The king of War - บทที่ 391 แฝงด้วยเจตนาร้าย
วินาทีนี้ เว่ยเฉิงโจวมีความรู้สึกกระสับกระส่ายเหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ อึดอัดไปทั่วทั้งตัว
เขารู้สึกได้ทันใด ชายหนุ่มที่ใช้สายตานิ่งเฉยมองมาทางตนเองคนนั้น เป็นปีศาจร้ายที่น่าสยองที่สุด และมาจากขุมนรกลึกตนหนึ่ง
“ตึง!”
เว่ยเฉิงโจวไม่มีทางทนไหวต่อแรงกดดันที่หยางเฉินนำมาให้เขาได้อีกต่อไป คุกเข่าลงข้างหนึ่งด้วยความหนักอึ้ง ก้มหน้า ตะโกนเสียงสูง “เมืองเจียงโจว ตระกูลเว่ย ขอยกคุณหยางเป็นผู้นำครับ!”
ถึงตอนนี้ ผู้นำของตระกูลใหญ่หกสิบเจ็ดสิบแห่งของมณฑลเจียงผิง รีบคุกเข่าตรงหน้าภาพคนหนุ่มพร้อมเพรียงกัน
ยกให้เขาเป็นผู้นำ!
ภายในห้องโถงใหญ่เงียบกริบพักหนึ่ง ทุกคนก้มหน้าลงกันหมด ไม่มีใครกล้ามองทางภาพคนหนุ่มที่ไม่เป็นสองรองใครคนนั้น
ใครต่างรู้ทั้งนั้น นับจากวันนี้ไป ทั้งมณฑลเจียงผิง ล้วนเคารพนบนอบต่อหยางเฉิน
ต่อให้เป็นตระกูลหวงของแปดตระกูลแห่งเยนตู ยังมีสมาคมบูโดสาขาเจียงผิงอีก เรื่องราวที่ไม่มีทางทำได้กัน คาดไม่ถึงถูกชายหนุ่มที่อายุยี่สิบกว่าปีทำสำเร็จแล้ว
ในขณะเดียวกัน โรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่ง กำลังขับไปทางสนามบินด้วยความรวดเร็ว
ภายในรถ คือหวงจงที่พึ่งออกมาจากโรงแรมจงโจว
เวลานี้ เขานั่งอยู่ที่เบาะหลัง สีหน้าอึมครึมจนถึงขีดสุดแล้ว
“ท่านจงครับ ต้องการขอความช่วยเหลือจากเมืองเยนตูทางนั้นหรือเปล่าครับ?”
ภาพชายกลางคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับถามด้วยความระมัดระวัง
เขาคือบอดี้การ์ดข้างกายของหวงจง ติดตามหวงจงมานานหลายปีแล้ว ต้านทานอันตรายนับไม่ถ้วนให้หวงจง
แต่เมื่อสักครู่ที่โถงใหญ่งานประชุมแลกเปลี่ยน หยางเฉินพูดว่า“ไปให้พ้น” ทำให้เขาตกใจถอยหนี
เวลานี้ ในใจเขาตื่นตระหนกอย่างมาก กลัวหวงจงจะนำทุกอย่างที่ประสบเจอในวันนี้ เอาส่วนหนึ่งมาคิดบัญชีลงที่ตัวของเขา
หวงจงกวาดตามองบอดี้การ์ดอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “เรื่องที่เกิดในวันนี้ ถ้าแกกล้าเปิดเผยไปสักนิดเดียว ฉันจะให้แกรับผิดชอบเรื่องนี้แน่!”
พอได้ยิน บอดี้การ์ดสั่นไปทั้งตัว รีบหุบปากลงทันที
ตั้งนานหวงจงถึงเอ่ยปากพูดว่า “ความอัปยศในวันนี้ วันหลังฉันจะให้เจ้าหมอนั่นชดใช้คืนเป็นสองเท่า แต่ตอนนี้ ฉันทำได้เพียงแกล้งทำไม่มีอะไรเกิดขึ้นเท่านั้น”
“ถ้าเรื่องเมื่อกี้นี้ถูกตระกูลหวงรับรู้ ตำแหน่งผู้สืบทอดของฉัน คงโดนถอดออกจากตำแหน่งทันที อย่าลืมไปล่ะ ที่ตระกูลยังมีคนมากมายกำลังจ้องฉันอยู่”
“ตอนนี้สมาคมบูโดเข้ามาแทรกแซง อยากครอบเจียงผิงไว้อีก แทบจะไม่มีความหวังใดๆ ฉันแค่ย้ายเป้าหมายเป็นสถานที่อื่น”
ฟังคำอธิบายของหวงจงแล้ว บอดี้การ์ดถึงเข้าใจฉับพลัน เรื่องราวที่เกิดในวันนี้ ไม่เพียงแค่หวงจงที่โดนตบหน้าเท่านั้น ยิ่งเป็นการตบหน้าทั้งตระกูลหวงด้วย
หากเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้แพร่ไปถึงเมืองเยนตู ตระกูลหวงจะกลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองเยนตู
ถึงตอนนั้น เขาก็มีเพียงทางเดียว โดยเฉพาะความรับผิดชอบของเขาคือคุ้มครองหวงจง
เขาถูกหยางเฉินตะโกนมาทีเดียวกลับถอยหนี ไม่กล้าเข้าไปสักก้าว ได้แต่มองหวงจงโดนเหยียดหยามต่อหน้าต่อตา
“แต่ถ้าคนของมณฑลเจียงผิงเปิดเผยเรื่องในคืนนี้ออกไปล่ะครับ?”
