The king of War - บทที่ 384 ทรงอำนาจไม่เคยเปลี่ยน
ประกายที่เย็นเยือกถูกส่งออกมาจากทางรูม่านตาของหวงจง สายตาจ้องมองไปยังฉือเจียงที่กำลังนั่งลงโดยมีผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ยืนอยู่รอบๆ
“ทุกอย่างที่ผมทำ ต่างก็ทำตามกระแสเท่านั้น ว่าแต่สมาคมบูโดเถอะ นี่คือต้องการจะเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของตระกูลหวงแล้วใช่มั้ย?”
หวงจงไม่มีท่าทีที่หวาดกลัวเลยสักนิด สีหน้ายังคงเรียบเฉย
สมาคมบูโดนั้นแข็งแกร่งมาก ความแข็งแกร่งนั้นอยู่เหนือแปดตระกูลแห่งเย็นตูอย่างแน่นอน แต่นั่นมันก็คือความแข็งแกร่งที่ต้องรวบรวมสมาคมบูโดทั้งหมดเข้าด้วยกัน
กะอีแค่สมาคมบูโดสาขาในมณฑลเจียงผิง ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะทำให้เขากลัวหรอก
ยังไงเขาก็เป็นว่าที่ผู้นำตระกูลของตระกูลหวง ส่วนฉือเจียงนั้น เป็นแค่หนึ่งในหัวหน้าสาขาของสมาคมบูโดที่มีอยู่มากมายเท่านั้น
ถ้าจะเทียบกันด้วยเรื่องระดับของตระกูล ฉือเจียงก็ยังห่างไกลกับเขาอีกมากโขเลย
แต่ฉือเจียงกับขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “สมาคมบูโดนั้นไม่ลดตัวลงมายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของเหล่าตระกูลใหญ่หรอก แต่ถ้าหากว่าคนนอกต้องการเข้ามาทำลายความสมดุลของมณฑลเจียงผิง สมาคมบูโดก็ไม่มีทางยืนดูอยู่เฉยๆ แน่นอน”
“อีกอย่าง เดิมทีสมาคมบูโดสาขาเจียงผิงก็เป็นองค์กรในพื้นที่เจียงผิงอยู่แล้ว”
” แล้วตระกูลหวงของคุณล่ะเป็นใคร มีสิทธิ์เข้ามายุ่งกับเรื่องของเจียงผิงด้วยเหรอ?”
ฉือเจียงนั้นเป็นคนที่ฝึกวรยุทธอยู่แล้ว น้ำเสียงหนักแน่น ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นไปทั่วทุกทิศทาง
ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ที่เขาพามา ยืนตระหง่านอยู่ด้านหลังเขาราวกับปราการที่ทำจากเหล็กกล้า จ้องเข็มไปยังหวงจง
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังหวงจง ทำหน้าจริงจังมาโดยตลอด
ก่อนหน้านี้ แค่หยางเฉินคนเดียว ก็ทำให้เขาลำบากใจมากแล้ว ถ้าสมาคมบูโดเข้ามาอีกละก็แรงกดดันของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นอีก
หยางเฉินเองก็ทำตัวบายๆ พอเห็นตระกูลหวงกำลังมีเรื่องกับสมาคมบูโด เขาก็กลายเป็นคนนอกไป นั่งสงบอยู่ตรงนั้นจิบชาเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้น
“หัวหน้าสาขาฉือเจียง คุณแน่ใจแล้วใช่มั้ย ว่าจะเข้ามายุ่งกับเรื่องของตระกูลหวง?”
กิริยาของหวงจงนั้นแข็งกร้าวอย่างยิ่ง นี่คือโอกาสที่เขาจะได้ยืนยันตำแหน่งในตระกูล แต่ถ้าล้มเหลว ผลที่ตามาก็จะหนักมาก
ดังนั้น ไม่ว่าต้องเจอกับองค์กรที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เขาก็จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมัน
ในที่นี้ เขาคือตัวแทนของตระกูลหวง
ต่อให้สุดท้ายต้องแพ้ เขาก็ไม่มีทางยอมแพ้ในเวลาแบบนี้เด็ดขาด
“ผมบอกว่าตระกูลหวงไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งกับเรื่องของเจียงผิง นี่คุณฟังภาษาคนไม่เข้าใจรึไง?”
