The king of War - บทที่ 348 บทเรียนเตือนใจคนอื่น
“แพศยา เหตุผลที่แกไม่ยอมเอาบัญชีแกมาให้ฉัน คือกลัวมีวันแบบนี้สิท่า?”
“โชคดีที่ฉันมีแผนสำรองไว้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงโดนแกใส่ร้ายป้ายสีไปแล้ว!”
“ฉันเอาเงินยี่สิบล้านที่เหลือ โอนเข้าบัญชีของเซี่ยงหยางคนนั้นไปทั้งหมด บันทึกการโอนเงินก็ยังอยู่ ตอนนี้แกยังอยากเล่นลิ้นยังไงอีก?”
หลี่เหว่ยหน้าคลุ้มคลั่งเต็มที่ หัวเราะเสียงดังฮาๆ ขึ้นมา
ที่มาเป็นแบบทุกวันนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะถูกหยูเสี่ยวเวยทำลาย ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องลากหยูเสี่ยวเวยมาด้วยกัน
หยูเสี่ยวเวยสีหน้าซีดเซียว หลี่เหว่ยนำหลักฐานทั้งหมดมาแสดงต่อหน้าสาธารณชนแล้ว เดิมทีไม่มีโอกาสให้หล่อนโต้เถียง
ในเวลานี้เอง มีผู้ชายกำยำรูปร่างสูงใหญ่หลายคนมาถึงที่เมืองเทียนฝู่ “ขอโทษนะครับ เมื่อสักครู่ใครเป็นคนแจ้งตำรวจครับ?”
“สวัสดีครับ ผมคือเฉินยิงเหาผู้จัดการใหญ่ของเมืองเทียนฝู่ครับ เมื่อกี้คือผมเองที่แจ้งตำรวจ”
เฉินยิงเหาเดินเข้ามา ชี้ไปยังหลี่เหว่ยและหยูเสี่ยวเวยแล้วพูดว่า “สองคนนี้ แอบยักยอกเงินบริษัทไปห้าสิบล้านครับ ตอนนี้มีหลักฐานแน่นหนา ขอให้พวกคุณช่วยพวกเราตรวจสอบด้วยครับ!”
ไม่นานหลี่เหว่ยและหยูเสี่ยวเวยทั้งสองคนก็ถูกนำตัวไปโดยตรง
จนกระทั่งถูกพาตัวไป หยูเสี่ยวเวยยังไม่รู้แจ่มแจ้งว่าลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงตระกูลเล็กๆ คนหนึ่ง ทำไมถึงสามารถทำให้คุณชายของตระกูลชั้นนำเมืองโจวเฉิง ปฏิบัติตัวด้วยความเคารพเช่นนี้ได้
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมืองเทียนฝู่จะไม่มีหลี่เหว่ยกับหยูเสี่ยวเวยสองคนนี้อีกต่อไป ฉันหวังว่าทุกๆ คน สามารถเอาเรื่องเลวร้ายนี้มาเตือนใจตัวเองได้ ถ้ามีใครฝ่าฝืนความผิดแบบเดียวกันอีก จะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด!”
เฉินยิงเหากวาดสายตามองทุกคน พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“ครับ/ค่ะ!”
พนักงานที่เหลือต่างรับปากกัน ยังมีใครกล้าพูดอะไรสักคำที่ไหน
หลังจากสั่งสอนอย่างเรียบง่ายนี้ เฉินยิงเหาถึงมองทางหยางเฉิน ถามด้วยความระมัดระวังว่า “คุณหยางครับ ผมจัดการแบบนี้ ไม่ทราบว่าท่านพอใจหรือไม่ครับ?”
หยางเฉินพยักเล็กน้อย “ผู้จัดการคนก่อนถูกเอาตัวไปแล้ว ควรจัดหาผู้จัดการคนใหม่ด้วยหรือเปล่า?”
ถึงแม้เฉินยิงเหาจะไม่มั่นใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่จากตอนแรกที่เขาเข้ามาที่เมืองเทียนฝู่ ก็พบว่าที่ข้างกายหยางเฉินมีพนักงานสาวที่ใส่ชุดพนักงานคนหนึ่งยืนอยู่ตลอด
ชั่วขณะนั้นเขาเข้าใจมาฉับพลัน รีบพยักหน้าทันที “คุณหยางครับ ผมคิดว่าหวางเยี่ยนก็ไม่เลวครับ สามารถรับหน้าที่ผู้จัดการพนักงานขายของเมืองเทียนฝู่ได้ครับ ท่านคิดว่าจัดการแบบนี้ ได้หรือเปล่าครับ?”
