The king of War - บทที่ 2251 การกดดันอันทรงพลัง
The king of War บทที่ 2251 การกดดันอันทรงพลัง
“ผมแพ้แล้ว” ประโยคนี้ของม่อชิงซิวทำให้ทุกคนต้องตกใจ!
“พี่ พี่แพ้เหรอ?”
ใบหน้าน้อย ๆ อันงดงามของม่อชิงซิวเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ในใจของเธอ พี่ชายนั้นเก่งกาจที่สุด แต่เขากลับพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาเกือบสิบปี
หลิวชิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปที่หยางเฉินอีกครั้ง ดวงตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น บูโดอัจฉริยะเช่นนี้ อนาคตคงไร้ขีดจำกัด
เขาแน่ใจได้ว่าเพียงหยางเฉินยังมีชีวิตอยู่ เขาจะสามารถปีนขึ้นไปโลกบู๊โบราณกลาง หรือจุดสูงสุดของโลกบู๊โบราณบนได้แน่นอน
เพียงแค่เขาเกาะหยางเฉินไว้ให้แน่น อนาคตก็มีหวังแล้ว
ศิษย์ทุกคนทั้งผู้อาวุโสคนที่เหอตงเฉิงพามาด้วยล้วนตกตะลึงยืนอยู่ที่เดิม
แม้ว่าพวกเขาหลายคนจะเดาความเป็นไปนี้ได้ก่อนหน้าแล้ว แต่ก็ยังยาที่พวกเขาจะยอมรับตอนที่ม่อชิงซิวยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยตนเอง
“เป็นไปได้ยังไง?”
เหอตงเฉิงทำหน้าเหลือเชื่อ จากนั้นจับจ้องไปที่ม่อชิงซิว พูดว่า “ศิษย์น้องม่อ นายคือเทพสังหารชุดขาวเชียวนะ จะพ่ายแพ้ต่อมดตัวเล็ก ๆ ในโลกนี้ได้ยังไง? นายอ่อนข้อให้เขาใช่ไหม?”
ม่อชิงซิวมองเหอตงเฉิงด้วยสายตาเย็นชา พูดประชดประชันว่า “เวลานี้แล้วยังเรียกคุณหยางว่ามดได้ยังไง? ไม่รับรู้ความเป็นจริงเลยเหรอไง! ความคิดจิตใจของนาย คงไม่สามารถขึ้นสู่ขั้นสูงได้”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปทางหยางเฉิน พูดว่า “พรสวรรค์ด้านบูโดของคุณหยางนั้นน่าทึ่งมาก ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งชื่อของคุณหยางจะทำให้โลกบู๊โบราณต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน!”
เขาเรียกหยางเฉินว่าคุณหยาง และเขาพูดว่าหยางเฉินจะทำให้โลกบู๊โบราณต้องตะลึง ไม่ใช่แค่โลกบู๊โบราณกลาง
หยางเฉินยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ความแข็งแกร่งของคุณม่อก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน จะสามารถไปถึงระดับสูงกว่านี้ได้แน่นอน”
ในขณะนั้นม่อชิงซิวก็เข้ามา มองไปที่ม่อชิงซิวอย่างเป็นกังวล พูดว่า “พี่คะ ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม?”
ม่อชิงซิวส่ายหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้การต่อสู้ระหว่างคุณหยางกับพี่จะดุเดือด แต่เราก็แค่ลองเชิงกัน ไม่ได้ต่อสู้อย่างดุดันสักหน่อย ต้องขอบคุณคุณหยางต่างหากที่อ่อนข้อให้ ไม่อย่างนั้นพี่คงได้รับบาดเจ็บสาหัส”
หลังจากพูดจบ ม่อชิงซิวก็แนะนำต่อหยางเฉินว่า “คุณหยาง นี่คือน้องสาวของผมเอง ชื่อว่าม่อชิงซิว”
นี่เป็นครั้งที่สองที่หยางเฉินได้เจอกับม่อชิงซิว ครั้งแรกหลิวชิ่งพาเขามาที่สำนักเทียนไห่ ในบรรดานักบูโดหนุ่มสาวข้างกายอู่หยางผิง หนึ่งในนั้นมีม่อชิงซิวด้วย
คิดไม่ถึงเลยเชียวว่าหญิงสาวที่สวยราวกับนางฟ้าคนนี้เป็นน้องสาวของม่อชิงซิว
เขายิ้มขึ้นเล็กน้อยไปทางม่อชิงซิวแล้วพยักหน้า
ม่อชิงซิวก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย พูดว่า “สวัสดีค่ะคุณหยาง!”