ฉือเจียงไม่ไว้หน้าแม้แต่นิดเดียว และตะคอกใส่หวงจงด้วยความโมโห
บรรยากาศภายในห้องตกอยู่ในความเงียบทันที!
ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นหวงจง หรือฉือเจียง ต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตที่พวกเขามีเรื่องด้วยไม่ได้อยู่แล้ว
ภายในห้องสัมมนาของการประชุมแลกเปลี่ยนที่กว้างใหญ่นั้น บรรยากาศอึดอัดอย่างถึงที่สุด ภายในความกดดันอันมหาศาลขนาดนี้ ทำให้ผู้คนมากมายต่างก็กดดันจนเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ
สีหน้าของหวงจงนั้นแย่มาก การมาเจียงผิงในครั้งนี้ของเขา นอกจากผู้แข็งแกร่งของตระกูลที่ไม่ค่อยโดดเด่นที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา คนอื่นต่างก็เป็นแค่ผู้แข็งแกร่งทั่วไปเท่านั้น
ผู้แข็งแกร่งระดับทั่วไปพวกนั้น ถ้าให้จัดการกับพวกตระกูลเศรษฐีระดับสูงนั้น มันก็เกินพอเลยล่ะ แต่ถ้าต้องเจอกับสมาคมบูโด มันก็ยังไม่มากพอ
สมาคมบูโดนั้นยึดถือวรยุทธเป็นหลัก ทุกคนที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงๆ ต่างก็ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆ
ตอนนี้หัวหน้าสาขาสมาคมบูโดประจำเจียงผิงได้มาด้วยตนเองแล้ว กะอีแค่ผู้แข็งแกร่งไม่กี่คนขอตระกูลหวงของเขามันก็ทำอะไรพวกนั้นไม่ได้เลย
เมิ่งหงเย่กับกวนจี้หยวนนั้น ต่างก็นั่งไม่สุขกันตั้งนานแล้ว
เดิมทีพวกเขาคิดว่า หวงจงเลือกที่จะสนับสนุนพวกเขาให้ขึ้นเป็นตระกูลเดอะคิงของเจียงผิง ในตอนที่หวงจงประกาศว่า จะก่อตั้งเจียงผิงเป็นพันธมิตรตระกูลนั้น พวกเขาถึงได้เข้าใจว่า พวกเขาได้หลงกลหวงจงเข้าแล้ว
ต่อให้หลงกล แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับตระกูลหวงในตอนนี้
ถ้าหวงจงแค่ต้องต่อกรกับหยางเฉิน พวกเขาก็มั่นใจมากว่าจะยังสามารถรักษาตำแหน่งที่ตัวเองมีในตอนนี้ไว้ได้
แต่ว่าตอนนี้ สมาคมบูโดได้ยื่นมาเข้ามาแล้ว ต่อให้ตระกูลหวงจะอยากครอบครองเจียงผิงเท่าใด ความหวังมันก็ริบหรี่มาก
กองบัญชาการของตระกูลหวงนั้นไม่ได้อยู่ที่เจียงผิง ถ้าเกิดแพ้ไป ก็ยังมีที่ให้ถอย
แต่เดิมตระกูลเมิ่งกับตระกูลหนิงนั้นก็เป็นตระกูลระดับสูงที่อยู่ในเจียงผิงตั้งแต่แรก ต้นกำเนิดก็อยู่ตรงนี้ ถ้าเกิดพ่ายแพ้ สิ่งที่พวกเขาต้องพบเจอ ก็มีความเป็นไปได้สูงทึ่จะเป็นการล่มสลาย
“ฉือเจียง นี่แกคิดว่าหวงจงคนนี้ มันน่ารังแกนักใช่มั้ย? คิดว่าอยากขู่อะไรก็ได้ใช่มั้ย?”
