The king of War - บทที่ 408 ขอร้องแกมบังคับ
เย่ม่านทำท่าอวดดี เมื่อพูดถึงฐานะทางสังคมของตระกูลเย่ ความรู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีที่ฝังอยู่ในกระดูกของเธอก็แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว
ด้วยฐานะของเธอ ทำให้ในสายตาของเธอ ซานเหอกรุ๊ปไม่มีค่าอะไรเลย
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามคุณว่า ทำไมคุณถึงจ่ายเงินมากมายเพื่อจ้างฉันไปเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทคุณ?” ฉินซีถามอีก
เย่ม่านอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “เพราะคุณมีความสามารถที่โดดเด่น!”
“คุณมองจากตรงไหนถึงพบว่า ความสามารถของฉันนั้นโดดเด่น?” ฉินซีถามต่ออย่างใจเย็น
ครั้งนี้ ในที่สุดเย่ม่านก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
ความนิ่งของฉินซีทำให้เธอรู้สึกกดดันขึ้นมามากมายอย่างฉับพลัน
“กิจการขยะแห่งหนึ่งสามารถสร้างรายได้ห้าสิบล้านต่อปีภายใต้การบัญชาของคุณ ยังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของคุณอีกหรือ?” เย่ม่านย้อนถาม
“แล้วคุณรู้ไหมว่า ใครเป็นผู้ก่อตั้งซานเหอกรุ๊ป?” ฉินซีพยายามข่มความโกรธแล้วถามต่อ
“ผู้ที่ก่อตั้งกิจการขยะเช่นนี้ขึ้นมาได้ ต้องเป็นคนโง่แน่นอน”
“ถ้าฉันรู้ว่าใครเป็นผู้ก่อตั้ง ฉันจะด่าให้พูดไม่ออกเลยเป็นไง?”
“การก่อตั้งกิจการ ไม่ใช่คนโง่ที่ไหนก็มีคุณสมบัติทำได้”
“สำหรับฉันแล้ว ที่ที่มีรายได้ต่อปีน้อยกว่าหนึ่งร้อยล้านล้วนเป็นกิจการขยะ สู้ไม่ก่อตั้งขึ้นมาเสียดีกว่า”
ใบหน้าของ เย่ม่านเต็มไปด้วยการถากถาง วิพากษ์วิจารณ์ซานเหอกรุ๊ปเสียไม่มีชิ้นดี แทบอยากจะเรียกผู้ก่อตั้งออกมาทุบตอนนี้เลย
เธอไม่เคยรู้จักซานเหอกรุ๊ปเลย และเพิ่งมารู้ในตอนนี้ว่า ฉินซีเป็นผู้จัดการทั่วไปของซานเหอกรุ๊ป
เหตุผลที่เธอพูดด้อยค่าซานเหอกรุ๊ป ก็เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของแมมบ้าแดงกรุ๊ปให้เห็นอย่างชัดเจน
และเธอก็เชื่อว่า ไม่มีใครสามารถปฏิเสธเงินเดือนและสวัสดิการจำนวนมากที่เธอเสนอให้ได้
ถ้าไม่กะทันหันเกินไป เธอคงทำความรู้จักกับฉินซีในตอนนี้แล้ว
ตอนนี้ต้องค่อยๆ เดินทีละก้าว อันดับแรกคือหาทางเข้าใกล้ฉินซี แล้วค่อยหาโอกาสแนะนำตัวในฐานะแม่ลูก พอถึงตอนนั้นค่อยฉวยโอกาสทำให้ฉินซีเตะหยางเฉินออกไป
พอถึงตอนนั้น เธอก็มีความหวังที่จะทำให้ราชาเจียงผิงมาเป็นลูกเขยของตน
เมื่อตระกูลเย่เป็นที่โปรดปราดของราชาเจียงผิง จากนี้ไปฐานะและตำแหน่งของเย่ม่านในตระกูลเย่ก็จะพลอยสูงขึ้นไปด้วย มุ่งตรงสู่อำนาจศูนย์กลาง
เธอไม่เคยไตร่ตรองเลยว่า ฉินซีจะตอบตกลงหรือไม่
เพราะโลกทัศน์ของเธอ เงื่อนไขที่เธอเสนอขึ้นมา ไม่เคยมีใครปฏิเสธ
ในเวลานี้ เธอถึงกับเริ่มจินตนาการว่า เมื่อเธอราชาเจียงผิงมาเป็นลูกเขยของเธอแล้ว เธอจะเรียกฟ้าเรียกฝนได้อย่างไรในตระกูลเย่
ขณะที่เธอกำลังจินตนาการถึงอนาคตอันสวยหรู ฉินซีกลับตัวสั่นด้วยความโกรธ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วข่มความโกรธเอ่ยว่า “ชีวิตนี้ ฉันไม่มีทางทำงานให้คุณ!”
