวใจของหยางเฉินมีความลังเลปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
พูดตามจริง จนถึงตอนนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเขา
ก่อนหน้านี้เขาคิดมาโดยตลอดว่าตนเองเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลอวี๋เหวินที่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู แต่หลังจากนั้นถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด เขากับตระกูลอวี๋เหวินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดกันเลยแม้แต่น้อย
และเมื่อความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้น ระดับต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวตนของเขานั้นไม่ธรรมดา
ไม่ว่าจะเป็นโลกมนุษย์ในตอนนั้นเองก็ดี จะเป็นโลกบู๊โบราณล่างในภายหลังเองก็ดี หรือไม่ว่าจะเป็นโลกบู๊โบราณกลาง ในคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่มีใครสามารถต่อกรกับเขาได้
หากเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปจริง ๆ เหตุใดถึงได้ครอบครองพรสวรรค์แห่งนักบูโดที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้?
หรือว่าพ่อของเขาจะมาจากตี้ชุน?
หยางเฉินแอบคาดเดาอะไรบางอย่างได้ในหัวใจ
อีกอย่าง ตัวตนของแม่ของเขาเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ถึงตอนนี้ เขารู้เพียงแค่ว่าแม่ของเขามาจากตระกูลที่ถูกกำจัดไปเมื่อร้อยปีก่อน ซึ่งเป็นตระกูลสายเลือดคลั่ง
และสิ่งสำคัญก็คือ สายเลือดคลั่งนั้นสืบทอดเพียงแค่เพศหญิง ไม่สืบทอดสู่เพศชาย แต่เขาเป็นผู้ชาย และในร่างกายของเขากลับครอบครองสายเลือดคลั่ง นี่เป็นสิ่งที่ผิดปกติออกไป
เรื่องราวเหล่านี้ถูกเก็บเป็นความลับในหัวใจของเขามาโดยตลอด และจนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เจอเบาะแสอะไรเพิ่มเติม
“อ่า? แก่นแท้แห่งร่างกาย!”
หลังจากตู้อวี้ซานจ้องมองหยางเฉินมาระยะหนึ่ง แววตาของเขาก็ฉายแววแห่งความสงสัย จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันรับรู้ได้ถึงแก่นแท้แห่งลมปราณจากร่างกายของนายได้อย่างชัดเจน แต่เหตุใดฉันจึงมองไม่ออกว่าแก่นแท้ของนายคืออะไร?”
หยางเฉินตกใจเป็นอย่างมาก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าตนเองครอบครองแก่นแท้อะไรไว้
เวลานี้คนที่จ้องมองเขาอยู่ไม่ใช่ตู้อวี้ซาน แต่เป็นจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งในยุคโบราณ เขาไม่มีทางมองผิดเป็นแน่
หรือว่าเป็นเพราะตนเองฝึกฝนเกี่ยวกับวิชาลับแห่งลมปราณที่ซ่อนเร้น ดังนั้นอีกฝ่ายจึงมองไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนของตน?
“ไม่สนว่านายจะเป็นใคร หรือมาจากไหน เพราะวันนี้จะเป็นวันตายของนาย!”
แววตาแห่งความประหลาดใจของตู้อวี้ซานเลือนหายไป จิตสังหารอันแรงกล้าแทรกเข้ามาแทนที่ เขากล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “ไม่ใช่แค่นายคนเดียวเท่านั้นที่ต้องตาย ทุกคนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดก็ต้องตายเช่นกัน!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนก็ตกใจ!
พวกของหลิวชิ่งเป็นจอมคนที่มาจากโลกบู๊โบราณกลาง เวลานี้พวกเขาอยากจะร้องไห้ พวกเขาก็แค่เป็นกลุ่มจอมคนที่มายังโลกมนุษย์ในตอนที่ค่ายกลเริ่มแหลกสลาย พวกเขาต้องการชิงความได้เปรียบในช่วงต้น แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเจอกับเรื่องราวเช่นนี้ในโลกมนุษย์
“ศิษย์พี่หลิว เวลานี้พวกเราควรทำเช่นไร? คงไม่รอความตายอยู่เช่นนี้?”
นักบูโดผู้หนึ่งของสำนักเทียนไฮ่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
นักบูโดคนอื่นเองก็ค่อย ๆ มองมาที่หลิวชิ่ง หลิวชิ่งเป็นผู้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของพวกเขา และเป็นผู้นำของพวกเขา ทั้งหมดจะถูกตัดสินโดยหลิวชิ่งแต่เพียงผู้เดียว
ใบหน้าของหลิวชิ่งเองก็เต็มไปด้วยความกังวล มองไปทิศทางที่หยางเฉินและตู้อวี้ซานอยู่ กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “เวลานี้ที่นี่ถูกค่ายกลผนึกสวรรค์ปิดกั้นอยู่ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมที่จะสังหารพวกเรา ไม่คิดให้พวกเรามีลมหายใจออกไปจากที่แห่งนี้”
“เวลานี้พวกเราทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับหยางเฉินเท่านั้น หากเขาชนะ พวกเราก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป หากเขาแพ้ พวกเราก็คงต้องตายอยู่ที่นี่!”
ใบหน้าของเหล่านักบูโดแห่งโลกบู๊โบราณกลางซีดขาวจากความหวาดกลัว
พวกเขายอมรับว่าหยางเฉินแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่เวลานี้ คู่ต่อสู้ของหยางเฉินมีจิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงแค่จิตวิญญาณ แต่อย่างน้อยก่อนที่เขาจะตาย เขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งในแดนนภาขั้นเก้าชั้นต้นที่อยู่เหนือกว่าคนจำนวนมาก
ต่อให้เป็นเพียงแค่จิตวิญญาณ และยืมร่างกายของนักบูโดแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้นผู้หนึ่ง แต่อีกฝ่ายก็เป็นผู้มากประสบการณ์ในการต่อสู้!
หยางเฉินยังเด็กเกินไป ต่อให้มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่มีทางเอาชนะผู้ต่อสู้ที่มากประสบการณ์เช่นนี้ได้
การต่อสู้ของทั้งสอง โอกาสที่หยางเฉินจะชนะแทบจะเป็นศูนย์
นักบูโดของโลกบู๊โบราณกลางผู้หนึ่งกล่าวออกมา “ศิษย์พี่หลิว เหตุใดพวกเราจึงไม่เข้าไปช่วยหยางเฉินสู้? เช่นนั้นโอกาสที่พวกเราจะมีชีวิตรอดต่อไปก็ยิ่งมากขึ้น”
หลิวชิ่งส่ายหน้า กล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันขื่นขม “นายคิดว่าพวกเราสามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ในระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาได้อย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของทุกคนซีดขาวด้วยความหวาดกลัว
ใช่ อีกฝ่ายเป็นถึงจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งที่สามารถสร้างค่ายกลผนึกสวรรค์ได้ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะยื่นมือเข้าไปข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ในครั้งนี้
บางทีพวกเขาอาจจะตายโดยที่ยังไม่ทันสัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
และในตอนนี้หยางเฉินก็เป็นฝ่ายบุกไปหาตู้อวี้ซานก่อน