The king of War - บทที่ 330 ชีวิตที่เหลือเพื่อการชดใช้
“นังงูพิษ พวกเราไม่ควรเชื่อคุณตั้งแต่แรก ไม่ควรหวังในตัวคุณ และคุณ ไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของพวกเรา!”
นัยน์ตาฉินยีเหลือเพียงความเกลียดชัง และเธอพยายามระงับอารมณ์โกรธที่สุดแล้ว
หยางเฉินคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพียงแต่ซ่อนความโกรธไว้ในใจ
เมื่อกี้ ตอนที่พวกเขาอยู่ข้างนอก พวกเขาได้ยินการสนทนาของโจวยู่ชุ่ยกับเมิ่งเทียนเจียวอย่างชัดเจนแล้ว
แม้แค่คนนอกอย่างกวนเจิ้งซานก็ดูเย็นชาเมื่อมองหน้าโจวยู่ชุ่ย
ผู้หญิงแบบนี้ แค่ตายยังถือว่าน้อยไปสำหรับเธอ
หลังจากหยุดชะงักไปสักครู่ โจวยู่ชุ่ยก็ตื่นตระหนกและรีบวิ่งไปข้างหน้า จากนั้นเสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้น เธอคุกเข่าลงต่อหน้าฉินต้าหย่ง”
“ต้าหย่ง ฉันก็ถูกบังคับเหมือนกันนะ ที่ฉันให้คนเอารถไปชนคุณก็เป็นการบีบบังคับของตระกูลเว่ย พวกเขาข่มขู่ฉัน ให้ฉันทำตาม ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะฆ่าเสี่ยวซีกับเสี่ยวยี”
“สำหรับคุณแล้ว เสี่ยวซีกับเสี่ยวยีคือทุกอย่าง ถ้าหากสามารถเอาชีวิตของคุณแลกกับชีวิตของเสี่ยวซีกับเสี่ยวยีได้ คุณก็จะยอมแน่นอน ไม่ใช่เหรอ?”
“ส่วนฉันก็เหมือนกัน ถ้าหากสามารถเอาชีวิตของฉันแลกกับความปลอดภัยของเสี่ยวซีกับเสี่ยวยีได้ ฉันก็จะยอม!”
โจวยู่ชุ่ยร่ำไห้ออกมาแล้วพูดอย่างกระวนกระวาย
ฉินต้าหย่งหัวเราะเย็นชา “คุณคิดว่าผมโคม่าแล้วจะไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลยใช่ไหม?”
“ผมเคยเป็นผู้ป่วยติดเตียง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่รับรู้อะไรเลยนะ”
“คุณหาโอกาสทรมานผมทุกวัน พยายามฆ่าผมทุกวัน ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉิน ผมคงตายในน้ำมือคุณไปนานแล้ว!”
“ตอนที่คุณทำร้ายผม ทุกอย่างมันก็ฟ้องแล้ว แล้วตอนนี้คุณยังคิดจะเล่นลิ้นอีกเหรอ?”
ฉินต้าหย่งดวงตาแดงก่ำและตะโกนพูดด้วยความโกรธ
เธอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่วันนี้เธอกลับจ้างนักฆ่ามาฆ่าเขา แม้กระทั่งคิดจะลงมือฆ่าเขาเองด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ หัวใจของเขาสลายไปแล้ว
“ฉันเปล่านะ!”
ดวงตาของโจวยู่ชุ่ยเบิกกว้างและส่ายหัวอย่างไม่หยุด “ฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณเลย ไม่เคยพูดแบบนั้นด้วยซ้ำ!”
“คุณอยู่ในอาการโคม่า ไม่ใช่ทุกอย่างที่คุณรู้สึก ทุกอย่างที่คุณได้ยินมันจะเป็นความจริงนะ มันเป็นความฝันต่างหาก!”
“ใช่ มันเป็นความฝัน คุณต้องฝันร้ายแน่ ๆ คุณฝันว่าฉันทำร้ายคุณ”
หัวของโจวยู่ชุ่ยเหมือนกลองป๋องแป๋งที่ส่ายอย่างไม่หยุด ณ ขณะนี้เธอไม่มีทางยอมรับความจริงอย่างแน่นอน
“แล้วการบาดเจ็บของผมที่ถูกทารุณกรรมจากคุณ คุณจะอธิบายยังไงล่ะ? หรือคุณจะบอกว่าผมทำร้ายตัวเอง? หรือคุณจะบอกว่าลูกสาวผมทำร้ายผม?”
