The king of War - บทที่ 272 วันเกิดของพ่อ
ครั้งก่อนในงานแต่งของตระกูลโจว หยางเฉินถูกพวกเศรษฐีของเมืองโจวเฉิงแทบทั้งหมดเล่นงาน แต่สุดท้ายเจ้าบ้านตระกูลหานแห่งเมืองเอก ก็ได้ปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ และช่วยหยางเฉินให้รอดพ้นจากการถูกรุมไปได้
ด้วยความที่เจิ้งเหม่ยหลิงนั้นขัดแย้งกับหยางเฉิน ทำให้ตระกูลโจวและตระกูลเจิ้งพลอยติดร่างแหไปด้วย ถูกบรรดาตระกูลเศรษฐีของเมืองโจวเฉิงมาตามกดขี่
เดิมที่ตระกูลโจวก็เป็นแค่ตระกูลเล็กๆ ในชนบทอยู่แล้ว จึงได้รับผลกระทบไม่มาก
แต่ตระกูลเจิ้งนั้นแตกต่างออกไป พวกเขายังมีเจิ้งเหอกรุ๊ปที่เป็นธุรกิจอยู่ เนื่องจากการถูกกดขี่ ทำให้เจิ้งเหอกรุ๊ปในวันนี้ใกล้ล้มละลายเข้าไปทุกทีแล้ว
ด้วยเหตุนี้ตัวเจิ้งเหม่ยหลิงเองจึงกลายเป็นตัวตลกในสายตาของพวกตระกูลเศรษฐีของเมืองโจวเฉิงไปแล้ว ไม่มีใครอยากที่จะคบหากับเธอเลย
ในใจของเจิ้งเหม่ยหลิงนั้น ทุกอย่างมันเป็นเพราะหยางเฉินคนเดียว
โจวยู่ชุ่ยนั้นมองเห็นความเกลียดชังที่เจิ้งเหม่ยหลิงนั้นมีต่อหยางเฉิน ก่อนที่จะออกจากเมืองโจวเฉิง เธอถึงได้ตั้งใจไปคุยเป็นการส่วนตัวกับเจิ้งเหม่ยหลิง
“เหม่ยหลิง ป้าขอถามอะไรเธออย่างหนึ่งนะ เธอน่ะตั้งใจที่จะกัดการกับหยางเฉินยังไง?”
โจวยู่ชุ่ยไม่ได้รีบตอบคำถามของเจิ้งเหม่ยหลิง แต่เธอกลับตั้งคำถามกลับไป
สายตาของเจิ้งเหม่ยหลิงนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง กัดฟันแล้วตอบไปว่า “ฉันอยากให้มันตายค่ะ!”
“เยี่ยม!”
เมื่อโจวยู่ชุยได้รับคำตอบแบบนี้ เธอก็รู้สึกพึงพอใจมาก ราวกับไม่ต้องการปกปิดความตั้งใจของตัวเอง จึงได้พูดด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยมว่า “ป้าจะพูดกับเธออย่างไม่ปิดบังนะ ความจริงฉันอยากให้มันตายตั้งนานแล้ว แต่วันนั้นเธอเองก็เห็นแล้ว ว่าหยางเฉินในตอนนี้ มีตระกูลหานแห่งเมืองเอกคอยคุ้มกะลาหัวอยู่ การที่จะเอามันให้ตายจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก ด้วยเหตุนี้ ฉันถึงได้มาหาเธอ ร่วมมือกับเธอเพื่อไปจัดการมัน!”
เจิ้งเหม่ยหลิงรู้สึกตกใจเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าโจวยู่ชุ่ยจะเกลียดชังหยางเฉินถึงขนาดนี้
เธอจึงรีบถามไปว่า “แล้วคุณป้ามีแผนยังไงคะ?”
“การจะเอาหยางเฉินให้ตายนั้นง่ายมาก แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น เราจำเป็นต้องฆ่าคนคนหนึ่งก่อน!” โจวยู่ชุ่ยทำหน้าบ้าคลั่ง
“ใครเหรอคะ?” เจิ้งเหม่ยหลิงถาม
“ฉินต้าหย่ง!”
ความโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นมาในแววตาของโจวยู่ชุ่ยแวบหนึ่ง
เจิ้งเหม่ยหลิงเองก็ช็อกไปเหมือนกัน โจวยู่ชุ่ยในตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นเคยซะเลย
การที่เธออยากให้หยางเฉินตาย เพราะเธอคิดว่า การที่ตระกูลเจิ้งต้องมาเป็นอย่างทุกวันนี้ สาเหตุมาจากหยางเฉิน
ไม่เพียงเท่านั้น หยางเฉินยังเหยียบย้ำศักดิ์ศรีของเธอต่อหน้าผู้คนมากมาย ทำให้เธอไม่สามารถเงยหน้าในเมืองโจวเฉิงได้ ไม่มีหน้าไปพบใครอีก
“คุณป้าคะ ฉันต้องการแก้แค้นหยางเฉิน แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับฉินต้าหย่งเหรอคะ?”
เจิ้งเหม่ยหลิงไม่ได้โง่ เธอรู้ดีว่าโจวยู่ชุ่ยนั้นเป็นคนยังไง ตอนแรกก็เรียกเธอมาเพื่อวางแผนกันว่าจะจัดการกับหยางเฉินยังไง แต่ตอนนี้กลับดึงตัวฉินต้าหย่งเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว
ระหว่างเธอกับฉินต้าหย่งนั้น ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกันเลย
โจวยู่ชุ่ยนั้นได้เตรียมคำพูดไว้นานแล้ว จึงได้พูดไปด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวว่า “สงสัยเธอจะยังไม่รู้ เนื่องจากหยางเฉินได้ไปช่วยชีวิตของเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเมืองเจียงโจว ซูเฉิงอู่เข้า ซูเฉิงอู่จึงได้มอบเงินให้มันก้อนใหญ่ และยังยกวิลล่าที่หรูที่สุดของเมืองเจียงโจวให้มันอีกหลังหนึ่ง”
“เธอเองก็เห็นแล้วนี่ ว่าตอนนี้ฉันอยู่ในที่แบบไหน? นี่มันเป็นความผิดของฉินต้าหย่ง เป็นเขา ที่ดึงดันจะย้ายออกจากวิลล่าให้ได้ ขอแค่ฉินต้าหย่งตายไป ฉันก็สามารถกลับไปที่วิลล่าได้อีกครั้ง
“ตอนนี้ ตระกูลเจิ้งก็ใกล้ล้มละลายแล้ว สิ่งที่ขาดแคลนที่สุดก็คือเงิน ขอแค่ฉันสามารถกลับไปที่วิลล่าได้อีกครั้ง ฉันก็สามารถหาเงินได้ ถึงตอนนั้นฉันก็เอาเงินมาให้เธอยืมก้อนหนึ่ง จากนั้นเธอก็ใช้เงินก้อนนี้ไปช่วยเหลือเจิ้งเหอกรุ๊ป เวลานั้น เธอก็จะกลายเป็นฮีโร่ของตระกูลเจิ้งทันที”
“เมื่อคุณปู่ของเธอพอใจ บางที่ท่านก็อาจจะยกเจิ้งเหอกรุ๊ปให้เธอก็ได้! เมื่อถึงตอนนั้น เธอก็จะกลายเป็นคุณหนูที่แสนวิเศษของตระกูลเจิ้งไง!”
“ถึงตอนนั้น หลังจากที่ฉันได้กลับไปที่วิลล่า โอกาสที่จะได้เจอกับหยางเฉินก็มีมากขึ้น การที่จะฆ่ามันให้ตาย มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่ายไม่ใช่รึไง?”