บอดี้การ์ดของหวงจงกังวลอยู่บ้าง
ถ้าเกิดเรื่องราวถูกคนของเจียงผิงเปิดโปง หวงจงจะคิดว่าเป็นเขาเปิดเผยออกไปหรือไม่?
“ไอ้โง่!”
หวงจงด่าไปคำหนึ่ง พูดจาเย็นชา “ตระกูลกระจอกของมณฑลเจียงผิงเล็กๆ ใครจะกล้าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แพร่ออกไป? นอกจากพวกที่อยากตาย!”
“สำหรับสมาคมบูโดยิ่งจะไม่แพร่ออกไปข้างนอกเลย โดยเฉพาะฉันเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหวง โดนเหยียดหยามต่อหน้าสาธารณชน ถ้าเกิดถูกตระกูลหวงรู้เข้า มีแนวโน้มจะเพิ่มความแค้นระหว่างสมาคมบูโดกับตระกูลหวง”
“ถ้าเกิดเปิดศึกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหวง หรือว่าสมาคมบูโด คงเจอความยุ่งยากใหญ่โต”
“เมืองเยนตูในตอนนี้ ดูโดยภาพรวมแล้ว ระหว่างแต่ละอิทธิพลใหญ่ล้วนมั่นคงอย่างมาก ใครก็ไม่กล้าทำลายสมดุลอันนี้ลงก่อน”
ถึงแม้หวงจงจะไม่พอใจบอดี้การ์ดอยู่มาก แต่ยังรู้ถึงความซื่อสัตย์ของอีกฝ่ายดี
หลังอธิบายรอบหนึ่งแล้ว เขากลับโล่งอกไปไม่น้อย
เขาอยากจะยึดมณฑลเจียงผิงไว้มาเสริมความมั่นคงตำแหน่งของตนเอง แต่ไม่จำเป็นต้องยึดเอามณฑลเจียงผิงมาให้ได้
ขอเพียงสามารถยึดสถานที่อื่นมาได้ ยังคงสามารถสร้างเสถียรภาพให้ตำแหน่งผู้สืบทอดของเขาได้อยู่
หวงจงไม่ได้หยุดรออยู่ที่มณฑลเจียงผิง หลังออกมาจากโรงแรมจงโจว ก็ไปที่สนามบินโดยตรงเลย ออกไปจากสถานที่ที่ทำให้เขาได้รับความอัปยศอดสูแห่งนี้แล้ว
อีกด้านหนึ่ง ฉือเจียงของสมาคมบูโดก็ออกไปจากโรงแรมจงโจวแล้ว
ระหว่างทางกลับไป ฉือเจียงหน้าตาเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธ “โอหังเกินไปแล้ว! ช่างโอหังเหลือเกิน! คิดจริงๆ หรือว่าตัวเองมีความสามารถอยู่หน่อย ก็มาเป็นศัตรูกับสมาคมบูโดได้แล้ว!”
“ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่! ไม่แน่นอน!”
“น่าโมโหจริงๆ เลย!”
ฉือเจียงอารมณ์เสียแทบแย่ อยากส่งคนไปฆ่าหยางเฉินในตอนนี้จนใจแทบขาด
เขาโมโหเดือดดาลมาก แต่สามารถถูกส่งมาเจียงผิงเพื่อรับหน้าที่เป็นหัวหน้าสาขาได้ ย่อมไม่โง่เขลาเด็ดขาด
เขารู้ชัดเจนดีมาก ด้วยความสามารถที่หยางเฉินแสดงออกมาก่อนหน้านี้ เกินกว่าเขาไปแล้ว
ที่สมาคมบูโด ยังเคารพต่อความสามารถ
ที่สาขามณฑลเจียงผิง เขาคือคนที่มีความสามารถแกร่งสุด
แม้แต่เขายังไม่ใช่คู่ต่อแข่ง นับภาษาอะไรกับคนอื่น?
