The king of War - บทที่ 461 กับดัก
“แกกล้าจ้างนักฆ่าส่วนตัวเอาไว้ด้วย?” หวังหู่พูดอย่างโมโห
หวังหงเชียนในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำ จะไม่มีกำลังคนของตัวเองได้อย่างไร?
ในฐานะตระกูลใหญ่ และอยู่ในอิทธิพลอำนาจตระกูลใหญ่ ถึงแม้เขาจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำ ยังคงมีความเป็นไปได้ว่าจะโดนแทนที่ได้ทุกเมื่อ
ถ้าไม่มีแผนการที่คุ้มครองตนเองไว้บ้าง จะต่อสู้กับเหล่าพี่น้องที่จ้องตำแหน่งตนเองเหล่านั้นได้อย่างไร?
ไม่ใช่เพียงแค่หวังหงเชียน ยังมีญาติพี่น้องตระกูลหวังคนอื่นอีก ต่างมีผู้แข็งแกร่งที่ตนเองแอบเลี้ยงดูขึ้นมา
หวังหู่ก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน จะไม่รู้ได้อย่างไรกัน?
เพียงแต่แต่ไหนแต่ไรไม่มีใครกล้าแสดงนักฆ่าที่ตนเองแอบเลี้ยงดูไว้ออกมาต่อหน้าสาธารณชนมาก่อน
หวังหงเชียน ยังเป็นคนแรก!
“คุณพ่อครับ ผมรู้ว่าพ่อโกรธมาก แต่ที่ผมสามารถบอกพ่อได้คือต่อให้ต้องสละตำแหน่งของผู้สืบทอดไป ผมก็ต้องแก้แค้นเพื่อลูกชายให้ได้!” หวังหงเชียนกัดฟันพูด
“แกถอยออกมาให้ฉันเลยนะ!” หวังหู่ตะโกนใส่
หวังหงเชียนส่ายหน้าแล้ว จากนั้นดวงตาทั้งสองมองไปยังหม่าชาว พูดแบบกัดฟันแน่น “แก สมควรตาย!”
“ฆ่าให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เขาสั่งการไป นักฆ่าทั้งสี่คนรีบพุ่งออกไปยังทิศทางของหม่าชาวทันที
ทันใดนั้น ทุกคนตกใจกันหมด!
หม่าชาวพูดจาแบบเย็นชา “ในเมื่อพวกแกวอนหาที่ตาย งั้นฉันจะช่วยพวกแกให้สมหวัง
นักฆ่าทั้งสี่รีบกระโจนไปทางหม่าชาว
สี่คนนี้ คือมือสังหาร แต่ไม่สู้พูดว่าเป็นผู้พลีชีพที่หวังหงเชียนเลี้ยงดูมา
เดิมทีหวังหงเชียนคิดจะรอตอนที่ตนเองสืบทอดตำแหน่งของผู้นำ เจอกับอันตรายถึงค่อยเปิดเผย“ผู้พลีชีพ”สี่คนนี้ออกมา
แต่นึกไม่ถึงว่าจะต้องเปิดเผยออกมาเร็วขนาดนี้
แต่นักฆ่าที่เขาภาคภูมิเป็นพิเศษ หม่าชาวกลับไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เพียงแค่หัวเราะอย่างดูถูก จากนั้นทั้งตัวกลายเป็นภาพวืด พุ่งเข้าไปแล้ว
ในห้องโถงงานเลี้ยง เหมือนมีลมแรงคำรามครู่หนึ่ง เสื้อผ้าของคนนับไม่ถ้วนล้วนถูกพัดจนเกิดเสียงพึ่บพั่บ
หม่าชาวพุ่งเข้ามาตรงหน้าของนักฆ่าคนที่หนึ่ง ตบลงไปอย่างสบายๆ ทีหนึ่ง
“ตาย!”
นักฆ่าเย็นชาไร้ที่เปรียบ ทันใดนั้นในมือมีมีดที่คมกริบเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา แทงอย่างแรงเข้าไปยังตำแหน่งหัวใจของหม่าชาวโดยตรง
ท่าทางของนักฆ่าวิ่งเข้าไปแบบมุ่งเอาชีวิต
เขาพยายามสังหารหม่าชาวในทีเดียว
แต่ว่าแวบเดียวเขาก็รู้ว่าความคิดของตนเองโง่เขลามากแค่ไหน
“ปึง!”
หม่าชาวตบบนศีรษะของนักฆ่าไปทีหนึ่ง เสียง“แก๊ก”ดังขึ้นมา ชั่วพริบตาเดียวกะโหลกศีรษะแตกละเอียด
นักฆ่าคนแรก โดนตบจนร่างกายลอยขึ้นกลางอากาศ ตามมาด้วยเสียงดังสนั่นทีหนึ่ง ร่างกายของเขาร่วงลงแทบเท้าของหวังหงเชียนอย่างหนักอึ้ง
ตายราบคาบแล้ว!