ฉินต้าหย่งตะโกนด้วยความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บที่ขา เขาคงสั่งสอนโจวยู่ชุ่ยด้วยมือของเขาแล้ว
“ฉันรู้แล้ว หยางเฉินไง ต้องเป็นเพราะมัน มันอยากได้ทรัพย์สินของเรา ถึงอยากให้คุณตายไงล่ะ”
“ตอนนี้ยังตั้งใจพาคุณมาเพื่อใส่ร้ายฉันอีก!”
“หยางเฉิน แกมันสารเลว แกทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้? แกจะใส่ร้ายฉันทำไม? แกบอกมา แกทำเพื่ออะไร?”
โจวยู่ชุ่ยไหวพริมเร็วมาก เธอโยนความผิดทุกอย่างให้กับหยางเฉินทันที
“หุบปากไปซะ!”
และในขณะนี้ กวนเจิ้งซานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
จากนั้นเดินออกมาพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณบอกว่าเขาอยากได้ทรัพย์สินของครอบครัวคุณงั้นเหรอ? ผมขอถามหน่อย บ้านคุณมีทรัพย์สินอะไรที่ทำให้คุณหยางอยากได้?”
“คุณรู้หรือไม่ว่าทุกอย่างในครอบครัวตระกูลกวนของผมเป็นของคุณหยาง และตระกูลกวนของผมก็เป็นแค่ผู้ดูแลของคุณหยางเท่านั้น!”
เมื่อเสียงพูดของกวนเจิ้งซานจบลง โจวยู่ชุ่ยถึงกับอึ้งไป “นี่มัน……มันเป็นไปได้ยังไง?”
“คุณก็แค่คนโง่ ผู้หญิงที่โง่ที่สุดในโลก ไม่เพียงแต่ครอบครัวตระกูลกวนที่เป็นของคุณหยาง ทุกอย่างของเมืองคิงก็เป็นของคุณหยางอีกด้วย!”
“ไม่เพียงแค่นี้นะ ทุกอย่างของตระกูลเฉินในเมืองโจวเฉิง ทั้งหมดก็เป็นของคุณหยางด้วย!”
กวนเจิ้งซาน หวังเฉียงและเฉินซิงไห่ก็ยืนขึ้นและบอกความจริงทุกอย่างว่าทั้งหมดนี้เป็นของหยางเฉินคนเดียว
“ไม่มีทาง!”
“เป็นไปไม่ได้หรอก!”
“พวกคุณกำลังโกหกฉัน!”
“มันก็แค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง เป็นลูกเขยไร้ปัญญา แล้วจะมีทรัพย์สมบัติมากมายขนาดนั้นได้ยังไง?”
โจวยู่ชุ่ยเบิกตากว้างด้วยสีหน้าที่ดูสิ้นหวัง
“ไอ้คนงี่เง่า มีตาหามีแววไม่ วัน ๆ คิดแต่เรื่องมักง่าย แล้วคุณจะรู้ความดีของหยางเฉินได้ยังไง?”
ฉินต้าหย่งตวาดอย่างเย็นชา “คุณคงไม่รู้สินะ บริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอที่ผมอยู่ก็เป็นกิจการของหยางเฉินด้วยเหมือนกัน!”
“แล้วก็ซานเหอกรุ๊ป หยางเฉินซื้อให้หนูเป็นของขวัญ!” ฉินซีพูด
“แล้วก็เยี่ยนเฉินกรุ๊ปด้วยนะ หนูหมายถึงเยี่ยนเฉินกรุ๊ปของเมืองเยนตู ทั้งหมดเป็นของหยางเฉิน!” ฉินยีพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
โจวยู่ชุ่ยแทบจะล้มทั้งยืน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่คาดคิดและส่ายหัวอย่างไม่หยุด
“ไม่! พวกคุณกำลังโกหกฉัน! พวกคุณกำลังรวมหัวกันโกหกฉัน!”
“เขาเป็นคนยากไร้ 5 ปีก่อนเขายังยืมเงินครึ่งล้านจากบ้านฉันเพื่อไปรักษาแม่ของเขา!”