จู่ ๆ ม่อชิงซิวก็ถามขึ้นว่า “คุณหยางคะ ฉันได้ยินว่าคุณมาที่สำนักเทียนไห่เพื่อตามหาผู้อาวุโสสามเหรอคะ?”
หยางเฉินพยักหน้า สายตาชำเลืองไปที่ทางบ้านของผู้อาวุโสสามแล้วพูดว่า “แต่ว่าผู้อาวุโสสามดูเหมือนจะไม่อยากพบผมนัก ถ้าอย่างนั้นผมก็ควรจะไปแล้ว”
แม้แต่ผู้อาวุโสสามซึ่งแต่เดิมตั้งใจจะไปสู่โลกมนุษย์ก็ไม่อาจพบได้ สำหรับผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของสำนักเทียนไห่ หยางเฉินก็ไม่มีความสนใจเท่าไรแล้ว
อีกอย่าง เขาไม่ได้มาที่โลกบู๊โบราณกลางในครั้งนี้เพื่อตามหาผู้อาวุโสสามของสำนักเทียนไห่เท่านั้น
การช่วยฉินซีถึงจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ
การต่อสู้กับม่อชิงซิวทำให้เขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตน
ม่อชิงซิวเป็นแดนนภาขั้นห้าชั้นต้น พลังการต่อสู้ของเขาเทียบได้กับแดนนภาขั้นห้าชั้นกลาง แต่เขาใช้พละกำลังไปเพียง 70% ก็สามารถเอาชนะม่อชิงซิวได้ ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาควรน่าจะอยู่ในชั้นห้าขั้นปลาย
หากเขาต้องเผชิญหน้ากับนักบูโดแดนนภาขั้นห้าชั้นยอด คาดว่าคงไม่มีโอกาสชนะ
สามวันต่อมา นายน้อยแห่งสำนักเหอฮวนกำลังจะแต่งงานกับฉินซี ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา อาจเป็นเรื่องยากมากที่จะช่วยฉินซีออกมา
ตอนนี้ มีเพียงทะลวงไปสู่ระยะรวมยาเท่านั้น เขาจึงจะมีโอกาสพาฉินซีออกไปได้
แต่ว่าในเวลาเพียงสามวัน เขาจะทะลวงไประยะรวมยาได้ยังไง?
ต่อให้เขาทะลวงผ่านไปได้ ก็เกรงว่าอาจมีความแข็งแกร่งเท่า แต่ในสำนักเหอฮวนมีแดนนภาขั้นหกชั้นยอด ดูเหมือนจะมีหลายคนเสียด้วย
ยากมากทีจะช่วยเหลือฉินซีได้อย่างราบรื่น
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในเมื่อเขามาแล้ว ต่อให้ตายเขาก็ต้องหาทางช่วยฉินซีให้ได้
“คุณหยาง จะไปแล้วเหรอ?”
เมื่อหลิวชิ่งได้ฟังบทการสนทนาระหว่างหยางเฉินกับม่อชิงซิวเมื่อครู่ เขาก็มีความกังวลทันที รีบเดินไปข้างหน้าพูดว่า “หยางเฉิน อย่าเข้าใจผิดไป ในเมื่อท่านอาจารย์ของผมสัญญาว่าจะพบคุณ เขาก็ต้องมาพบคุณอย่างแน่นอน เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณลำบากใจ”
“ส่วนเรื่องที่เขาถึงยังไม่มา คงต้องมีเรื่องบางอย่างเข้ามาขัดขวางแน่นอน”
หยางเฉินส่ายหน้า “ต่อให้เขามีธุระ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับผมแล้ว คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้มาโลกบู๊โบราณกลางเพราะต้องการร่วมมือกับสำนักเทียนไห่”
พูดจบ เขาก็มองไปที่ม่อชิงซิวพูดว่า “คุณม่อ ผมขอตัวก่อน แล้วพบกันใหม่ครับ!”
