The king of War - บทที่ 310 พ่อสามารถพ่อฟื้นฟูได้
“แม่คะ ในเมื่อแม่ถูกบังคับ งั้นก็ทำการถ่ายทอดสดตอนนี้เลย ไปอธิบายความจริงให้ชาวเน็ตได้รู้ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็สามารถล้างมลทินให้หยางเฉินได้แล้วค่ะ”
ผ่านไปพักใหญ่ อารมณ์ของสองแม่ลูกถึงได้สงบลง ฉินซีจึงรีบพูดเร่ง
การที่โจวยู่ชุ่ยยังสามารถรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ ไหนยังจะกล้าปฏิเสธคำขอของฉินซีอีกละ เธอรีบทำการพาดหัวข่าวในการถ่ายทอดสดเพื่อแถลงข้อเท็จจริงทันที
แต่ตระกูลเว่ยนั้นกลับเร็วยิ่งกว่า เว่ยเฉิงโจวออกหน้าด้วยตนเอง ใช้วิธีการถ่ายทอดสดเพื่อชี้แจ้งความจริง และทำการขอโทษต่อเยี่ยนเฉินกรุ๊ปด้วย
จากนั้น โจวยู่ชุ่ยก็ได้ออกหน้า ถ่ายทอดสดเพื่อบอกเล่าความจริง
ภายในเวลาอันสั้น โลกโซเชียลก็แทบระเบิด
“ไม่นึกเลย ว่าการถ่ายทอดสดเมื่อเช้าจะไม่ใช่ความจริง!”
“ไอ้คนที่ชื่อเว่ยเสียงนั่น ที่แท้ก็แค่ไอ้เลวคนหนึ่ง ช่างเป็นคนที่หน้าด้านจริงๆ!”
“พวกเราเข้าใจเยี่ยนเฉินกรุ๊ปผิดไป ขอโทษ!”
“ใช่ เราติดค้างคำขอโทษกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปจริงนั่นแหละ!”
……
การถ่ายทอดสดของโจวยู่ชุ่ยเมื่อเช้าก็เกิดเป็นกระแสร้อนแรงอย่างมากแล้ว แต่นี่ยังไม่พ้นวันเลยด้วยซ้ำ ผู้นำตระกูลเว่ยก็ได้ออกหน้าชี้แจ้งความจริงด้วยตนเองเลย
ในเวลาไม่นาน เรื่องนี้ก็เป็นกระแสร้อนแรงไปทั่วโซเชียลแล้ว
ชาวเน็ตมากมายต่างก็ออกมาขอโพสต์ตามแพลตฟอร์มต่างกันยกใหญ่
เยี่ยนเฉินกรุ๊ปในตอนนี้ ถือว่าเป็นที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว
พลังของชาวเน็ตนั้นทรงพลังได้ขนาดไหน? แค่เวลาสั้นๆ ก็ทำให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปติดเทรนอันดับหนึ่งไปแล้ว
“พี่เขยคะ ดีจริงๆ เลย! ปัญหาที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเจอเมื่อก่อนหน้านี้ ต่างก็ถูกแก้จนหมดแล้ว! ส่วนมูลค่าของบริษัทนั้น พุ่งกระฉูดไปแล้วค่ะ!”
“พวกพันธมิตรที่เพิ่งยกเลิกสัญญาไป ต่างก็กลับมาขอเซ็นสัญญาใหม่ด้วยตนเองเลยค่ะ”
“แถมยังมีบริษัทอีกหลายเจ้าเข้ามาขอร่วมลงทุนกับเราอีกด้วย!”
“พี่เขย ไม่คุยกับพี่แล้วนะคะ มีผู้ลงทุนเคสใหม่เข้ามาอีกเข้ามาอีกแล้วค่ะ!”