หวังหงเชียนมองตรงเท้า นักฆ่าที่โดนตบจนสมองแตก หน้าตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัว
“นี่……นี่เป็นไปได้ยังไง?”
บนหน้าของเขาตกใจกลัวอย่างยิ่ง
เพื่อที่จะอบรมเลี้ยงดูนักฆ่าสี่คนนี้ เขาเสียเงินไปจำนวนมากแค่ไหน มีเพียงเขาเองที่รู้แจ่มแจ้ง
แม้กระทั่งถูกส่งออกไปในสนามรบของต่างประเทศ เคยเป็นทหารรับจ้างด้วย
นักฆ่าสี่คนนี้ ไม่มียกเว้นสักคนเดียว ทั้งหมดล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่เคยผ่านการทดสอบที่ยิ่งใหญ่มา
ในอดีต ทีมของนักฆ่าสี่คนนี้อยู่ในสนามรบ เคยสังหารหัวหน้าของประเทศศัตรูมาแล้วด้วย
ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งชั้นนำของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ก็ไม่อาจโจมตีการร่วมมือของสี่คนนี้ให้แพ้ได้
แต่ว่าตอนนี้ คนหนึ่งก็ตายอยู่ในมือของหม่าชาวแล้ว
“ตึง! ตึง! ตึง!”
หวังหงเชียนยังไม่ทันได้สติกลับมาจากความตื่นตกใจเมื่อสักครู่นี้ ตามมาด้วยร่างกายสามคนโดนชนจนลอยกลางอากาศอีก
ทั้งหมดล้วนร่วงลงแทบเท้าของเขาอย่างหนักอึ้งกัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงชั่วพริบตา
จนถึงตอนนี้ นักฆ่าสี่คนที่เขาทุ่มเทให้มาหลายปี และใช้จ่ายกำลังทรัพย์ไปมหาศาลเพื่ออบรมเลี้ยงดู ล้วนถูกหม่าชาวโจมตีสังหารทั้งหมด
โดยเฉพาะลักษณะการตายของแต่ละคนล้วนแล้วแต่น่าสังเวชอย่างมาก
ไม่มียกเว้นสักคนเดียว ทั้งหมดล้วนถูกโจมตีจนเสียชีวิตในทีเดียว สมองยุบลง เสียชีวิตเนื่องจากบาดเจ็บที่สมอง
ไม่เพียงแค่หวังหงเชียนเท่านั้น ยังมีหวังหู่และคนอื่นๆ ก็ตกใจค้างถึงที่สุดไปด้วย
คนของตระกูลใหญ่ที่มาเข้าร่วมพิธีแต่งงานเหล่านั้น พากันตกใจกลัวจนร้องตะโกนขึ้นมาแล้ว
แขกผู้มีเกียรติทุกคนล้วนลุกขึ้นมา พุ่งออกไปทางด้านนอกห้องโถงงานเลี้ยงแล้ว
การตายของหวังไห่ก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายมหาศาลเช่นนี้เลย แต่ว่าครั้งนี้ หม่าชาวลงมือโหดเหี้ยมที่สุด ชั่วพริบตาเดียวก็สังหารนักฆ่าสี่คน ถึงทำให้แขกตระกูลใหญ่ที่ชีวิตอยู่ดีกินดีเหล่านั้นตกใจจนขวัญกระเจิงแล้ว
ไม่นานแขกผู้มีเกียรติในห้องโถงใหญ่วิ่งหนีเกลี้ยงแล้ว เหลือเพียงคนของตระกูลหวังและตระกูลอ้ายที่ยังอยู่
หม่าชาวมองหวังหงเชียนอย่างดูถูกแวบหนึ่ง จากนั้นถอยกลับไปที่ด้านหลังหยางเฉินแล้ว ราวกับบอดี้การ์ดที่นิ่งสงบคนหนึ่ง เหมือนว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาแต่อย่างใด
“ชานี่ไม่เลว!”