“นี่คือเรื่องของนาย ไม่เกี่ยวกับฉัน!” มุมปากหยางเฉินฉีกรอยยิ้มนิ่งๆ ขึ้น
เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจมาก เฉินยิงเหาจิตใจสั่นไหว รีบบอกว่า “ครับ คุณหยาง!”
พูดจบ เขามองหวางเยี่ยนที่ทำหน้าอึ้งทึ่งอยู่ จากนั้นกวาดสายตามองทุกคน ประกาศออกไปเสียงดัง “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หวางเยี่ยนคือผู้จัดการพนักงานขายของเมืองเทียนฝู่ รับผิดชอบงานทุกอย่างของเมืองเทียนฝู่! ถ้ามีใครไม่พอใจ งั้นก็ถือโอกาสไสหัวออกไปเองตั้งแต่แรก!”
เฉินยิงเหาพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างทำท่าทางไม่อยากเชื่อ รีบตอบรับทันที “ครับ/ค่ะ!”
ก็ตามนี้ เด็กใหม่คนหนึ่งที่เดิมทีถูกหยูเสี่ยวเวยกดขี่มาเกือบสามเดือน และไม่มีทางขายของเล่นโบราณออกไปได้สักชิ้นเดียว กลับกลายมาเป็นผู้จัดการพนักงานขายของเมืองเทียนฝู่เสียได้
นี่สำหรับหวางเยี่ยนแล้ว คือเรื่องดีที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว
แต่เธอรู้ชัดเจนมาก ทุกอย่างนี้ ล้วนเป็นเพราะหยางเฉิน
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
หลังจากเฉินยิงเหาจัดการเรื่องราวของเมืองเทียนฝู่เรียบร้อย หยางเฉินถามขึ้นอย่างสงสัย
“คุณหยางครับ เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เมืองเทียนฝู่ถูกตระกูลเฉินซื้อมาครับ คุณปู่ผมอยากจะเปิดตลาดที่เมืองเอก เลยส่งผมเขามา เพื่อรับผิดชอบธุรกิจบางส่วนของเมืองเอกครับ”
“ผมกำลังตรวจดูงาน นึกไม่ถึงว่าจะสามารถมาเจอคุณหยางที่นี่ได้”
“คุณหยางครับ ท่านมาที่เมืองเทียนฝู่ ต้องการอะไรเหรอครับ?”
เฉินยิงเหาอธิบายไปสักพัก หยางเฉินถึงเข้าใจว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
ตั้งแต่ตระกูลหยวนแห่งเมืองโจวเฉิงพังพินาศไป ตระกูลเฉินก็เป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าเป็นความสามารถหรือตำแหน่งของตระกูล ล้วนเพิ่มทวีขึ้นทุกวัน
ปัจจุบันนี้สถานการณ์ของตระกูลอันดับหนึ่งภายในสามตระกูลใหญ่ของเมืองเอกยังไม่ชัดเจนดี แม้แต่ตระกูลในท้องถิ่นเมืองเอกมากมายยังสู้ตระกูลเฉินไม่ได้
สำหรับหยางเฉินแล้ว นี่ย่อมเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะตระกูลเฉินยอมอยู่ใต้อำนาจของตนเองเรียบร้อย
“เมื่อกี้ฉันสนใจของโบราณสองชิ้น เตรียมจะให้เป็นของขวัญคนอื่น” หยางเฉินบอกไป
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!”
เฉินยิงเหาเข้าใจทันที ถึงแม้หยางเฉินไม่ได้อธิบายรายละเอียด แต่เขาก็พอคาดเดาได้คร่าวๆ จึงรีบเรียกหวางเยี่ยนเข้ามา สั่งไปว่า “ของเล่นโบราณที่คุณหยางสนใจเมื่อกี้นี้ รีบไปห่อให้เรียบร้อยแล้วเอาเข้ามา”
“ค่ะ ประธานเฉิน!”
หวางเยี่ยนรีบตอบทันที จากนั้นห่อของขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ไม่นานหวางเยี่ยนก็ถือกล่องของขวัญที่ห่ออย่างงดงามสองอันเข้ามา
“คุณหยางคะ ท่านจะรูดบัตรหรือ?” หวางเยี่ยนถามด้วยความประหม่าอยู่บ้าง
“รูดบัตร?”
เฉินยิงเหาโดนล้อเล่นเข้าให้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าระเบิดอารมณ์ใส่หวางเยี่ยน ได้แต่พูดอธิบาย “ไม่ต้องพูดถึงของเล่นโบราณสองชิ้นเล็กๆ แม้แต่ของเล่นโบราณของทั้งเมืองเทียนฝู่ ขอเพียงคุณหยางชื่นชอบ สามารถเอาไปได้แบบฟรีๆ ทั้งหมด!”
พอได้ยิน ในใจหวางเยี่ยนสั่นไหวถึงขีดสุดแล้ว
ของเล่นโบราณทั้งเมืองเทียนฝู่ นับรวมกันขึ้นมามีมูลค่าหลายพันหลายได้เลยมั้ง?
ความหมายของเฉินยิงเหาคือของมูลค่าหลายพันล้านนี้ ล้วนสามารถมอบให้หยางเฉินได้ฟรี?
พนักงานขายคนอื่นๆ ตื่นตกใจอย่างยิ่งเหมือนกัน แต่เวลานี้ ในใจของพวกเขามีเพียงความเสียใจรุนแรง
ถ้าไม่ใช่พวกเขาตาต่ำดูถูกคนและเด็กใหม่ที่พึ่งเข้ามาเมืองเทียนฝู่ไม่พอสามเดือน แล้วจะมีเรื่องอะไรได้อีก?
แต่มารู้สึกเสียใจตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว คือเด็กใหม่ที่ปกติพวกเขากดขี่ไปทุกที่ กลับกลายมาเป็นหัวหน้าเหนือหัวของพวกเขาแทน
เฉินยิงเหาที่นานๆ ครั้งถึงจะปรากฏตัวมาสักที งั้นก็หมายความว่าเมืองเทียนฝู่ในอนาคต โดยพื้นฐานล้วนเป็นหวางเยี่ยนตัดสินใจ
นึกถึงตรงนี้ ความรู้สึกเคียดแค้นของพวกเขาที่มีต่อหยูเสี่ยวเวยก็เข้มข้นอย่างมากโดยฉับพลัน
โดยเฉพาะทุกอย่างนี้ล้วนต้องโทษหยูเสี่ยวเวยนังแพศยาคนนี้
หยางเฉินไม่ได้เกรงใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ตระกูลเฉินคงไม่อาจครอบครองความรุ่งเรืองในวันนี้ได้
“งั้นก็ขอบใจคุณชายเฉินมากเลยนะ!”
หยางเฉินหัวเราะแล้ว ถือของเล่นโบราณสองชิ้นไว้แล้วเดินออกไป
จนกระทั่งหยางเฉินจากไป เฉินยิงเหาถึงได้โล่งออกไปทีหนึ่ง รีบหยิบทิชชูออกมา เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้ว
อยู่ต่อหน้าหยางเฉิน เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“ประธานเฉินครับ คนเมื่อสักครู่นั้น สรุปเป็นใครกัน?”
หยางเฉินพึ่งออกไป ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเฉินยิงเหาเอ่ยปากถามขึ้น
เฉินยิงเหาตอบแบบหน้าตาซับซ้อน “เขาเป็นใคร ฉันไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้มาก แต่นายแค่ต้องจำคำพูดหนึ่งของฉันไว้ให้ดี”
“อะไรครับ?” คนนั้นถามอย่างสงสัย
“ยอมไปหาเรื่องกับยมทูต แต่อย่าได้ไปหาเรื่องคุณหยางเข้า!” เฉินยิงเหาพูดด้วยท่าทางจริงจัง
พอได้ยิน คนคนนั้นอดตัวสั่นเทาไปหมดไม่ได้
ฟังขึ้นมายังดูเหมือนเกินจริงไปมาก แต่เฉินยิงเหาเป็นคนหนึ่งที่หยิ่งยโสมากแค่ไหน เขารู้ชัดเจนดี
ชายหนุ่มที่สามารถทำให้เฉินยิงเหาหวาดกลัวได้เช่นนี้ เขาย่อมไม่กล้าดูถูกเป็นธรรมดา
เวลานี้ หยางเฉินขับรถแล่นไปยังตระกูลหาน
เสียเวลาที่เมืองเทียนฝู่สักไปพักหนึ่งแล้ว ช่วงเวลางานเลี้ยงวันเกิดของหานเฟยเฟยก็ใกล้ถึงแล้ว
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา หยางเฉินจอดรถที่หน้าประตูคฤหาสน์หรูหราแห่งหนึ่ง
ตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดของคฤหาสน์ตระกูลหาน ห่างจากใจกลางเมืองค่อนข้างไกลนิดหน่อย แต่ไม่มีใครกล้าดูถูกตระกูลหานที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองเอก
คฤหาสน์ที่กว้างใหญ่ เสมือนกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในคฤหาสน์ ทุกที่ล้วนเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงญาติพี่น้องสายตรงของตระกูลหาน ถึงจะมีสิทธิ์พักอยู่ที่นี่