ฉินยีโทรหาหยางเฉินด้วยความตื่นเต้น รายงานสถานการณ์ของบริษัทให้เขารู้อย่างละเอียด
ด้วยความที่ยุ่งมาก พอพูดได้ไม่กี่คำ จึงต้องรีบว่างสายไป
“หยางเฉิน มีข่าวดีอะไรเหรอ? เห็นคุณเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” ฉินซีพูดไปยิ้มไป
ตอนแรกเธอคิดว่าโจวยู่ชุ่ยนั้นตายแล้ว เจ็บปวดอย่างมาก ตอนนี้โจวยู่ชุ่ยยังมีชีวิตอยู่ เธอจึงรู้สึกอารมณ์ดีเอามากๆ
หยางเฉินยิ้มๆ แล้วพูดไปว่า “เสี่ยวยีโทรมาบอกว่าเรื่องวุ่นวายที่บริษัทนั้นคลี่คลายหมดแล้ว และยังมีบริษัทมากมายเข้ามาขอร่วมลงทุนกับเราด้วยตนเอง”
ไม่นึกเลย ว่าตระกูลเว่ยไม่เพียงไม่ทำลายเยี่ยนเฉินกรุ๊ป แต่กลับช่วยมันไว้ด้วยซ้ำ หลังจากวันนี้ มูลค่าของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป น่าจะพุ่งไปถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง
ฉินซีที่รู้ถึงความสัมพันธ์ของหยางเฉินกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ก็ต้องรู้สึกดีใจมากเป็นเรื่องธรรมดา
เพียงแต่ เธอกลับไม่รู้ว่า คนที่ต้องการทำลายเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนั้นไม่ใช่ตระกูลเมิ่งหรือตระกูลเว่ย หากแต่เป็นตระกูลอวี๋เหวินแห่งเมืองเยนตูต่างหาก
หยางเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “แต่ว่า เสี่ยวยีจะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ เพราะงานที่ต้องทำหลังจากนี้ มันคงเยอะมากกว่าเดิมแน่นอน”
จู่ๆ ฉินซีก็เอนหัวซบลงมาที่ไหลของหยางเฉิน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ลึกซึ้งว่า “ที่รัก ฉันขอโทษ!”
หยางเฉินอึ้งไป จากนั้นก็ตั้งสติได้ทันที
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ฉินซีได้เห็นการถ่ายทอดสดของโจวยู่ชุ่ยนั้น เธอก็ได้โทรหาหยางเฉิน เพื่อถามว่าโจวยู่ชุ่ยอยู่ที่ไหน ความจริง ตอนนั้นเธอได้เชื่อในคำพูดของโจวยู่ชุ่ยไปแล้ว
คำขอโทษที่ตอนนี้ การคือการขอโทษในความไม่เชื่อใจที่เธอมีต่อหยางเฉินเมื่อก่อนหน้านี้
ในเวลาเดียวกัน เมืองเยนตู
วิลล่าสุดหรูหลังหนึ่ง ที่ตกแต่งได้อย่างอลังการ ราวกับเป็นพระราชวังค์
ภายในห้องโถงที่กว้างใหญ่ เงาของวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่เรียบหรู บนโต๊ะชาที่อยู่ตรงหน้า มีโน๊ตบุ๊ควางอยู่เครื่องหนึ่ง
ตอนนี้ บนหน้าจอนั้น กำลังเล่นคลิปคลิปหนึ่งอยู่
“สวัสดีชาวเน็ตทุกท่าน ผู้นำตระกูลเว่ย เว่ยเฉิงโจว แห่งเมืองเจียงโจว มณฑลเจียงผิง ตอนนี้มีเรื่องที่ต้องการชี้แจ้งให้ทุกท่านได้ทราบ!”
“เมื่อเช้า คลิปที่ปลิวว่อนอยู่ทั่วเน็ตนั้น ไม่ใช่เรื่องจริงครับ ความจริง เรื่องนี้ลูกชายของผมเว่ยเสียง……”
คลิปในช่วงนี้ เป็นเว่ยเฉิงโจว ออกหน้าด้วยตนเอง เอาเรื่องที่โจวยู่ชุ่ยถ่ายทอดสดไปเมื่อเช้า มาชี้แจ้งให้กระจ่าง
เนื้อหาในคลิปนั้นไม่ได้ยาวมาก แต่ก็ทำให้โลกโซเชียลแทบแตก
“ปั้ง!”
หลังจากที่ดูคลิปของเว่ยเฉิงโจวจบ วัยรุ่นคนนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที แล้วทุบกำปั้นลงที่โน๊ตบุ๊คเครื่องนั้น และพูดด้วยสีหน้าที่ดุร้ายว่า “น้องชายสุดที่รักของฉัน นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าไพ่ที่เน่าเละขนาดนั้น แกก็ยังเอาชนะไปได้!”
“แต่ว่า มันจะยังไงต่อล่ะ? แกถูกกำหนดให้เป็นเศษสวะที่ถูกวงศ์ตระกูลทอดทิ้ง ส่วนฉัน หยูเหวินหวูคือว่าที่ผู้นำของตระกูลต่างหาก!”
“แกไม่ต้องรีบร้อนไป ฉันยังมีเวลาอีกเยอะ ค่อยๆ เล่นกับแกไป! ต้องมีสักวัน ที่ฉันได้เหยียบแกลงกับพื้น เหมือนเมื่อตอนนั้น แกกับแม่ของแก ที่เหมือนหมาไร้บ้าน ถูกไล่ออกจากตระกูลไป!”