พูดจบ เธอก็เดินผ่านเย่ม่านไป
“ทำไมล่ะ?”
เย่ม่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างไม่เชื่อสายตา
“เพราะว่า ฉันก็คือคนโง่ที่คุณบอก ผู้ก่อตั้งซานเหอกรุ๊ป!”
ฉินซีตอบอย่างเย็นชาโดยไม่หันกลับมามอง
ในเวลานี้ เย่ม่านตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ยืนนิ่งอยู่กับที่ ทำอะไรไม่ถูก
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ฉินซีจะเป็นผู้ก่อตั้งซานเหอกรุ๊ป
ถ้ารู้อย่างนี้ เธอจะเข้าใกล้ฉินซีด้วยแนวคิดที่จะตั้งบริษัทสาขาได้อย่างไร?
ติดต่อกับฉินซีโดยตรงในนามของความร่วมมือ มันไม่ดีกว่าหรือ?
เมื่อมองตามเงาร่างที่ค่อยๆ ไกลออกไปของฉินซี เธอก็รู้สึกร้อนใจทันที จึงวิ่งเหยาะๆ ตามฉินซีออกไปในชุดกี่เพ้าและรองเท้าส้นสูง ไม่เหลือภาพลักษณ์ของสตรีผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเย่แห่งเมืองเยี่ยนตูเลย
“ประธานฉิน เดี๋ยวก่อน!”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นผู้ก่อตั้งซานเหอกรุ๊ป ถ้ารู้ฉันจะพูดไปแบบนั้นได้ยังไง?”
“คุณอย่าเพิ่งรีบไป ฟังฉันอธิบายก่อน!”
“ขอโทษค่ะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว!”
เย่ม่านวิ่งไปพลางตะโกนไปพลางโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเลย เพียงต้องการกอบกู้สถานการณ์กลับคืนมา
แต่ทว่า คำพูดของเธอได้ทำร้ายฉินซีไปแล้ว เธอจะกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนได้อย่างไร?
“คุณฉิน หยุดก่อนค่ะ!”
และในเวลานี้ ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ได้มายืนขวางตรงหน้าเธออย่างกะทันหัน
“หลบไป!”
ฉินซีขมวดคิ้ว แล้วตวาดใส่อีกฝ่าย
ชายวัยกลางคนผู้นี้ เมื่อครู่ได้ยืนอยู่ข้างหลังเย่ม่านตลอด เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาด้วยกัน
เหลียงเหลียนมองฉินซีด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางพูดว่า “คุณควรฟังคำอธิบายของคุณหญิงก่อน!”
ฉินซีก็โกรธมากเช่นกัน เธอข่มความโกรธเอาไว้ ไม่อยากโต้เถียงกับอีกฝ่าย
แต่อีกฝ่ายกลับบังคับตนให้ฟังคำอธิบายของเธอ
ในเวลานี้ เย่ม่านก็วิ่งกระหืดกระหอบตามมา พูดพลางหอบหายใจ “ประธานฉิน ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ แค่อยากให้คุณมาร่วมงานกับบริษัทของฉัน ก็เท่านั้นเอง!”
“แต่ตอนนี้ ฉันตัดสินใจไม่ตั้งบริษัทสาขาแล้ว ฉันต้องการลงทุนในซานเหอกรุ๊ปห้าร้อยล้าน ไม่ใช่สิ หนึ่งพันล้าน!”
“จะช่วยคุณสร้างซานเหอกรุ๊ปให้เป็นหนึ่งในกิจการชั้นนำในจิ่วโจว!”