หวงจงจ้องมองฉือเจียงด้วยสีหน้าที่เดือดดาล
ฉือเจียงได้ยิ้มออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ผมนั้นเห็นคุณเป็นแค่คนที่น่ารังแกจริงๆ นั่นแหละ แล้วคุณจะทำอะไรผมได้?”
“เมื่อเป็นแบบนี้ มันก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว!”
หวงจงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
ฉือเจียงได้ยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยาม แล้วกวาดตามองไปรอบๆ และพูดอย่างทรงอำนาจว่า “ใครก็ตามที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลหวง ก็จะถูกมองว่าเป็นคนทรยศของเจียงผิงทั้งหมด”
“ผมจะให้เวลาพูดคุณตัดสินใจหนึ่งนาที ว่ายังอยากเข้าร่วมพันธมิตรตระกูลอยู่มั้ย หลังจากที่เวลาหนึ่งนาทีผ่านไป ถ้ายังยืนยันที่จะอยู่ข้างตระกูลหวง จากนี้ไป เจียงผิงก็จะไม่มีที่ให้ตระกูลของพวกคุณได้เหยียบอีก!”
“เอาล่ะ เริ่มจับเวลาได้!”
ท่าทางที่ฉือเจียงแสดงออกมานั้นดูทรงอำนาจอย่างถึงที่สุด คนที่ติดตามตระกูลหวง ก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศของเจียงผิง
ด้วยฐานะและตำแหน่งของเขา ก็มีสิทธิ์ที่จะเย่อหยิ่งได้แบบนี้จริงๆ
สีหน้าของหวงจงนั้นดูแย่มาก ต้นกำเนิดของตระกูลหวงไม่ได้อยู่ที่เจียงผิง การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับสมาคมบูโดพวกเขาก็เสียเปรียบไปมากแล้ว
พวกตระกูลที่เข้าร่วมพันธมิตรตระกูลไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต่างก็พากันตื่นกลัวกันหมด
ตระกูลหวงนั้น พวกเขาล่วงเกินไม่ไหว!
สมามคมบูโด พวกเขายิ่งมีเรื่องไม่ล่วงเกินไม่ได้เข้าไปใหญ่!
เวลาหนึ่งนาทีนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวออกมาถอนตัวจากพันธมิตรตระกูลเป็นคนแรกเลย
“ตระกูลหูแห่งเมืองชาง ขอถอนตัวออกจากพันธมิตรตระกูล!”
“ตระกูลหม่าแห่งเมืองตงซาน ขอถอนตัวออกจากพันธมิตรตระกูล!”
“ตระกูลหลี่แห่งเมืองจี๋โจว ขอถอนตัวออกจากพันธมิตรตระกูล!”
……
ในวินาทีสุดท้าย ก็ได้มีคนก้าวออกมาประกาศว่าจะถอนตัวออกจากพันธมิตรตระกูลในที่สุด
เมื่อมีคนนำ ต่อจากนั้น ก็มีตระกูลกว่ายี่สิบสามสิบตระกูลแย่งกันแสดงเจตจำนงออกมาอย่างรีบร้อน กลัวว่าถ้าช้าไปก็จะโดนสมาคมบูโดเคียดแค้นเอาได้
ถึงแม้ตระกูลส่วนใหญ่จะประกาศว่าต้องการถอนตัวออกจากพันธมิตรตระกูลแล้ว แต่ก็ยังมีสามตระกูลที่ยังเลือกที่จะอยู่ข้างตระกูลหวง!
“เวลาหนึ่งนาที สิ้นสุดแล้ว!”
ฉือเจียงพูดออกมาอย่างกะทันหัน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “ท้าวจตุมหาราชา ฆ่า!”