ปัจจุบันนี้อยากจะจัดการหยางเฉิน ได้แต่ทำผ่านสมาคมบูโดสาขาใหญ่ ค้นหาผู้แข็งแกร่งที่แกร่งกว่ามา
“หัวหน้าสาขาครับ ผมกลับมีวิธีที่ดีอันหนึ่งครับ! ไม่แน่ว่าอาจสามารถฆ่าเจ้าหมอนั่นได้”
ในเวลานี้เอง ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ พูดขึ้นกะทันหัน
ชายวัยกลางคนชื่อว่าหลี่หนาน เป็นลูกน้องข้างกายคนหนึ่งที่ฉือเจียงไว้ใจที่สุด
ตอนที่ฉือเจียงยังไม่ได้ถูกส่งมารับหน้าที่หัวหน้าสาขาที่มณฑลเจียงผิง หลี่หนานก็ตามฉือเจียงแล้ว
อยู่ข้างกายฉือเจียง หลี่หนานแสดงบทสถานะของกุนซือคนหนึ่ง ออกหัวคิดกำหนดแผนการ
สามารถพูดได้ว่าไม่มีหลี่หนาน ก็ไม่มีฉือหนานในตอนนี้
เวลานี้ได้ยินคำพูดของหลี่หนาน ชั่วขณะนั้นฉือเจียงดีใจ รีบพูดว่า “รีบว่ามา นายมีวิธีอะไร!”
ในดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นของหลี่หนาน มีประกายแววตาเหี้ยมโหดนิดๆ ผ่านไป หรี่ตาพูดว่า “หัวหน้าสาขาครับ คุณน่าจะยังจำเรื่องของหัวหน้าหนิวได้มั้ง?”
พอได้ยิน ฉือเจียงสีหน้าอึมครึมลงมาในชั่วพริบตา
“หนิวกึงเซิงหายตัวไปครึ่งเดือนแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ!”
ฉือเจียงพูดจาแบบหน้าตาจริงจัง
หลี่หนานส่ายหน้า “หัวหน้าสาขาครับ คุณคิดว่าหนิวกึงเซิงยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”
“หมายความว่าอะไร?” ฉือเจียงขมวดคิ้ว
หลี่หนานส่ายหน้าแล้ว “หนิวกึงเซิงเป็นหัวหน้าของสาขาพวกเรา เขาไม่อาจหายตัวอย่างไร้มูลเหตุไปเป็นครึ่งเดือนได้ โดยพื้นฐานผมแน่ใจได้ว่าเขาตายแล้ว!”
“อะไรนะ? ตายแล้ว?”
ฉือเจียงสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่
หลี่หนานพยักหน้า “หนิวกึงเซิงพึ่งพาสถานะศิษย์พี่ของเขา ถึงแม้ปกติไม่ทำตามกฎเท่าไร และยังแอบรับงานส่วนตัวบางอย่าง”
“แต่ดูโดยภาพรวมแล้ว เขายังรู้จักบันยะบันยัง เท่าที่ผมรู้มา เขาไม่เคยหายตัวอย่างไร้มูลเหตุนานขนาดนี้มาก่อน”
“โดยเฉพาะศิษย์พี่ของเขาเป็นคนของสมาคมบูโดสาขาใหญ่ ถ้าเขาทำเกินกว่าเหตุ จะกระทบต่ออนาคตของศิษย์พี่เขาด้วย”
“ตอนนี้กลับหายตัวไปกะทันหันนานขนาดนี้ ต้องเจอหายนะแน่นอน!”
หลี่หนานเดาความน่าจะเป็นอันนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแค่ไม่ได้พูดถึงมาโดยตลอด
เวลานี้พูดเรื่องนี้ขึ้น ทำให้ฉือเจียงรู้สึกถึงแรงกดดันมากมายอย่างน่าประหลาด
ศิษย์พี่ของหนิวกึงเซิงเป็นผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโดสาขาใหญ่ สถานะและตำแหน่งสูงศักดิ์อย่างยิ่ง เดิมทีฉือเจียงไม่มีสิทธิ์เทียบเคียงกับเขาได้
ปัจจุบันนี้หนิวกึงเซิงตายอยู่ที่สาขาของเขาแล้ว ถ้าเกิดถูกศิษย์พี่ของเขารู้เข้า ย่อมส่งผลกระทบมากมายต่อเขาแน่
“ในเมื่อนายพูดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว น่าจะนึกแผนการได้แล้วมั้ง?”
นิ่งเงียบอยู่นาน ฉือเจียงจึงถามด้วยเสียงทุ้ม
หลี่หนานพยักหน้า “พวกเราสามารถเอาเรื่องนี้ ยัดเยียดไปที่ตัวของหยางเฉินได้!”
“โยนความผิดให้เจ้าหมอนั่น?”
ฉือเจียงตกใจในชั่วขณะนั้น