การที่เจิ้งเหม่ยหลิงอยากให้หยางเฉินตาย มันก็เป็นแค่คำพูดที่ใหญ่โตเท่านั้น ขอแค่ทำให้หยางเฉินได้ชดใช้อย่างแสนสาหัส เธอก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ สิ่งที่โจวยู่ชุ่ยกำลังพูดกับเธอนั้นกลับเป็นการตายจริงๆ แถมยังต้องตายตั้งสองคนด้วย
มันทำให้ความชั่วส่วนลึกในใจของเธอนั้นปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง แววตาที่บ้าคลั่งของเธอก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นไปทุกที
“คุณป้าคะ สิ่งที่คุณป้าต้องการจะสื่อก็คือ ให้ฉันช่วยฆ่าฉินต้าหย่งให้ตาย พอคุณป้าได้กลับไปที่วิลล่าแล้ว คุณป้าก็จะช่วยฉันฆ่าหยางเฉินใช่มั้ยคะ?” เจิ้งเหม่ยหลิงถาม
โจวยู่ชุ่ยพยักหน้า “ใช่ แบบนั้นแหละ!”
“คุณป้าคะ ฉันจะเอาความสามารถอะไรไปฆ่าฉินต้าหย่งได้เหรอคะ?”
เจิ้งเหม่ยหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจนั้นกลับระมัดระวังมากขึ้น
เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าเกิดถูกคนอื่นรู้เข้า ผลที่ตามมานั้นมันร้ายแรงมาก
โจวยู่ชุ่ยนั้นเข้าใจในสิ่งที่เจิ้งเหม่ยหลิงกังวลอยู่แล้ว เธอจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันต้องการแค่เงิน ส่วนเรื่องที่เหลือ ฉันจะจัดการต่อเอง!”
“คุณต้องการเงินเหรอคะ?” เจิ้งเหม่ยหลิงพูดออกมาด้วยความตกใจ
“เธอเองก็เห็นแล้วนี่ ฉันในตอนนี้แม้แต่ที่พักยังต้องเช่าอยู่เลย ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีเงินติดตัวอยู่แค่สองแสนเท่านั้น”
โจวยู่ชุ่ยเอามือชี้ไปรอบๆ จากนั้นก็พูดต่อว่า “เธอนั้นเป็นถึงคุณหนูของตระกูลเจิ้ง ต่อให้ตระกูลเจิ้งต้องล้มละลาย เธอก็น่าจะมีทางหาเงินออกมาได้สักล้านได้อยู่มั้ง?”
“ฉันต้องการแค่แปดแสน บวกกับสองแสนของฉัน ก็จะรวมกันได้ล้านหนึ่งพอดี แค่นี้ก็สามารถหาคนมาจัดการฉินต้าหย่งได้แล้ว แน่นอน ว่าถ้าเธอมีวิธีที่ประหยัดกว่า เงินก้อนนี้ฉันเองก็ไม่ต้องการ”
โจวยู่ชุ่ยนั้นเตรียมคำพูดเหล่านี้ไว้นานแล้ว ตอนนี้เธอจึงแสดงสีหน้าที่บ้าคลั่งออกมา
เจิ้งเหม่ยหลิงนั้นเงียบไปทันที ในใจกำลังคำนวณสิ่งที่จะได้แล้วสิ่งที่จะเสียอยู่
สำหรับเธอแล้ว เงินแปดแสนนั้นหาได้ไม่ยากเลย อย่างมากก็แค่เอาเครื่องประดับของเธอไปขาย บวกกับเงินที่แอบเก็บไว้ ก็น่าจะหาให้ครบแปดแสนได้
โจวยู่ชุ่ยนั้นรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ดี เจิ้งเหม่ยหลิงจำเป็นต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ จึงไม่ได้รบกวน และรอคอยคำตอบจากเจิ้งเหม่ยหลิงอย่างเงียบๆ
ด้วยแบบนี้ ท่านกลางความเงียบงัน เวลาก็ได้ล่วงเลยไปนานมาก
ในที่สุดเจิ้เหม่ยหลิงก็ตัดสินใจได้ เงยหน้าขึ้นมามองโจวยู่ชุ่ย “ตกลงค่ะ ฉันจะเอาด้วย!” ”
ฉินต้าหย่งนั้นไม่มีทางคาดคิดเลยว่า ภรรยาที่อยู่กินกันมาตั้งยี่สิบกว่าปี ตอนนี้กลับคิดที่จะฆ่าเขาซะแล้ว
ในตอนนี้ เขากำลังงานยุ่งอยู่ที่ไซต์งานของบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอ ทำงานจนถึงตอนเที่ยง ฉินต้าหย่งถึงได้กลับไปที่บริษัท ถึงได้มีเวลาว่างหยิบมือถือขึ้นมาดู
ทันทีที่เปิดมือถือขึ้นมา ก็ได้เห็นว่าในวีแชทของตัวเองนั้นได้รับข้อความที่ส่งมาหลายข้อความ
“พ่อค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่พ่อยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อหนูและน้องสาว! ขอบคุณในความอดทนและความสักที่มีให้กับพวกเรา! สุขสันต์วันเกิดนะคะ!”
“พ่อคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะ! คืนนี้เจอกันที่ร้านอาหารเป่ยหยวนชุนนะคะ เราจะฉลองวันเกิดให้พ่อนะคะ!”
“พ่อครับ สุขสันต์วันเกิดครับ!”
ข้อความสามข้อความที่ส่งมาอวยพรวันเกิดอย่างต่อเนื่อง ข้อความแรกเป็นที่ทั้งอบอุ่นทั้งใส่ใจของฉินซี ข้อความที่สองนั้นเป็นข้อความที่ทั้งน่ารักและขี้เล่นของฉินยี ส่วนข้อความที่สามนั้นเป็นข้อความที่ซื่อตรงของหยางเฉิน
ทำงานเหนื่อยๆ มาครึ่งวัน มาตอนนี้ ใบหน้าของเขานั้นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข แต่ตอนที่ยิ้มออกมานั้นตรงหางตากลับมีรอยเหี่ยวย่นปรากฏขึ้น ตรงไรผมก็มีผมสีขาวปรากฏขึ้น
“เด็กๆ พวกนี้นี่นะ!”
ฉินต้าหย่งหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของฉินต้าหย่ง ฉินซีกับฉินยีจึงได้เลิกงานและออกจากบริษัทก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง และเดินทางไปที่ร้านอาหารเป่ยหยวนชุน
ถึงแม้จะจองกับทางร้านอาหารเป่ยหยวนชุนไว้ก่อนแล้ว และตกแต่งเสร็จแล้วก็ตาม แต่สองสาวก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
หยางเฉินเองก็มาถึงที่ร้านอาหารก่อนเวลาเหมือนกัน
“พี่คะ พี่ดูสิคะ พอถึงเวลาเราก็ให้พ่อนั่งตรงนี้ ให้แม่นั่งตรงนี้ ให้พ่ออุ้มเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้ แล้วเราสองคนพี่น้องก็ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา พี่ว่าไงคะ?”
“แล้วพี่เขยล่ะ?”
“พี่เขยก็ต้องถ่ายรูปไง!”
“ไม่ได้นะ เขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเรา เขาก็ต้องอยู่ในเฟรมด้วยสิ!”
“ฮ่าฮ่า ฉันแค่ล้อเล่นค่ะ! ฉันจะไปลืมพี่เขยได้ยังไงล่ะคะ? ให้พี่เขยยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเรา จากนั้นก็เรียกพนักงานมาช่วยถ่ายรูปครอบครัวที่อบอุ่นให้เรา”
……
สองพี่น้องพูดคุยกันย่างสนุกสนาน หยางเฉินอุ้มเสี้ยวเสี้ยว ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนกัน
ครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้ เขาช่างมีความสุขกับมันเหลือเกิน
แต่ว่า โจวยู่ชุ่ยนั้นไม่ยอมให้ความร่วมมือเลย ถ้าเธอก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างฉินต้าหย่งบ้าง ถ้าเป็นแบบนั้นครอบครัวนี้ก็จะสมบูรณ์มากยิ่งกว่าเดิม
อีกด้านหนึ่ง พอถึงเวลาเลิกงาน ฉินต้าหย่งก็เตรียมตัวที่จะออกจากบริษัททันที
“ประธานฉิน มีเรื่องน่ายินดีอะไรเหรอครับ? เห็นคุณเอาแต่ยิ้มอย่างมีความสุขตลอดเลย”
ตอนที่ออกจากบริษัท เพื่อนร่วมงานยังแซวเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่เลย
ฉินหัวหย่งหัวเราะคริคริ “ความลับ! เป็นความลับที่มีความสุขอันหนึ่ง!”