The king of War - บทที่ 389 จำเป็นต้องเข้าร่วม
ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตกใจ ระหว่างคิ้วของหนิงจี้หยวนปรากฏรูเลือดมาขึ้นรอยหนึ่ง
เขาเบิกดวงตากลมโต ร่างกายล้มลงไปแบบแข็งทื่อตรงแน่ว
ทั้งหมดในเหตุการณ์เงียบกริบ!
สายตาของทุกคนมองทางด้านหลังหยางเฉินทันที เป็นติงซานที่กำลังถือปืนไว้
“คุณ……คุณหยาง เขากล้าใช้ปืนมาจ่อคุณ นี่คือวอนหาที่ตายจริงๆ!”
ติงซานพูดจาเสียงสั่นเครือไปหมด
แต่ทว่าในแววตาของหยางเฉินกลับมีความแหลมคมแวบผ่านไป
เพราะคนที่ติงซานถือปืนจ่อไว้ คือหยางเฉิน
ถ้าไม่ใช่ว่าหยางเฉินหลบทัน คนที่ล้มลงไปก็คือเขา!
เพียงแค่เมื่อสักครู่ความสนใจของทุกคนอยู่บนตัวหนิงจี้หยวนกันหมด ไม่มีใครสังเกตเห็นติงซาน
นอกจากติงซานแล้ว ไม่มีใครรู้ชัดเจนว่าชั่วขณะที่ติงซานลั่นปืนนั้น ศีรษะของหยางเฉินขยับเคลื่อนไปนิดหน่อย จึงหลบลูกกระสุนได้ทันพอดี
“ตาย!”
หยางเฉินพูดออกมาเพียงคำเดียว
ในขณะเดียวกัน เขาโบกมือซ้ายในชั่วพริบตา แสงหนาวเหน็บเส้นหนึ่งแวบผ่าน
“ฟึบ!”
แวบเดียว ระหว่างคิ้วของติงซานปรากฏรอยเลือดแถวหนึ่ง มีเลือดสดปริไหลออกมาไม่ขาดสาย ราวกับกุหลาบสีแดงเลือดที่บานสะพรั่งดอกหนึ่ง
จนกระทั่งตาย ติงซานยังไม่รู้เลยว่าหยางเฉินฆ่าตนเองได้อย่างไร
ในโถงใหญ่ประชุมแลกเปลี่ยนเงียบสนิทไร้เสียง ทุกคนต่างทำหน้าตกใจกลัว
บนหน้าของฉือเจียงเคร่งขรึมเต็มที่
บางทีคนอาจไม่เข้าใจแจ่มแจ้ง ติงซานตายได้อย่างไร แต่ในฐานะหัวหน้าสาขาคนหนึ่งของสมาคมบูโด เขาย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี
“หลังจากคืนนี้ไป เจียงผิงไม่มีตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงอีกต่อไป พอผ่านเที่ยงคืนไป ขอเพียงผู้คนของตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงหลงเหลืออยู่ที่เจียงผิง ตายสถานเดียว!”
หยางเฉินกวาดสายตามองทุกคนในงาน พูดจาเย็นชาไร้ที่เปรียบ
คำพูดของเขาดุจสายฟ้าฟาดอย่างแรง ระเบิดดังอยู่ในโถงใหญ่งานประชุมแลกเปลี่ยน คนของตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงล้วนทำหน้าเหมือนหมดอาลัยตายอยาก
ผู้นำของพวกเขาต่างตายอยู่ในงานประชุมแลกเปลี่ยนกันแล้ว อาศัยเพียงการแสดงออกเมื่อสักครู่ของหยางเฉิน หลังผ่านวันนี้ไป ทั้งเจียงผิง ยังมีใครกล้าต่อสู้กับเขาอีก?
เขาเพียงแค่ให้คนของตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงออกไปจากเจียงผิง สำหรับสองตระกูลใหญ่นี้ ถือว่าเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่มากแล้ว
หานเซี่ยวเทียนท่าทางทอดถอนใจ ตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงที่แข่งขันกับตระกูลหานมาหลายสิบปี คาดไม่ถึงเพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของหยางเฉิน จะพังพินาศหมดสิ้น
เมืองเอกในอนาคต มีเพียงตระกูลหาน ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว
เขาเข้าใจเช่นกันว่าทั้งมณฑลเจียงผิงล้วนเคารพต่อหยางเฉิน เขาสั่งให้ทำ ใครกล้าไม่เชื่อฟังบ้าง?
แต่พอนึกถึงสถานะของหยางเฉิน หานเซี่ยวเทียนไม่คิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มีตรงไหนให้คุ้มค่าแก่การตกใจสักที่
จอมพลชายแดนเหนือของจิ่วโจวที่ยิ่งใหญ่ ตีเจียงผิงเล็กๆ แห่งหนึ่งจนพ่ายแพ้ จะมีความยากอะไร?