ทันทีที่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง ชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา ก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฉือเจียง แกคิดจะทำอะไรอีก?”
หวงจงรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้แข็งแกร่งของตระกูลหวงกับตระกูลพวกนั้นก็พากันก้าวมาข้างหน้า แล้วยืนปกป้องญาติๆ ของตระกูลต่างๆ ไว้ข้างหลัง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนของพันธมิตร ท้าวจตุมหาราชาแห่งสมาคมบูโดก็ไม่คิดจะถอยเลยสักนิด ยังคงพุ่งตรงไปข้างหน้า
“ตุบ! ตุบ! ตุบ!”
ในตอนที่ทุกคนกำตกใจอยู่นั้น ท้าวจตุมหาราชาก็บุกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ในเวลาสั้นๆ แค่สิบกว่าวิ ผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรสิบกว่าคน ก็พากันกระเด็นกระดอนออกไป
มีเพียงชายวัยกลางคนเท่านั้นที่ยังยืนอยู่
ซึ่งคนคนนี้ก็คือบอดี้การ์ดที่คอยยืนปกป้องหวงจงอยู่ข้างๆ มาตลอดนั่นเอง
ภาพที่เกิดขึ้น ต่างก็เสียบแทงเข้าไปในหัวใจของทุกคน นี่นะเหรอความสามารถของผู้แข็งแกร่งแห่งสมาคมบูโด?
ผู้แข็งแกร่งชั้นแนวหน้าของพันธมิตร นอกจากบอดี้การ์ดของหวงจง ก็ไม่มีใครสามารถรับการโจมตีเพียงครั้งเดียวของท้าวจตุมหาราชาได้เลย
พวกพันธมิตรตระกูลพวกนั้น ต่างก็ตัวสั่นกันขึ้นมาอย่างแรง
“ตุบ!”
หนึ่งในผู้นำตระกูลของพันธมิตรตระกูล ได้คุกเข่าลงตรงหน้าของฉือเจียงอย่างกะทันหัน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวว่า “ตระกูลถังแห่งเมืองเทียนซา ขอถอนตัวออกจากพันธมิตรตระกูลครับ!”
“ตระกูลจางแห่งเมืองหมี่ฉวน ขอถอนตัวออกจากพันธมิตรตระกูลครับ!”
“ตระกูลฉีแห่งเมืองหลินไห่ ขอถอนตัวออกจากพันธมิตรตระกูลครับ!”
ผู้นำตระกูลสามคนที่ยืนยันจะติดตามตระกูลหวง ตอนนี้ต่างก็กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น และประกาศต่อหน้าทุกคนว่าต้องการถอนตัวออกจากพันธมิตรตระกูล
ณ เวลานี้ พันธมิตรตระกูลที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่กี่นาที นอกจากตระกูลหวง ตระกูลอื่นๆ ต่างก็ถอนตัวไปจนหมดแล้ว
สีหน้าของหวงจงนั้นเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด สองมือกำแน่น เล็บนั้นจิกจนฝ่ามือเป็นแผลแล้วเขาก็ยังไม่รู้ตัว
เขาที่เป็นถึงว่าที่ผู้นำของตระกูลหวง กลับถูกกดดันมาจนถึงจุดนี้ได้
แต่ฉือเจียงนั้น ไม่แม้แต่จะเหลียวมองสามคนที่เพิ่งถอนตัวออกจากพันธมิตรตระกูลเลยสักนิด และได้ตะโกนออกมาว่า “ฆ่าทิ้ง!”
หลังจากที่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง ท้าวจตุมหาราชาก็เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว จัดการสังหารผู้นำตระกูลเศรษฐีทั้งสามลงอย่างรวดเร็ว
“ฉือเจียง นี่แกจะทำเกินไปแล้วนะ!”
หวงจงกัดฟันแน่น ความเดือดดาลเอ่อล้นไปทั้งตัว
เขาอยู่มาห้าสิบกว่าปี นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกจนตรอกขนาดนี้