The king of War - บทที่ 329 เปิดเผยจนหมดเปลือก
“แล้วเสี้ยวเสี้ยวล่ะ?”
หลังจากนั้นไม่นาน โจวยู่ชุ่ยค่อยนึกถึงเสี้ยวเสี้ยว
ในขณะนั้นเอง ก็มีสายเรียกเข้าโทรศัพท์ของชายวัยกลางคน ทันใดนั้นเขาก็ยืดตัวตรง ด้วยสีหน้าที่ดูให้เกียรติเป็นอย่างมากและพยักหน้าพูดว่า “ไม่ต้องห่วงนะครับคุณหยาง ผมส่งเสี้ยวเสี้ยวออกไปแล้วครับ ทุกอย่างปลอดภัยดีไม่มีปัญหาครับ!”
หลังจากวางสาย โจวยู่ชุ่ยขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณหยางคือใคร?”
เธอเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่ใช่คุญเมิ่งเหรอ?
ทำไมจู่ ๆ ก็มีคุณหยางโผล่ขึ้นมาอีกคน?
ชายวัยกลางคนหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “มึงจะรู้ไปทำไมว่ากูคุยกับใคร? มันเกี่ยวอะไรกับมึง? ถ้าขืนยังปากมาก กูจะฆ่ามึงให้ตายเดี๋ยวนี้!”
เมื่อเสียงเงียบลง ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็หยิบมีดสั้นออกมาเล่มหนึ่ง
โจวยู่ชุ่ยตกใจมาก และรีบปิดปากของเธออย่างรวดเร็ว
เมื่อเวลาผ่านไป เธอมาถึงที่นี่ได้สิบนาทีแล้ว เสี้ยวเสี้ยวก็ถูกพาตัวไป แต่ทำไมเธอไม่เห็นแม้แต่เงาของเมิ่งเทียนเจียวเลย
ก่อนหน้านี้ เมื่อเธอนึกถึงการตายของหยางเฉินเธอจึงรู้สึกสบายใจและรู้สึกตื่นเต้นมาก
แต่หลังจากความรู้สึกดีๆ นั้นหมดลง ทันใดนั้นเธอก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
เมิ่งเทียนเจียวกล้าฆ่าแม้กระทั่งชีวิตคน แล้วนับประสาอะไรที่เธอจะรอด?
“ทำไมคุญเมิ่งยังไม่มาล่ะ?”
โจวยู่ชุ่ยมองไปที่ชายวัยกลางคนแล้วถามด้วยความกลัว
ชายวัยกลางคนเหลือบมองมาและถามเธอว่า “คุณอยากเจอคุญเมิ่งมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็ฉันทำงานที่เขาสั่งเสร็จแล้ว? งั้นฉันก็ไปได้แล้วสิ?”
โจวยู่ชุ่ยลุกขึ้นพยายามเดินออกไป
“คุญเมิ่งบอกว่า ถ้าคุณกล้าเดินออกไปจากวิลล่าหลังนี้แม้แต่ก้าวเดียว แกอนุญาตให้ผมฆ่าคุณทิ้งได้เลย!”
ชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนโซฟาและเหยียดขาทั้งคู่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นเล่นมีดสั้นในมือของเขาแล้วพูดอย่างเย็นยะเยือก
โจวยู่ชุ่ยที่เพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูบ้านวิลล่าก็สั่นไปทั้งตัวและหยุดเดินอย่างกะทันหัน
ทั้ง ๆ ที่เธอเปิดประตูแล้ว ขอเพียงอีกก้าวเดียวเธอก็จะเดินออกจากวิลล่าหลังนี้ได้แล้ว
แต่ในตอนนี้เธอกลับเหงื่อแตกจนเปียกไปทั้งตัว
“ฉันเป็นผู้ร่วมงานของคุญเมิ่งเชียวนะ คุณกล้าขู่ฉันเหรอ? เดี๋ยวรอคุญเมิ่งมาก่อนนะ คอยดูฉันจะฟ้องทุกเรื่องที่คุณพูดกับฉันให้กับเขา!”
โจวยู่ชุ่ยแสร้งทำเป็นใจเย็น จากนั้นเดินกลับเข้าไปนั่งลงข้างๆ และเปิดทีวีดู
ตอนนี้ เธอทำได้เพียงเสแสร้งให้ดูใจเย็นเท่านั้น ถึงจะปกปิดความกลัวในใจของเธอได้
เวลาผ่านไปอีกสิบนาที แต่ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนได้รับสายจากคนคนหนึ่ง แล้วเขาก็รีบลุกขึ้นทันที “คุญเมิ่งจะมาถึงภายในสิบห้านาที ถ้าคุณไม่อยากตายก็นั่งรอเขาดีๆ ละกัน!”