ต่อให้หยางเฉินตีแปดตระกูลแห่งเยนตูจนย่อยยับ หานเซี่ยวเทียนก็คงไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
“วันนี้เป็นต้นไป เจียงผิงมีคุณหยางเป็นผู้นำเพียงผู้เดียว ตระกูลหานยอมอยู่ใต้อำนาจ ติดตามคุณหยางครับ!”
หานเซี่ยวเทียนเดินเข้ามาทันใด มองหยางเฉินด้วยท่าทางเคารพนบนอบก้มศีรษะแล้วพูดขึ้น
คำพูดของเขาราวกับเสียงฟ้าผ่าจากสวรรค์ แต่ละคนในเหตุการณ์ล้วนทำหน้าอึ้งทึ่ง
สามตระกูลใหญ่ชั้นนำของเมืองเอกแห่งมณฑลเจียงผิง ความสามารถแกร่งสุด หลังตระกูลหนิงและตระกูลเมิ่งโดนหยางเฉินไล่ออกไปจากมณฑลเจียงผิง จึงเหลือเพียงตระกูลหาน
สามารถพูดได้ว่าตระกูลหานในอนาคต ก็คือตระกูลเดอะคิงของทั้งมณฑลเจียงผิง
เวลานี้ คาดไม่ถึงว่าผู้นำของตระกูลหานจะยอมศิโรราบก้มหัวให้หยางเฉิน แสดงออกว่าอยากยอมอยู่ใต้อำนาจและติดตามหยางเฉินต่อหน้าสาธารณชน
“ตระกูลกวนของผม ยังคงมีคุณหยางเป็นผู้นำเพียงหนึ่งเดียว ชีวิตนี้จะขอติดตามคุณหยางเฉินไปตลอดครับ!”
กวนเจิ้งซานรีบพากวนเสว่ซงเข้ามาทันที โค้งตัวพูดขึ้น น้ำเสียงจริงใจอย่างยิ่ง
“ตระกูลเฉินของผม ยังคงมีคุณหยางเป็นผู้นำเพียงหนึ่งเดียว ติดตามไปทั้งชีวิตนี้ครับ!”
เฉินซิงไห่ก็รีบพาคนของตระกูลเฉินเข้ามาเช่นกัน แสดงท่าทีต่อหน้าสาธารณชน
“ตระกูลเฝิง ยินยอมติดตามคุณหยางครับ!”
“ตระกูลจาง ยินยอมติดตามคุณหยางครับ!”
……
ทันใดนั้น ผู้นำของตระกูลใหญ่หกเจ็ดแห่งของมณฑลเจียงผิง รีบก้าวออกมาแล้ว แสดงออกต่อหน้าสาธารณชนว่าอยากติดตามหยางเฉิน
ท้ายที่สุด นอกจากตระกูลเว่ยของเมืองเจียงโจว ยังมีสมาคมบูโดสาขาเจียงผิง ทุกตระกูลล้วนแสดงออกว่าจะติดตามหยางเฉินทั้งนั้น
ฉากนี้ เขย่าหัวใจของแต่ละคนได้ลึกซึ้งมาก
เว่ยเฉิงโจวมองทางฉือเจียงด้วยสีหน้าสับสนอยู่บ้าง
สมาคมบูโดเป็นอิทธิพลหนุนหลังของตระกูลเว่ยมาโดยตลอด รวมทั้งวันนี้ เขาไปหาหยางเฉินก่อนล่วงหน้า แสดงท่าทีอยากร่วมมือกัน ล้วนเป็นฉือเจียงมอบหมายให้ทำ
เดิมทีสมาคมบูโดอยากกลายเป็นเจ้าแห่งวงการของมณฑลเจียงผิงเพียงหนึ่งเดียว แต่ใครจะรู้ว่าอำนาจของหยางเฉิน แทบจะพิชิตได้ทุกตระกูลแล้ว
“หยางเฉิน นายบีบให้หวงจงคุกเข่าขอโทษ เรื่องนี้ ตระกูลหวงจะต้องไม่ปล่อยนายไปง่ายๆ แน่”
ตอนที่ผู้นำตระกูลใหญ่แต่ละเมืองในมณฑลเจียงผิงต่างแสดงท่าทีอยากติดตามหยางเฉินกันอยู่นั้น ฉือเจียงกลับเอ่ยปากบอกอย่างกะทันหัน
เขาเรียกชื่อของหยางเฉินออกมาตรงๆ ไม่มีความเคารพสักนิดเดียว
หยางเฉินมองทางฉือเจียงแบบหน้าตาไร้อารมณ์ ไม่ได้พูดอะไร รอคอยคำพูดต่อไปของเขาอยู่
“ฉันคิดว่านายน่าจะรู้จักสมาคมบูโดล่ะมั้ง?”
ฉือเจียงเอ่ยปากว่า “ขอแค่นายยินยอมเข้าร่วมสมาคมบูโด ถึงแม้จะเป็นตระกูลหวงหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยนตู ก็ไม่กล้ามาทำอะไรนาย”
คำพูดของฉือเจียง กระตุ้นให้เกิดข้อโต้เถียงใหญ่โตขึ้นมาระลอกหนึ่ง
ใครๆ ต่างนึกไม่ถึงกันว่าฉือเจียงอยากดึงหยางเฉินเข้ามาร่วมสมาคมบูโด
“นายหมายความว่าให้ฉันยอมจำนนต่อสมาคมบูโด?” หยางเฉินมองฉือเจียงแบบหน้าตาประหลาด
ฉือเจียงพยักหน้า “สาขาของสมาคมบูโดกระจายไปทั่วทั้งโลก ความสามารถและตำแหน่งโดยรวมก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าแปดตระกูลแห่งเยนตู โดยเฉพาะสมาคมบูโดล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งในการต่อสู้ สำหรับนายแล้ว เป็นที่พึ่งพิงดีมากที่หนึ่งเลยล่ะ!”
“นายยังอายุน้อยมาก ก็ครอบครองความสามารถที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ไว้ ขอแค่นายเข้าร่วมสมาคมบูโด ไม่เกินสิบปี ยังมีความเป็นไปได้แม้กระทั่งว่านายจะเลื่อนตัวขึ้นไปในศูนย์กลางอำนาจของสมาคมบูโดสาขาใหญ่ได้”
“ถึงตอนนั้น สาวสวยและเงินทอง อีกทั้งตำแหน่งกับอำนาจ มีสิ่งที่จำเป็นสำหรับนายครบถ้วน!”
ฉือเจียงมองหยางเฉินด้วยท่าทางเร่าร้อน
ถ้าสามารถดึงหยางเฉินเข้ามาในสมาคมบูโดได้ ไม่เพียงเอามณฑลเจียงผิงมาได้ ยังสามารถเพิ่มคนหนุ่มที่มีศักยภาพมากคนหนึ่งมาให้สมาคมบูโดได้คนหนึ่ง
สักวันหนึ่ง ถ้าหยางเฉินเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจของสมาคมบูโดได้จริง ตำแหน่งของเขาคงพลอยสูงขึ้นตามไปด้วย
คนของตระกูลใหญ่แต่ละเมืองที่อยู่ในงาน ล้วนมองหยางเฉินด้วยหน้าตาอิจฉา
ถึงแม้พวกเขาจะแสดงออกว่ายินยอมติดตามหยางเฉิน แต่ก็ถือโอกาสทำตามน้ำ ในสายตาของพวกเขายังเป็นตำแหน่งของสมาคมบูโดที่สูงกว่า
พวกเขาอยากเข้าร่วมสมาคมบูโด ล้วนไม่มีสิทธิ์ หยางเฉินยังอายุน้อยขนาดนี้ กลับได้รับคำเชิญแล้ว แค่คิดก็รู้ว่าพวกเขาอิจฉาแค่ไหน
ตอนที่ฉือเจียงคิดว่าหยางเฉินต้องตอบรับเข้าร่วมสมาคมบูโดแน่นอน หยางเฉินกลับส่ายหน้าพูดออกมาสองคำทันใด “ไม่สนใจ!”
“นายว่าอะไรนะ?”
ชั่วขณะนั้นฉือเจียงตกตะลึงแล้ว เขาคิดว่าตนเองฟังผิดไป
เขายอมรับ หยางเฉินแกร่งมาก
แต่ในสายตาเขา ต่อให้หยางเฉินแกร่งแค่ไหน ก็เป็นเพียงตัวคนเดียว
ในสมาคมบูโดยังมีผู้แข็งแกร่งชั้นสูงสุดที่แท้จริงมากมาย ไม่ว่าใครคนใดล้วนสามารถทำแบบที่หยางเฉินทำในวันนี้ได้หมด
ประเด็นสำคัญคือน้อยมากที่สมาคมบูโดจะเชื้อเชิญคนเข้าร่วมด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถเข้าร่วมสมาคมบูโดได้ ผู้คนมากมายยังพยายามคิดหาทุกวิถีทาง
หยางเฉินดันปฏิเสธอย่างคาดไม่ถึง?
“หัวหน้าสาขาฉือ คุณหยางปฏิเสธเข้าร่วมสมาคมบูโด คุณไม่ต้องเปลืองน้ำลายอีกแล้ว!”
หานเซี่ยวเทียนมองทางฉือเจียงพูดจานิ่งๆ
ขณะเดียวกัน ในใจเขาแอบรู้สึกโกรธระดับหนึ่ง
ในสายตาเขา หยางเฉินในฐานะจอมพลชายแดนเหนือ นั่นคือการมีตัวตนดุจดั่งเทพเจ้า
ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งของหัวหน้าสมาคมบูโด ก็ไม่คู่ควรกับสถานะของหยางเฉิน
ฉือเจียงยังอยากให้หยางเฉินยอมอยู่ใต้อำนาจอย่างคาดไม่ถึง นี่เป็นการเหยียดหยามต่อหยางเฉินเสียจริง
“นี่ไม่ใช่เรื่องของนาย! หุบปากไปเลย!” ฉือเจียงตะโกนด้วยความโมโห