The king of War - บทที่ 33 หน้าเนื้อใจเสือ
บทที่ 33 หน้าเนื้อใจเสือ
เมื่อสงเหว่ยได้ยินคำพูดของฉินเฟย เขาก็แทบรอที่จะฆ่าอีกฝ่ายไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เวรนี่ เขาก็คงไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับปีศาจสองตัวนี้
หยางเฉินหรี่ตามองฉินเฟยแวบหนึ่ง ราวกับว่ากำลังมองคนที่ตายไปแล้ว
หลังจากที่หม่าชาวหักแขนของสิบกว่าคนนั้นเสร็จ เขาก็กลับไปยืนข้างกายหยางเฉินด้วยสีหน้าสงบนิ่ง บนล่างไม่มีฝุ่นธุลีใดแปดเปื้อนเลยแม้แต่น้อย เหมือนคนที่เพิ่งจะลงมือทำเรื่องทั้งหมดเมื่อกี้นี้ไม่ใช่เขา
“คิดจะให้พวกเราสละแขนทั้งสองข้างของตัวเอง แกมีคุณสมบัติพอเหรอ”
หยางเฉินแค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยไอสังหารรุนแรง
“ตุบ” สงเหว่ยทนรับแรงกดดันจากหยางเฉินไม่ไหวแล้ว เข่าทั้งสองข้างกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
เขารีบกล่าวถ้อยคำวิงวอน “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะไอ้สารเลวฉินเฟย หมอนั่นให้เงินผมมาก้อนหนึ่ง บอกให้ผมหลับนอนกับลูกพี่ลูกน้องของเขา จากนั้นก็ให้ผมถ่ายวิดีโอส่งไป”
ตอนที่ฉินเฟยเห็นสงเหว่ยคุกเข่าลงแทบเท้าของหยางเฉิน เขาก็กลัวจนเกือบจะฉี่ราด
ในสายตาของเขา สงเหว่ยเป็นคนที่เก่งกาจมากคนหนึ่ง ทว่าตอนนี้คนที่เก่งกาจมากคนนั้นกลับกำลังคุกเข่าอยู่แทบเท้าไอ้สวะไร้ประโยชน์
เมื่อมองไปในห้องซึ่งเต็มด้วยเสียงโหยหวนของชายฉกรรจ์นับสิบที่ถูกหักแขนทั้งสองข้างแล้ว พอคิดไปถึงช่วงเวลาที่เขาทั้งดูถูกหยางเฉินและเหยียดหยามฉินซี ก็รู้สึกรับไม่ไหวอีกต่อไป เป้ากางเกงของเขาเปียกชื้นในทันที
“เรื่องที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเจียงโจวเมื่อห้าปีก่อน ก็เป็นฉินเฟยที่สั่งให้แกทำอย่างนั้นสินะ” อยู่ดีๆ หยางเฉินก็ถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดถึงเรื่องในอดีต สงเหว่ยก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง “คุณกำลังพูดถึงเรื่องไหนอยู่อย่างนั้นเหรอ”
“ดูเหมือนว่าแกจะทำเรื่องชั่วเอาไว้มากเกินไปสินะ เยอะจนขนาดที่แกเองก็ยังจำได้ไม่ชัดเจนว่าเป็นเรื่องไหน ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นฉันก็ควรที่จะเตือนแกสักหน่อยแล้ว”
หยางเฉินดูคล้ายจะสงบนิ่งมาก แต่หม่าชาวรู้ดีว่าหยางเฉินในเวลานี้ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด จากนั้นก็ได้ยินเพียงเขาพูดต่อว่า “เมื่อห้าปีก่อน ประธานสาวที่งดงามเป็นอันดับหนึ่งของเจียงโจว ประธานกรรมการบริหารของซานเหอกรุ๊ปอย่างฉินซีได้หลับนอนกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัท”
ในที่สุดสงเหว่ยก็จำเรื่องนี้ได้แล้ว เขาไม่กล้าปกปิดแม้แต่นิดเดียว จึงกัดฟันแล้วพูดออกมาว่า “เรื่องนี้ก็เป็นไอ้เวรฉินเฟยนั่นขอให้ผมทำ นอกจากเรื่องนั้นแล้ว เขาก็ยังให้ผมไปสร้างความเดือดร้อนที่ซานเหอกรุ๊ปอยู่หลายครั้ง สุดท้ายแล้วเพราะถูกพวกเราไปก่อความวุ่นวาย ผู้หญิงคนนั้นถึงได้คลอดก่อนกำหนด”
เขาไม่ได้ระวังเลยสักนิดว่าสีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนเป็นดำมืดจนถึงขีดสุดแล้ว รู้สึกเพียงแค่ว่าอยู่ดีๆ อุณหภูมิในห้องก็ลดต่ำลงอย่างกะทันหัน ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นไปสบตากับหยางเฉิน ทั่วทั้งร่างก็ต้องเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
“พี่ ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องพวกนี้เป็นฉินเฟยที่สั่งให้ผมทำ เดินทีผมก็เป็นแค่คนที่ดิ้นรนอยู่ในโลกใต้ดินคนหนึ่ง ทำเรื่องแบบนี้ก็ปกติ…”
“โครม!”
สงเหว่ยยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหยางเฉินเตะจนตัวลอยกลิ้งไปกระแทกลงบนพื้นข้างกายฉินเฟยอย่างแรง ก่อนจะกระอักเลือดออกมา
ฉินเฟยตกใจกลัวจนตัวแข็งค้างไปตั้งนานแล้ว ยิ่งเห็นสงเหว่ยกำลังหายใจรวยรินอยู่ข้างกาย ก็แทบจะช็อกไปในทันที
“ในเมื่อพวกแกชอบเล่นสนุกกับคนอื่นมากขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะให้พวกแกได้ลิ้มลองรสชาติของการถูกเล่นบ้างแล้วกัน”
สีหน้าของหยางเฉินน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งกับหม่าชาว “ในเมื่อทุกอย่างถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว ก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้เสียเปล่า เอายาให้พวกมันกินแล้วบันทึกวิดีโอไว้”
หม่าชาวอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ทว่าเขาก็ยังคงรีบไปจัดการทันที
“พี่ ผมรู้แล้วว่าตัวเองทำผิด ครั้งหน้าไม่กล้าทำอีกต่อไปแล้ว ได้โปรดปล่อยผมไปสักครั้งเถอะ!”
หม่าชาวใช้มือหนึ่งหิ้วตัวฉินเฟยและใช้อีกมือหนึ่งหิ้วตัวสงเหว่ย จากนั้นก็ขังพวกเขาทั้งสองคนไว้ที่ห้องด้านใน
“แกมานี่!”
หม่าชาวชี้ไปยังชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ที่พาเขามาคนนั้น
“พี่ เชิญสั่งได้เลยครับ”
ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่กล่าวอย่างเชื่อฟัง ทว่าเป็นเพราะยังคงกลัวอยู่มาก ร่างกายจึงได้สั่นไม่หยุด
หม่าชาวเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ก่อนจะส่งขวดใบเล็กที่บรรจุผงยาสีขาวให้เขา “เอาของที่อยู่ข้างในนี้ให้พวกมันกิน จากนั้นก็ถ่ายวิดีโอไว้”
เมื่อชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เห็นสิ่งที่อยู่ในขวดนั้น ก็เข้าใจได้ทันทีว่าหยางเฉินต้องการให้พวกเขาทำอะไร ร่างกายจึงสั่นสะท้าน ทว่าก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ทำได้เพียงรับขวดยานั้นมาแล้วลงมือปฏิบัติทันที
ห้องด้านข้างมีเสียงกระแทกที่กังวานใสกับเสียงกรีดร้องครวญครางดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่เสียงนี้คล้ายจะไม่ใช่เสียงของความเจ็บปวด
จากนั้นไม่นานในที่สุดเสียงเหล่านั้นก็เงียบลงไป สักพักชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ก็ถือกล้องวิดีโอออกมา
หม่าชาวถือโอกาสดูสักหน่อย ก่อนจะหัวเราะ “ฝีมือการถ่ายไม่เลวเลยนี่!”
“พี่เฉิน จะให้จัดการยังไงกับวิดีโอเหรอครับ”
หม่าชาวหันกลับไปถามหยางเฉิน
หยางเฉินเย้ยหยัน “เอามันไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต!”
ดวงตาของหม่าชาวเป็นประกาย ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เองก็ตะลึงไปชั่วขณะ หากวิดีโอนี้ถูกอัปโหลดลงบนอินเทอร์เน็ต หน้าตาของตระกูลฉินกับตระกูลสงจะต้องถูกทำลายอย่างยับเยิน นี่เรียกได้ว่าไม่เหลือทางรอดอะไรเอาไว้ให้เลย!
เดิมตระกูลฉินก็เป็นเพียงตระกูลเล็กๆที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร สำหรับพวกเขาแล้วเรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ทว่าสงเหว่ยมีตระกูลสงอยู่เบื้องหลัง มันจึงไม่เหมือนกัน
ในตอนนี้เอง นายท่านฉินก็วิ่งเข้ามาในห้องส่วนตัวอย่างลนลาน
เพิ่งจะเข้ามาก็สังเกตเห็นชายฉกรรจ์ตัวใหญ่นับสิบคนซึ่งถูกหักแขนสองข้างร้องโอดครวญอยู่เต็มพื้น กับหยางเฉินที่กำลังนั่งทำสีหน้าเรียบเฉยอยู่บนโซฟา
“หยางเฉิน ฉินเฟยล่ะ”
นายท่านฉินกลัวมากจริงๆ กระทั่งเสียงก็ยังสั่นระริก
เขาฝากความหวังและอุดมการณ์ทั้งหมดไว้ที่หลานชายคนนี้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับฉินเฟย สำหรับเขาก็เท่ากับว่าตระกูลฉินได้สูญสิ้นผู้สืบทอดแล้ว
หยางเฉินมองเขาอย่างเย็นชา “นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะถ้าหากยังมีครั้งต่อไปอีก คนทั้งตระกูลฉินจะต้องถูกฝังไปพร้อมกับฉินเฟย!”
หยางเฉินในเวลานี้ช่างเผด็จการอย่างหาใดเปรียบ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยออร่าที่ทรงพลัง มีหม่าชาวยืนอยู่ข้างกายเขา ทำให้ดูไม่ต่างอะไรจากเทพสงคราม
หัวใจของนายท่านฉินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขามองไปทางหยางเฉินก่อนจะกัดฟันแล้วพูดออกมาว่า “ฉันยอมรับว่านายมีความสามารถในการต่อสู้ แต่ตระกูลฉินของพวกเราก็ไม่ได้ถือศีลกินเจถึงจะให้มารังแกกันง่ายๆ”
“ผมจะรอดูก็แล้วกัน”
หยางเฉินแค่เสียงเย้ยหยัน จากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉินเฟยอยู่ในห้องด้านใน คุณสามารถลากเขาออกไปได้แล้ว!”
นายท่านฉินรีบเข้าไปที่ห้องด้านในทันที ทว่าเขาแค่เพิ่งจะเปิดประตู ตอนที่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาฉับพลัน
ยามีฤทธิ์แรงมาก ทำให้สงเหว่ยกับฉินเฟยเริ่มยกที่สองต่อทันที ตอนที่นายท่านฉินเพิ่งจะเปิดประตูเข้ามา ก็เห็นฉากที่ไม่อาจรับได้อย่างยิ่งนี้เข้า
“สารเลว นั่นแกกำลังทำอะไรอยู่!”
นายท่านฉินโมโหขึ้นมาในทันที ก่อนจะตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ
สงเหว่ยใกล้จะถึงช่วงเวลาที่สำคัญแล้ว ทว่าจู่ๆ กลับถูกเสียงของนายท่านฉินขัดจังหวะเข้า ทันใดนั้นสีหน้าจึงเต็มไปด้วยความโมโห “ไสหัวออกไป!”
ในตอนนี้เอง นายท่านฉินถึงได้พบว่าคนที่กำลังย่ำยีฉินเฟยก็คือคนของตระกูลสง
เสียงตำหนิของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกหวาดผวา
ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกเหมือนว่าท้องฟ้ากำลังหมุน ถ้าหากไม่ใช่เพราะสองคนที่ติดตามมาด้วยเข้ามาประคองไว้ ตนเองก็คงล้มไปอยู่บนพื้นแล้ว
สุดท้ายเขาก็ยังคงไม่กล้าที่จะรบกวนเรื่อง ‘ดีงาม’ ของสงเหว่ย ทำได้แค่จากไปพร้อมกับความอัดอั้น
“หยางเฉิน ตกลงแล้วแกทำอะไรกับพวกเขากันแน่”
นายท่านฉินไม่ได้โง่ เขาย่อมรู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ปัง!”
หยางเฉินตบฝ่ามือลงบนโต๊ะชา ทำให้โต๊ะหินอ่อนที่แข็งแรงแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
“หลานชายคุณกระทั่งลูกพี่ลูกน้องของตนเองก็ไม่ยอมละเว้น ถ้าไม่ใช่เพราะผมมาทันเวลา คุณรู้ไหมว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนนี้กลับยังมีหน้ามาถามผมอีกว่าผมทำอะไรหลานชายของคุณ”
สีหน้าของหยางเฉินเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด รังสีฆ่าฟันรุนแรงพวกนั้นแทบจะฆ่านายท่านฉินให้ตายเสียตอนนี้
นายท่านฉินถูกโทสะของหยางเฉินทำให้สงบลง ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว ทว่าโทสะในใจเขาที่มีต่อหยางเฉินก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว
ท้ายที่สุดภายในห้องก็มีเสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นทีหนึ่ง เรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว
“ถือโอกาสตอนที่ผมยังยับยั้งความต้องการฆ่าของตัวเองไว้ได้ พาไอ้เดรัจฉานนั่นออกไป!”
ทันใดนั้นหยางเฉินก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะหันไปสั่งการคนของแมนชั่นอีเห้า “พาเจ้านายของพวกแกออกไปด้วย!”
นายท่านฉินพาฉินเฟยออกไปพร้อมกับความอับอาย
เมื่อไม่มีคนอยู่แล้ว หยางเฉินก็มองไปทางฉินยีที่ยังคงเมาหลับสนิทอยู่บนเตียง ในใจเต็มไปด้วยไฟโทสะ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามาทันเวลา เกรงว่าความบริสุทธิ์ของฉินยีคงถูกทำลายย่อยยับไปแล้ว
เมื่อห้าปีก่อนฉินซีถูกคนย่ำยีทำลายความบริสุทธิ์ แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้ว่าตนเองรักเธออย่างลึกซึ้งมาโดยตลอด ทว่าฉินยีล่ะ
ถ้าหากเธอถูกสงเหว่ยย่ำยีเข้าจริงๆ คนที่ทะนงในตัวเองอย่างนั้นจะทนรับความจริงพวกนี้ได้เช่นไร
ผ่านไปพักใหญ่หยางเฉินก็ถอนหายใจยาวเพื่อขับเอาไฟโทสะเหล่านั้นออกมา ก่อนจะใช้นิ้วชี้กดลงไปที่ด้านล่างหัวเข่าของเธอแล้วลูบเบาๆ
นี่เป็นจุดที่สามารถช่วยแก้อาการเมาค้างได้อย่างรวดเร็ว หยางเฉินเพิ่งจะลูบไปได้ไม่กี่ครั้ง ฉินยีก็ได้สติขึ้นมาแล้ว ตาทั้งสองข้างค่อยๆ ลืมขึ้น ก่อนจะได้เห็นใบหน้าที่คุณเคย
ทันใดนั้นเธอก็หนักได้ทันทีว่าที่นี่คือที่ไหน นอกจากนี้ตัวเองก็กำลังสวมชุดนอนกระโปรงอยู่ แม้แต่ชุดชั้นในก็ไม่ได้ใส่
“เผียะ!”
ฉินยียกมือขึ้นมาตบลงไปบนใบหน้าของหยางเฉินอย่างแรง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา “หยางเฉิน คุณมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน คุณทำแบบนี้กับฉัน รู้สึกผิดกับพี่สาวของฉันบ้างหรือเปล่า”