เมื่อพูดจบ ชายวัยกลางคนก็เดินออกไป
และทันใดนั้น ในวิลล่าก็เหลือแค่เพียงโจวยู่ชุ่ยคนเดียว
“อวดเก่งอะไรนักหนา? ก็แค่หมารับใช้ของคุญเมิ่งไม่ใช่หรอกเหรอ?”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนเดินออกไป โจวยู่ชุ่ยก็พูดสาปแช่งต่าง ๆ นาๆ
ถึงแม้จะรู้สึกประหม่า แต่หลักฐานคลิปเสียงของเธอก็อยู่ในมือของเมิ่งเทียนเจียว เธอจึงไม่กล้าไปไหน ทำได้เพียงรอเท่านั้น
ห้านาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้น จู่ ๆ เสียงรถดังขึ้นจากด้านนอกวิลล่า
โจวยู่ชุ่ยรีบลุกขึ้นจากโซฟาและในใจก็รู้สึกตื่นตระหนกจนสุดขั้ว
เธอรู้ว่า เมิ่งเทียนเจียวมาแล้ว
และเป็นอย่างที่คิด เมิ่งเทียนเจียวเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในวิลล่า
“คุญเมิ่ง ในที่สุดคุณก็มาสักที!”
โจวยู่ชุ่ยแสร้งทำเป็นใจเย็นแล้วมองไปที่เมิ่งเทียนเจียวด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยการเสแสร้ง
“แล้วคนล่ะ?”
เมิ่งเทียนเจียวขมวดคิ้วถาม
“ใคร?”
โจวยู่ชุ่ยพูดด้วยความสงสัย
“ก็ลูกสาวของหยางเฉินไง!”
เมิ่งเทียนเจียวพูดด้วยความโกรธเคือง
โจวยู่ชุ่ยตกตะลึงและชี้ไปที่ประตูทันที “ลูกสาวของหยางเฉิน ก็ถูกคนของคุณพาตัวไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเมิ่งเทียนเจียวก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “โจวยู่ชุ่ย คุณคิดว่าผมหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ผมส่งคนไปรับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“นี่คุณไม่ได้พาตัวลูกสาวของหยางเฉินออกมาเลยใช่ไหม?”
“คุณส่งข้อความเรียกผมมาที่นี่ คุณตั้งใจโกหกผมใช่ไหม?”
“นี่คุณคิดว่า ที่นี่เป็นเขตเจียงโจว เป็นถิ่นของตระกูลกวน แล้วผมจะไม่กล้าทำอะไรคุณเลยใช่ไหม?”
เมิ่งเทียนเจียวค่อยๆ เดินเข้าไปหาโจวยู่ชุ่ยทีละก้าว และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ
เขารู้สึกว่า เขาถูกผู้หญิงคนนี้หลอกแล้ว
“ถ้าไม่ใช่คนของคุณที่พาฉันมาที่นี่ แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไงว่าคุณอยู่ที่นี่? อีกอย่างรถที่รับฉันมาก็เป็นรถของคุณด้วย!”
“ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น ยังไงฉันก็พาลูกสาวของหยางเฉินมาให้คุณแล้ว”
“ไม่ว่าเธอจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ สิ่งที่เหลือ ก็ไม่เกี่ยวกับฉันทั้งนั้น”
“ทางที่ดี คุณควรรีบล่อให้หยางเฉินออกมาให้ได้แล้วรีบฆ่าเขาทิ้งซะ!”
“ไม่งั้น ถ้าฉินต้าหย่งฟื้นขึ้นมา ฉันจะไม่มีโอกาสได้ลงมืออีก”
“อีกอย่าง ถ้าเรื่องที่ฉันจ้างฆาตกรถูกเปิดเผยล่ะก็ คุณอย่าคิดว่าจะรอดไปได้เหมือนกัน!”
โจวยู่ชุ่ยเอาแต่พูดไม่หยุด แต่ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะปกปิดความกลัวภายในใจของเธอได้
“รถของผมถูกคนขโมยไปแล้ว คุณบอกผมสิว่ารถของผมไปรับคุณได้ยังไง?”
ทันใดนั้นเมิ่งเทียนเจียวก็ตะคอกใส่เธอ
แต่เมื่อเขาพูดจบ สีหน้าของเขาก็หยุดนิ่งไปในทันใด
เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ เพราะที่นี่เป็นเขตเจียงโจวถิ่นของตระกูลกวน ซึ่งไม่มีทางที่คนอย่างโจวยู่ชุ่ยคนนี้จะเข้าไปเป็นพรรคพวกของพวกเขาได้
โจวยู่ชุ่ยบอกว่า เป็นรถของเขาที่ไปรับเธอมาที่นี่?
แต่ว่า รถของเขาเพิ่งถูกขโมยไปเมื่อเช้านี้!
เมื่อคิดดีๆ แล้ว ครั้งก่อนที่บ้านตระกูลเมิ่งในเมืองเอก คนของตระกูลกวนก็ไปด้วยเหมือนกัน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เมิ่งเทียนเจียวก็รู้สึกว่าระบบการหายใจของเขาเริ่มไม่ราบรื่น เพราะความวิตกกังวลที่รุนแรงทำให้เขารู้สึกหายใจลำบาก
“โครม!”
และในขณะนี้ จู่ ๆ ประตูวิลล่าก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างนอกอย่างกะทันหัน
จากนั้นชายวัยกลางคนที่มาส่งโจวยู่ชุ่ยมาก็เดินเข้ามาในบ้าน นอกจากนี้ยังมีผู้ชายร่างใหญ่อีกหลายคนเดินตามเขาเข้ามาด้วย
“หวังเฉียง!”
เมื่อเขาเห็นชายวัยกลางคน สีหน้าของเมิ่งเทียนเจียวก็เปลี่ยนไปทันที
แต่แล้ว เรื่องยังไม่จบเท่านี้ เพราะหลังจากนั้นร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้น
“กวนเจิ้งซาน!”
“เฉินซิงไห่!”
“หยางเฉิน!”
ทุกคนได้ปรากฏตัวต่อหน้าเมิ่งเทียนเจียว
ในขณะที่เขาเจอหยางเฉิน สีหน้าของเขาดูหม่นหมองมาก จากนั้นตามด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปหมดทั้งใบ
เมื่อโจวยู่ชุ่ยเห็นหยางเฉินปรากฏตัว เธอกลับรู้สึกใจหายใจคว่ำและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แต่มันยังไม่จบเท่านี้ เพราะหลังจากนั้น ใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคนก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกครั้ง
หยางเฉินเดินมาข้างหน้า ตามมาด้วยฉินซีที่อยู่ข้างหลัง
และหลังจากนั้นก็คือฉินยี ที่เข็นรถเข็นคันหนึ่ง
ซึ่งคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นคือ ฉินต้าหย่งที่โจวยู่ชุ่ยฆ่าไม่สำเร็จ
“ต้าหย่ง!”
เมื่อโจวยู่ชุ่ยได้เจอกับฉินต้าหย่ง เธอก็สั่นไปทั้งตัว
ในขณะนั้น ฉินต้าหย่งจ้องไปที่โจวยู่ชุ่ยด้วยสายตาเย็นชาและดวงตาที่กลายเป็นสีแดง เขากัดฟันพูดว่า “โจวยู่ชุ่ย ไอ้ผู้หญิงเลว เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แม้แต่เสี้ยวเสี้ยวคุณยังไม่เว้น นี่คุณยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”
ดวงตาฉินซีกับฉินยีก็แดงก่ำด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะฉินซี นัยน์ตาของเธอยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เธอไม่คิดเลยว่า เธอไว้ใจโจวยู่ชุ่ยขนาดนี้ แม้กระทั่งมอบเสี้ยวเสี้ยวให้นางดูแล แต่นางกลับพาเสี้ยวเสี้ยวเข้าไปในกองไฟ
ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินได้เตรียมการไว้ก่อน เกรงว่าตอนนี้เสี้ยวเสี้ยวคงตกอยู่ในมือของเมิ่งเทียนเจียวไปแล้ว
“หนูเชื่อใจแม่ขนาดนี้ แต่นี่คือการตอบแทนของแม่ใช่ไหม? แม่พาลูกสาวหนูไปให้คนอื่น?”
ฉินซีร่ำไห้และตะโกนพูดออกไปด้วยความโกรธ ในขณะนี้ คนที่เสียใจที่สุดก็คือเธอ