ม่อชิงซิว ยังกล่าวอีกว่า “คุณหยาง ผู้อาวุโสสามเป็นคนรักษาสัจจะ ถ้าเขาสัญญาว่าจะมาพบคุณ เขาจะไม่มีวันผิดสัญญาแน่นอน ถ้าคุณหยางไม่รังเกียจจะไปนั่งรอที่บ้านของผมก่อนก็ได้นะครับ รอผู้อาวุโสสามว่างแล้วเขาจะมาอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของม่อชิงซิว หลิวชิ่งก็ดูดีอกดีใจรีบกล่าวขึ้นว่า “คุณหยาง เอาตามอย่างที่คุณม่อบอกเถอะนะ ไปนั่งที่บ้านของเขาก่อน? รอสักครึ่งวันหากท่านอาจารย์ยังไม่ปรากฏตัวแล้วค่อยจากไป เป็นอย่างไร?”
พระเอกลังเลชั่วครู่ ครั้งนี้ที่เดินทางมาสำนักเทียนไห่ก็เป็นเพราะถูกเชิญมา และเพื่อต้องการทำความร่วมมือกับสำนักเทียนไห่ เพื่อป้องกันไม่ให้นักบูโดจากโลกบู๊โบราณกลางทำสิ่งผิดต่าง ๆ ในโลกมนุษย์ หลังจากที่สิ่งกีดขวางถูกทำลายหมดสิ้นแล้วในภายภาคหน้า
ถ้าเขาจากไปเสียตอนนี้ก็น่าเสียดายพอควร
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้ว เขาจึงพยักหน้าตอบว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมจะรออีกสักครึ่งวันก็แล้วกัน แต่ถ้ายังไม่เห็นผู้อาวุโสสามเดินทางมา ผมก็คงจำเป็นต้องจากไป”
ท้ายที่สุดแล้วที่เขาเลือกจะอยู่ต่อ เพราะมีวัตถุประสงค์ต้องการใช้โอกาสนี้สนทนากับม่อชิงซิว เพื่อจะได้รับรู้เหตุการณ์ในโลกบู๊โบราณกลางมากขึ้นกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน ความสามารถของเขาอยู่ตรงระดับคอขวด ก่อนหน้านี้ที่ทำการต่อสู้กับม่อชิงซิวก็สามารถสัมผัสได้ เขาอยากจะรู้ว่าพอจะหาวิธีทะลวงขั้นจากม่อชิงซิวได้บ้างหรือไม่
หลิวชิ่งดีใจยิ่งนักแล้วรีบตอบว่า “ดีจังเลยครับ ถ้าอีกครึ่งวันท่านอาจารย์ของผมยังไม่มา ผมจะส่งคุณหยางออกจากที่นี่เอง”
หยางเฉินพยักหน้าแล้วมองไปทางม่อชิงซิว พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนคุณม่อด้วยนะครับ”
ม่อชิงซิวยิ้มขึ้นอย่างดีใจว่า “ไม่เป็นการรบกวนเลยครับ การได้สนทนากับคุณหยางที่มีเป็นบูโดอัจฉริยะ ถือว่าเป็นเกียรติของผมมาก ไปกัน พวกเราไปดื่มสักหน่อย!”
ม่อชิงซิวเป็นคนที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา การที่ได้พบกับชายหนุ่มมีพรสวรรค์อย่างเช่นพระเอก จึงทำให้เขาตื่นเต้นดีใจ
ม่อชิงจูเดินทางไปกับทั้งสองคนด้วย
เมื่อทั้งสามคนจากไปแล้ว เหอตงเฉิงก็กำหมัดสองข้างขึ้นแน่น แววตาเผยถึงความไม่พึงพอใจ
เขาไม่อาจยอมรับได้ว่านักบูโดที่มาจากโลกมนุษย์จะเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกันนี้เอง พลังแห่งบูโดที่น่ากลัวก็แผ่ซ่านลงมา พระเอกและคนอื่น ๆ ที่เพิ่งเดินออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวรู้สึกราวกับถูกภูเขาลูกใหญ่เข้ามากดทับเอาไว้
ม่อชิงซิวสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที
แต่เหอตงเฉิงที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันคุ้นเคยนั้นแล้ว จู่ ๆ ก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เขากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้าหนู แกตายแน่!”