ทันใดนั้นเสียงของหยางเฉินดังขึ้น ถึงทำลายความเงียบงันที่ดุจยามค่ำคืนนี้ลง
“เจ้าบ้านหวัง พูดขึ้นมาแล้ว ระหว่างฉันกับตระกูลหวังก็ไม่มีความแค้นอะไรกันนะ”
“สรุปเกิดเรื่องอะไร ฉันว่าเจ้าบ้านหวังน่าจะรู้ชัดเจนดี”
“หวังว่าเจ้าบ้านหวังอย่าโดนคนอื่นหลอกใช้ ไม่อย่างงั้นตระกูลหวังตายอย่างไร เกรงว่าแกจะไม่รู้ด้วยซ้ำ”
หยางเฉินพูดจาด้วยอารมณ์สงบนิ่ง
หลังจากนั้นเปลี่ยนเสียงทันใด มองทางอ้ายชวนที่อยู่ข้างกายหวังหู่ พูดจาด้วยความหมายลึกซึ้ง “ท่านอ้าย คุณเป็นคนฉลาด มีบางเรื่อง ไม่ต้องให้ผมบอก คุณน่าจะเข้าใจดีเหมือนกัน”
“เห็นแก่หน้าของอ้ายหลิน ผมสามารถไม่ถือสาหาความกับตระกูลอ้ายได้”
“แน่นอนว่านี่ต้องดูด้วยว่าตระกูลอ้ายเลือกแบบไหน”
หยางเฉินพูดจบ มองทางหวังหู่อีกครั้ง “ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ เดิมทีอ้ายหลินจะไม่ปรากฏตัวในงานแต่งของวันนี้มั้ง?”
“นี่นายหมายความว่าอะไร?”
อ้ายชวนถามขึ้นฉับพลัน
“คุณถามเจ้าบ้านหวังเอาเองเถอะ!” หยางเฉินพูดขึ้น
“หวังหู่ สรุปว่าเรื่องอะไรกัน? อ้ายหลินหลานสาวฉันล่ะ?” อ้ายชวนพูดอย่างโมโห ในสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเย็นชา
ทันใดนั้นเขาสำนึกได้ว่าตนเองโดนหลอกเข้าแล้ว
สีหน้าหวังหู่ดูแย่เอามากๆ เขาย่อมรู้ดีเป็นธรรมดาว่านี่คือเหตุการณ์ที่ตระกูลหวงจัดขึ้น แต่จนถึงตอนนี้ คนของตระกูลหวงยังไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นเลย
“ท่านอ้าย เรื่องนี้ฉันให้ความกระจ่างกับนายได้ แต่ว่าตอนนี้ ศัตรูร่วมของพวกเราเป็นเจ้าหนุ่มสองคนนี้ พวกเราควรจะร่วมมือต่อสู้สิ”
ไม่นานหวังหู่ตัดสินใจเลือกอยู่ในใจแล้ว
นั่นคือยังคงเลือกเชื่อใจตระกูลหวง!
เพราะเขาไม่มีทางเลือก ตระกูลหวงในฐานะหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู หากเขาไม่เชื่อใจ หรือว่าต้องไปเชื่อชายหนุ่มคนหนึ่งงั้นหรือ?
“หลานสาวฉันล่ะ?”
อ้ายชวนสอบถามเสียงเดือดดาล
“ท่านอ้าย หลานสาวนายสบายดี แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่พวกเราจะมาขัดแย้งภายในกันเอง รอจัดการเจ้าหนุ่มสองคนนี้เสร็จ นายอยากจะเอายังไงก็ได้ทั้งนั้น!” หวังหู่พูดยืนยัน
พูดจบ เขาก็ถลึงตาใส่หยางเฉิน กัดฟันแน่นพูดว่า “ไอ้หนุ่ม แกหยุดยุแหย่ให้แตกแยกกันได้แล้ว ตอนนี้อ้ายหลินปลอดภัยดีมาก!”
“ในเมื่อแกมองออกแล้วว่างานแต่งในวันนี้เป็นแค่ฉากบังหน้าที่จัดการแก งั้นฉันจะไม่ปิดบังต่อไปอีก จะเปิดเผยให้แกรู้”
“ในโรงแรมแห่งนี้ พวกฉันวางกับดักเอาไว้แล้ว แค่ปืนกลมือก็สิบกระบอก!”
“ตอนนี้แกยังคิดว่าแกจะสามารถเดินออกไปได้เหรอ?”
สีหน้าหวังหู่ดุร้ายเต็มที่ เดิมทีเขายังกลัวสถานะของหยางเฉินอยู่ จึงไม่กล้าลงมือมั่วซั่ว
แต่ว่าตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว ถึงแม้สถานะของหยางเฉินจะสูงส่งแค่ไหน เขาก็ทำได้เพียงยืนหยัดลงมือด้วย
ไม่อย่างนั้นหากหยางเฉินไม่ตาย ตระกูลหวังคงเกิดความวุ่นวายไปทั่ว
เพียงอาศัยชายหนุ่มข้างกายหยางเฉินคนนั้น กำลังการสู้รบอันยิ่งใหญ่ที่แสดงออกมาทั้งหมด ก็เพียงพอทำให้ตระกูลหวังเสียหายไปครึ่งหนึ่ง
แต่ที่ทำให้เขาผิดหวังคือ เขาไม่เคยเห็นความหวาดกลัวจากบนหน้าของหยางเฉินเลยสักนิด แต่กลับมองเห็นการเหยียดหยามนิดๆ ที่มุมปากของหยางเฉิน