ในคืนวันนั้น หยางเฉินก็ได้รับสายจากใครบางคนที่โทรเข้ามา
“พี่เฉินคะ ภารกิจของฉันเสร็จสิ้นแล้วค่ะ ฉันจะกลับประเทศพรุ่งนี้! ตั๋วได้จองเสร็จแล้ว พรุ่งนี้ตอนสิบโมงเช้า อย่าลืมไปรับฉันที่สนามบินนานาชาติเจียงโจวด้วยนะคะ!”
เสียงของอ้ายหลิงดังออกมาจากลำโพง
หยางเฉินรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที “ครับ พรุ่งนี้เดี๋ยวผมไปรับ!”
“หยางเฉิน ใครโทรมาเหรอคะ?”
พอหยางเฉินวางสาย ฉินซีก็ได้ไปด้วยความสงสัย
เมื่อกี้ เธอได้ยิน ว่านั่นเป็นเสียงของผู้หญิง
หยางเฉินยิ้มออกมา “เป็นอดีตสหายร่วมรบของผมครับ เป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการแพทย์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ผลการวินิจฉัยของพ่อ ผมก็ส่งให้เธอแล้ว เธอบอกว่า พ่อมีโอกาสที่จะฟื้นฟูกลับมาได้ครับ!”
หยางเฉินยังไม่เคยเล่าเรื่องที่เขาเอาผลสรุปการวินิจฉัยของฉินต้าหย่งไปให้อ้ายหลิงดุให้ใครฟังเลย
ตอนนี้พอเล่าให้ฉินซีฟังเธอก็ทำหน้าตื่นเต้นทันที “คุณพูดจริงเหรอคะ? พ่อสามารถฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ ใช่มั้ยคะ?”
ฉินต้าหย่างนั้นหมดสติไปได้พักหนึ่งแล้ว หมอที่รับผิดก็บอกแล้ว ว่าโอกาสที่ฉินต้าหย่งจะฟื้นขึ้นมาได้นั้นริบหรี่มาก
ช่วงที่ผ่านมานั้นฉินซีกับฉินยีต่างก็เจ็บปวดกันมากจนเริ่มรู้สึกสิ้นหวังแล้ว
แต่ตอนนี้ จู่ๆ ก็ได้ยินหยางเฉินบอกว่า ฉินต้าหย่งมีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาได้ ทำเอาเธอตื่นเต้นแทบแย่เลย
“ผมเคยไปโกหกคุณเมื่อไหร่เหรอครับ?”
หยางเฉินยิมออกมาเบาๆ “คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ พี่อ้ายเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ตอนที่เรียนปริญญาโท ก็สามารถแก้เคสยากๆ ทางการแพทย์ไปมากมายแล้ว”
“หลังจากนั้น เธอก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอีก เก่งทั้งแพทย์แผนจีนทั้งแพทย์และตะวันตก โจทย์ของผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง เธอก็ทำการวิจัยหมด แถมยังมีผลงานที่ดีทีเดียว”
“เธอบอกว่าพ่อมีความเป็นไปได้สูงที่จะฟื้นขึ้นมา ความจริงแล้วความเป็นไปได้นี้ แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ!”
หลังจากที่หยางเฉินอธิบายมาแบบนี้ ตอนนี้ฉินซีก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
เธอกำมือของหยางเฉินแน่น แล้วพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า “หยางเฉินคะ ขอบคุณค่ะ! กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อฉัน!”
เธอนั้นรู้สึกซาบซึ้งมากจริงๆ ทั้งๆ ที่หยางเฉินเป็นคนใหญ่คนโตที่มีความสามารถมากแท้ๆ แต่กลับมาอยู่ข้างกายเธอแล้วทุ่มเททุกอย่างอย่างเต็มที่
พอนึกถึงเมื่อเช้าตอนที่เธอเกิดสงสัยในตัวหยางเฉิน ในใจมันก็รู้สึกแย่ขึ้นไปอีก
หยางเฉินยิ้มออกมาเบาๆ มองดูใบหน้าอันงดงามที่ชิดอยู่ตรงหน้า จู่ๆ เข้าก็ยิ้มออกมาอย่าชั่วร้าย “คุณจูบผมทีหนึ่งเป็นการตอบแทนแล้วกัน!”
“จ๊วบ!”
ตอนแรกหยางเฉินก็ตั้งใจแค่ล้อเล่น แต่ไม่นึกเลยว่า ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินซีก็ยื่นปากเข้ามา จูบลงที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ ทีหนึ่ง
ชั่วขณะหนึ่ง หยางเฉินก็อึ้งไปเลย
ส่วนฉินซีนั้น หลังจากที่ทำการจูบไป ใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
“เลิกมองได้แล้วค่ะ!”
พอเห็นหยางเฉินเอาแต่จ้องเธอด้วยความช็อก ฉินซีก็ยิ่งเขินหนักกว่าเดิม รู้สึกว่าใบหน้ากำลังร้อนผ่าว