“และฉันขอรับประกันว่า จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินงานของซานเหอกรุ๊ป ฉันจะรับแต่เงินปันผลเท่านั้น”
“แน่นอน แม้ว่าจะไม่มีเงินปันผลใดๆ ก็ไม่เป็นไร เงินหนึ่งพันล้านนี้ ให้ถือเป็นเงินทุนก่อตั้งที่ฉันมอบให้คุณ”
เย่ม่านพูดอย่างเร่งรีบ ในเวลานี้ เธอแค่ต้องการใช้เงินเพื่อกอบกู้ความสัมพันธ์กับฉินซีให้กลับคืนมา
แต่ฉินซีกลับไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใดๆ เลย เธอมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ฉันจะไม่ยอมรับเงินลงทุนจากคุณแม้แต่เฟินเดียว!”
เย่ม่านตกตะลึง ยังคิดว่าฉินซีรังเกียจว่าหนึ่งพันล้านน้อยเกินไป จึงรีบพูดอีกว่า “สองพันล้าน! ฉันขอลงทุนกับซานเหอกรุ๊ปเป็นจำนวนสองพันล้านในนามของตระกูลเย่!”
นี่คือการลงทุนจำนวนมากที่สุดของเธอในตระกูลเย่
แม้ว่ามันจะเป็นความเสี่ยงใหญ่หลวงที่จะลงทุนเงินทั้งหมดในซานเหอกรุ๊ป แต่สำหรับเธอแล้ว ขอเพียงสามารถทำให้ฉินซีอยู่กับราชาเจียงผิงได้ อย่าว่าแต่สองพันล้านเลย ต่อให้เป็นสามพันล้านก็ไม่เป็นไร?
“ดูเหมือนคุณจะยังไม่เข้าใจคำพูดของฉันนะ!”
ฉินซีส่ายหน้าและพูดอย่างโกรธเคือง “ต่อให้คุณจะลงทุนเป็นหมื่นล้าน! แสนล้าน! ฉันก็จะไม่มีทางยอมรับมัน!”
พูดจบ ฉินซีก็หันหลังเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
สีหน้าของเย่ม่านชะงักไปทันที เธอไม่เข้าใจจริงๆ กิจการเล็กๆ ที่มีกำไรเพียงห้าสิบล้านต่อปี เธอลงทุนเพียงครั้งเดียวสองพันล้าน เหตุใดฉินซีถึงไม่เต็มใจรับ
ในมุมมองของเธอ ความมั่งคั่งและอำนาจคือทุกสิ่ง ไม่มีใครสามารถต้านทานต่อการเย้ายวนของอำนาจเงินได้
แต่ฉินซีกล้าที่จะปฏิเสธตน!
มันเพราะอะไรกันแน่?
ในใจเธอสับสน ชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางคิดหาเหตุผลได้
เมื่อมองตามหลังฉินซีที่ห่างออกไป นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ ทันใดนั้นก็ตวาดใส่เสียงดัง “คุณหยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้นะ!”
“ทำไม? ถ้าฉันไม่ยอมรับการลงทุนของคุณ คุณจะเอาฐานะในตระกูลเย่มากดดันฉันเหรอ?”
ฉินซีหยุดเดิน แล้วพูดด้วยสีหน้าประชดประชัน
“คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
เย่ม่านกัดริมฝีปากแดง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
เธอวางแผนไว้ว่าจะติดต่อกับฉินซีก่อน หลังจากคุ้นเคยกันแล้ว ค่อยแนะนำตัวในฐานะแม่ลูก
แต่เห็นได้ชัดว่ามันล้มเหลว!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็ต้องประกาศความสัมพันธ์แม่ลูกอย่างชัดเจน ใช้ความเป็นแม่มาขอร้องแกมบังคับให้เธอทำ
คำถามของเย่ม่านทำให้ฉินซีรู้สึกขบขัน
“คุณเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับฉันหรือเปล่า?”
ฉินซีพูดอย่างประชดประชัน “แน่นอน ถ้าคุณอยากใช้แมมบ้าแดงกรุ๊ปมากดดันฉัน ก็ทำได้เต็มที่เลย!”
คำพูดนี้ของเธอรุนแรงมาก ไม่เห็นคำขู่ของเย่ม่านอยู่ในสายตาสักนิด