The king of War - บทที่ 277 สตรีงูพิษ
หลังจากที่วางโทรศัพท์ ภายในใจของหยางเฉินมีความโกรธโมโหที่ไม่แสดงออกมาให้เห็น
ตอนนี้ เขาเกือบจะแน่ใจแล้วว่า ฉินต้าหย่งเกิดเรื่องนั้น มีความเกี่ยวข้องกับโจวยู่ชุ่ยและเจิ้งเหม่ยหลิง
เพียงแต่ ยังไม่มีการหลักฐาน
ถ้าหากว่าที่ฉินต้าหย่งเกิดเรื่องครั้งนี้ เป็นโจวยู่ชุ่ยทำจริงๆละก็ ตัวเองนั้นควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี?
ไม่ใช่ว่าเขากังวลว่าตัวเองจะลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับโจวยู่ชุ่ยไม่ลง แต่เป็นเพราะกลัวว่าฉินซีจะรับเรื่องนี้ไม่ไหว
พูดถึงถ้าเป็นคนอื่น ถ้ารู้ว่าแม่ของตัวเองอยากจะฆ่าพ่อของตัวเอง ก็คงรับไม่ได้กับความจริงที่น่าเศร้าแบบนี้ใช่ไหม?
“คุณหยาง มีเบาะแสอะไรไหม?”
กวนเจิ้งซานถามอย่างระมัดระวัง หลังจากที่หยางเฉินรับโทรศัพท์ของฉ่ายจวน อารมณ์ค่อนข้างผิดปกติ
หยางเฉินเอ่ยปากพูดออกไปอย่างจืดจาง: “ไม่มี!”
ถึงแม้ว่าจะได้เบาะแสมาบ้าง แต่หยางเฉินก็ไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อย
แม้กระทั่งเขายังมีความลังเล เรื่องนี้แท้จริงแล้วควรจะต้องสืบต่อไปดีหรือไม่?
ในเวลาเดียวกัน โรงพยาบาลประชาชนเจียงโจว
ภายในห้องผู้ป่วยระดับVIPพรีเมียม มีเพียงแค่โจวยู่ชุ่ยและฉินต้าหย่ง
โจวยู่ชุ่ยมองไปที่ฉินต้าหย่งที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ฉินต้าหย่งเพิ่งจะเกิดเรื่องได้ไม่กี่วัน เพื่อที่จะให้ฉินซีและฉินยีหลงเหลือความประทับใจดีๆเอาไว้ โจวยู่ชุ่ยยังคงช่วยฉินต้าหย่งตัดเล็บอย่างประณีต ทำความสะอาดร่างกาย และแม้กระทั่งยังช่วยเขาเปลี่ยนผ้าอ้อม
หลังจากที่ฉินซีและฉินยีไปทำงาน โจวยู่ชุ่ยนั้นยังจะช่วยฉินต้าหย่งอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายอย่างนั้นเหรอ?
ขนาดเปลี่ยนผ้าอ้อม ก่อนที่ฉินซีกับฉินยีจะมาถึง ถึงจะเปลี่ยนสักอันอย่างรุนแรง
“ชีวิตของคุณนี่มันช่างยิ่งใหญ่จริงๆ ถูกชนรุนแรงขนาดนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะยังมีชีวิตอยู่!”
“แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก ถึงคุณจะยังมีชีวิตอยู่ ก็เป็นเพียงคนใกล้ตาย รอออกจากโรงพยาบาลได้ ฉันเองก็สามารถมีโอกาสกลับไปยอดเมฆาแล้ว”
“ถัดไป ถึงคราวของหยางเฉินแล้ว เพียงแค่เขาตาย ยอดเมฆานี้ ทั้งหมดก็จะเป็นของฉันแล้ว!”
โจวยู่ชุ่ยใบหน้าเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดอำมหิต ตอนนี้เธอจะดูฉินต้าหย่งได้ยังไง ไม่สบายใจได้ยังไง
ทันใดนั้นเธอก็จู่โจม ตบไปที่ใบหน้าของฉินต้าหย่ง พูดอย่างโมโห: “ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะหย่ากับฉันเหรอ?”
และก็ตบอีก: “ไม่ใช่ว่าคุณกลัวว่าฉันจะแย่งคฤหาสน์ไปใช่ไหม?”
“คุณสู้กับฉัน แล้วคุณสู้ไหวหรือเปล่า?”
“ตอนนี้นอนอยู่บนเตียงแล้วใช่ไหมล่ะ? หรืออาจจะเป็นตลอดชีวิต ดูซิว่าคุณจะยังกล้าข่มขู่คนอย่างฉัน!”
โจวยู่ชุ่ยตบติดต่อกันไปอีกห้าที จนใบหน้าของฉินต้าหย่งถูกตีจนแดง บวมเป่งบางส่วน เธอถึงจะวางมือ
นี่ยังถือว่าเบา เหมือนว่าบนร่างกายของฉินต้าหย่งนั้น เต็มไปด้วยจ้ำเขียวม่วงทุกหนทุกแห่ง พวกนี้ทั้งหมดเป็นผลงานของโจวยู่ชุ่ย
หลายวันมานี้ ในห้องผู้ป่วยมีเพียงแค่เธอกับฉินต้าหย่ง ทุกวันเธอจะทารุณกรรมฉินต้าหย่งอยู่หลายครั้ง
ทุกครั้งที่ทารุณกรรมฉินต้าหย่ง ทั้งหมดทำให้เธอนั้นมีความรู้สึกดีใจจนพูดไม่ออก
ทารุณที่ตรงไหนถึงจะไม่ถูกพบ ยังมีเวลาอะไรถึงจะเป็นเวลาที่ดีที่สุด เธอนั้นเสาะหาจนชัดเจนแล้วอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เวลานี้ เป็นเวลาเข้างานตอนบ่าย
สถานการณ์ทั่วไปนั้น ฉินซีและฉินยีไม่สามารถที่จะปรากฏได้ นี่เองที่เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เธอจะทำทารุณกรรมฉินต้าหย่ง
หลังจากทารุณฉินต้าหย่ง เธอนอนลงบนเตียงเสริมด้านข้าง เปิดทีวีขึ้นมาดู บางเวลาก็จะพบเสียงหัวเราะดังออกมา
ตรงไหนที่จะเหมือนว่าสามีคนหนึ่งที่ถูกภรรยาชนจนกลายเป็นผัก?
เธอนั้นไม่ได้สังเกตก็คือ บนเตียงผู้ป่วยด้านข้าง ฉินต้าหย่งที่ท่าทางไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม เปลือกตานั้นอยู่ดีๆก็ขยับขึ้นมา นิ้วมือเองก็ค่อยมีการเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน โทรทัศน์ยังคงฉายอยู่ โจวยู่ชุ่ยนั้นกลับนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้านข้าง
ช่วงเวลานี้ ถึงแม้ว่าเธอจะเฝ้าไข้อยู่ที่โรงพยาบาล แต่ว่าวันเวลาดีกว่าเช่าห้องอยู่และยังสง่างาม
ฉินซีและฉินยีสองคน ทุกวันเมื่อเลิกงาน จะซื้ออาหารอร่อยมากมายก่ายกองมาให้โจวยู่ชุ่ย
ขณะนี้ ประตูห้องผู้ป่วยถูกผลักออกอย่างฉับพลัน
ได้ยินเสียงเปิดประตู โจวยู่ชุ่ยตกใจตื่นเต้นขึ้นมาทันใด ไถตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงผู้ป่วย
ตอนที่เธอเห็นว่าเป็นหยางเฉิน ถึงจะถอนหายใจออกมา พูดอย่างไม่สบอารมณ์ : “คุณมาได้อย่างไรกัน?”
“ลูกสาวของฉันกำลังทำงานหาเงินอย่างเหนื่อยยาก คุณยังจะมาทำตัวสง่างาม เอ้อระเหยลอยชายไปทุกที่ทั้งวัน และไม่ทำงาน!”
“เสี่ยวซีชีวิตนั้นรันทดจริงๆ ทำไมถึงมาติดใจขยะอย่างคุณแบบนี้ได้”
โจวยู่ชุ่ยพูดเสียดสีเหน็บแนม
เธอนั้นอยากจะไปอยู่ที่ยอดเมฆา แต่เธอมองว่า เพียงแค่ฉินซียินยอมก็พอ
ส่วนหยางเฉินนั้น เธอนั้นไม่สนใจเลยสักนิด
หยางเฉินมองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น ถามออกมาอย่างกะทันหัน: “วันนั้นช่วงเช้าที่พ่อเกิดเรื่อง เจิ้งเหม่ยหลิงมาหาคุณทำอะไร?”
กระแสไฟฟ้าในสมองของโจวยู่ชุ่ยยังคงตีกลับมาว่าจะดูถูกเหยียดหยามหยางเฉินอย่างไรดี ก็ถูกหยางเฉินถามขึ้นมาเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉินต้าหย่งวันนั้นอย่างกะทันหัน เธอตื่นตระหนกขึ้นมาฉับพลัน
“คุณหมายความว่าอะไร?”
ไม่นาน ความตื่นตระหนกในจิตใจของโจวยู่ชุ่ยก็เผยให้เห็นออกมา พูดแผดเสียงคำรามไปที่หยางเฉิน: “เธอเป็นหลานสาวของฉัน ไม่ได้เจอกันมาตั้งนานแล้ว ก็เลยอยากจะมาหาฉัน มีอะไรเกี่ยวกับคุณด้วย?”
“ถ้าฉันจำไม่ผิด วันนั้นที่พ่อเกิดเรื่อง ห่างจากที่พวกคุณพบกันครั้งก่อน น่าจะผ่านไปไม่กี่วันเองใช่หรือเปล่า?”
หยางเฉินพูดเยาะเย้ยเสียดสี: “ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เธอก็คิดถึงคุณแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณ ดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“หยางเฉิน คุณพูดให้มันชัดเจนหน่อย ที่แท้มันหมายความว่ายังไงกันแน่?”
“ฉันพบหลานสาวของฉัน คุณมีความเห็น?”
“พูดอีกที นี่เป็นเรื่องงานบ้านของฉัน มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ?”
ใบหน้าของโจวยู่ชุ่ยเต็มไปด้วยความโมโห พูดเสียงคำรามมาที่หยางเฉิน
หยางเฉินหัวเราะเยือกเย็น: “ฉันก็แค่ถามไปตามใจปากเท่านั้นเอง คุณจะมาตื่นเต้นทำไมกัน? คงไม่ใช่ว่าไปทำเรื่องละอายใจมาจนใจฝ่อไปแล้ว?”
“คุณพูดมาสิว่าใครใจฝ่อ?”
โจวยู่ชุ่ยตื่นตระหนกอย่างมากจริง มองแล้วท่าทางแล้วเหมือนไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่มือทั้งสองข้างของเธอนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบจับมุมเสื้อกำไว้แน่น
ถ้ามองจากมุมมองทางด้านจิตวิทยา นี่เป็นการแสดงออกของคนที่ตื่นตระหนกตกใจ
การกระทำเล็กน้อยพวกนี้ของเธอ ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของหยางเฉิน
ก่อนที่จะไม่มีหลักฐานมัดตัว หยางเฉินไม่สามารถมาคิดบัญชีกับโจวยู่ชุ่ยได้เป็นเรื่องธรรมดา
ผู้หญิงคนนี้ยังไงก็เป็นมารดาของฉินซี ถ้าไม่มีหลักฐานยืนยันมาบีบบังคับถามเธอ กลัวว่าฉินซีเองก็คงจะไม่ยอมเหมือนกัน
เมื่อกี้หยางเฉินเพียงแค่หยั่งเชิงเท่านั้น จากการมองพฤติกรรมของโจวยู่ชุ่ย โดยพื้นฐานแล้วสามารถยืนยันได้ เรื่องของฉินต้าหย่ง ถึงจะคิดว่าเธอไม่ใช้ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง เธอเองก็สลัดไม่หลุดจากการมีส่วนพัวพันเหมือนกัน
“พ่อ คุณรักษาตัวอย่างสบายใจได้เลย ผมได้หาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ดีที่สุดไว้เรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะมารักษาให้คุณ มั่นใจว่าใช้เวลาไม่นาน คุณก็จะตื่นขึ้นมาแล้ว”
หยางเฉินนั่งอยู่ข้างฉินต้าหย่ง มองไปที่เขาขณะพูด
โจวยู่ชุ่ยที่อยู่ด้านข้าง ตอนที่ได้ยินประโยคนั้นของหยางเฉิน จิตใจก็ยิ่งตื่นตระหนก
ถ้าหากว่าฉินต้าหย่งฟื้นตื่นขึ้นมาจริงๆ ความพยายามทั้งหมดที่ตัวเองลงมือทำไปก่อนหน้านี้นั้น ก็กลายเป็นศูนย์เปล่านะสิ?
หลายวันนี้ เธอเพื่อที่จะระบายอารมณ์ ทำทารุณกรรมฉินต้าหย่งไป พูดจาหยาบคายใส่ฉินต้าหย่งไปมากมาย นั่นก็แสดงออกชัดเจนว่าฉินต้าหย่งถูกชนนั้น เป็นฝีมือของเธอ
เพียงแค่ฉินต้าหย่งฟื้นขึ้นมา ความจริงก็จะเปิดเผยออกมา
คิดมาถึงตรงนี้ ในใจของโจวยู่ชุ่ยเต็มไปด้วยความกลัวและไม่เป็นสุข
หลังจากที่หยางเฉินพูดกับฉินต้าหย่งอยู่สักพัก ก็ลุกขึ้นจากไป
เขาเพิ่งที่จะออกไป ก็กดโทรศัพท์หาคนหนึ่ง: “จัดการหาคนให้ฉัน ปกป้องพ่อตาของฉันอย่างลับๆ!”
เขาเพิ่งจะพูดว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมารักษาฉินต้าหย่งเร็วๆนี้ นี่คือพูดให้โจวยู่ชุ่ยได้ยิน
ถ้าเรื่องของฉินต้าหย่ง เป็นโจวยู่ชุ่ยที่ลงมือจริงๆ หลังจากที่เธอรู้ว่าฉินต้าหย่งมีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมา จะต้องลงมืออย่างแน่นอน
ที่แท้ หยางเฉินเพิ่งจากออกไป โจวยู่ชุ่ยจึงกดโทรศัพท์หาเจิ้งเหม่ยหลิง
“เหม่ยหลิง แย่แล้ว หยางเฉินรู้แล้วว่าวันนั้นคุณมาหาฉัน ยังพูดอีกว่าหาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สามารถรักษาฉินต้าหย่งหายได้ ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะฆ่าหยางเฉินมาโดยตลอดอย่างงั้นเหรอ? รีบลงมือเถอะ! ไม่อย่างนั้นเรื่องของพวกเราต้องแดงออกมาแล้ว”
น้ำเสียงของโจวยู่ชุ่ยนั้นเต็มไปด้วยความตื่นกลัว
เจิ้งเหม่ยหลิงตอบอย่างโมโห: “คุณเป็นคนพูดเอง เพียงแค่ฉันออกเงิน เรื่องที่เหลือทั้งหมดให้คุณเป็นคนจัดการ ฉันให้คุณไปแล้วแปดแสน ตอนนี้ฉินต้าหย่งยังไม่ตาย หยางเฉินเองก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างดี คุณยังจะพูดกับฉันอีกว่า ให้ฉันคิดหาวิธีทำให้หยางเฉินตายอีกเหรอ?”
“เหม่ยหลิง คุณอย่าเพิ่งโกรธ! สถานการณ์ของทางด้านป้าเป็นยังไง คุณเองก็รู้อย่างละเอียด ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรเลยจริงๆ ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ ถึงมาขอความช่วยเหลือจากคุณ”
โจวยู่ชุ่ยใบหน้าตื่นตระหนก รีบพูด: “ตอนนี้มีเพียงแค่หยางเฉินตายไป พวกเราถึงจะปลอดภัย!”
เจิ้งเหม่ยหลิงไม่พูดอะไร เงียบงันอยู่เนิ่นนาน อยู่ดีๆเธอก็กัดฟันพูดออกมา: “คุณเองก็พูดออกมาแล้ว ถ้าฉินต้าหย่งตื่นขึ้นมา เรื่องถึงจะแดงออกมา ดังนั้น ก็ทำให้ฉินต้าหย่งตายซะ!”