“ในเวลาเพียงแค่ห้าปีนี้ ต่อให้จะเก่งแค่ไหน จะโดดเด่นสักเท่าไหร่ เขาไม่มีทางกอบโกยทรัพย์สมบัติมากมายขนาดนี้ได้หรอก?”
“ไม่มีทาง ฉันไม่เชื่อพวกคุณ พวกคุณมันโกหก! ไอ้พวกโกหก!”
โจวยู่ชุ่ยตะโกนร้องไห้ส่งเสียงดังเหมือนคนบ้า
เมิ่งเทียนเจียวที่พยายามหาโอกาสหลบหนีมาตลอด แต่ในเวลานี้เขากลับรู้สึกน่าทึ่ง
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง!”
เมิ่งเทียนเจียวหัวเราะออกมาดังๆ “ที่แท้ พวกคุณยอมจำนนต่อเขาแล้ว ไม่น่าล่ะ ถึงได้พากันไปที่บ้านตระกูลเมิ่งของผมอย่างไม่สนใจอะไรเลย!”
“หยางเฉิน ผมต้องยอมรับจริงๆ นะว่าคุณเก่งมาก! คุณหลอกทุกคนได้สำเร็จ!”
“ที่ผมต้องแพ้ให้คุณ มันไม่เป็นธรรมกับลูกชายผม! ผมรับไม่ได้จริงๆ!”
เมิ่งเทียนเจียวตะโกนพูด ณ เวลานี้ เขากลับไม่ได้มีการเจตนาฆ่าหยางเฉินเหมือนในตอนแรกอีก
ในเวลานี้ เขามีแต่ความเศร้าใจ
เขารู้ดีว่าอิทธิพลของหยางเฉินในปัจจุบันนั้นไม่ได้ด้อยกว่าตระกูลเมิ่งของเขาเลย
และในวันนี้ เขาเหลือเพียงทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือทางตัน!
“คุณคิดจะทำอะไร?”
ในขณะนี้ เมิ่งเทียนเจียวหยิบปืนโคลท์คิงคอบร้าออกมา หวังเฉียงก็รีบเข้าไปบังหยางเฉินไว้แล้วตะโกนพูดกับเมิ่งเทียนเจียว
กวนเจิ้งซานกับเฉินซิงไห่ที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องหยางเฉินกับฉินซีและคนอื่นๆ
ในขณะนี้ ชายร่างใหญ่เหล่านี้ยินดีที่จะใช้ร่างกายของตนบังกระสุนให้กับหยางเฉินและครอบครัวของเขา
เมิ่งเทียนเจียวหัวเราะออกมาดังๆ จากนั้นยกปืนขึ้นอย่างกะทันหันแล้วใส่เข้าปากตัวเอง
“ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้น และร่างของเมิ่งเทียนเจียวก็ล้มลงกับพื้น
ทุกคนต่างตกตะลึง เดิมทีคิดว่าเขาจะสู้จนตัวตาย แต่ไม่คิดเลยว่าเขากลับเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง
ฉินซีกับฉินยีหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเซียว ทั้งสองเกาะแขนของหยางเฉินไว้คนละด้านและตัวสั่นไปทั้งตัว
หยางเฉินมองไปที่เมิ่งเทียนเจียวที่นอนอยู่ในกองเลือดอย่างเฉยเมย จากนั้นสักพักเขาถึงถอนหายใจพูดว่า “ช่วยเอาศพของเขากลับไปที่บ้านตระกูลเมิ่งด้วยนะ!”
ในขณะนี้ เขากลับรู้สึกเห็นใจคนอื่น
เมิ่งเทียนเจียวต้องการฆ่าเขาก็จริง แต่เขาทำเพื่อลูกชายของเขา
แล้วใครลูกใครผิดล่ะ?
ร่างของเมิ่งเทียนเจียวล้มลงตรงหน้าโจวยู่ชุ่ยและเลือดก็ไหลไปทั่ว
โจวยู่ชุ่ยก็ตกใจจนสั่นไปทั้งตัว
“ชีวิตที่เหลือของคุณไปชดใช้ในคุกก็แล้วกันนะ!”
หยางเฉินมองไปที่โจวยู่ชุ่ยแล้วพูดอย่างเย็นชา