The king of War - บทที่ 479 หยางไร้พ่าย
หยางเฉินไม่พูดอะไร มองหวงเทียนเชิงอย่างไร้ความรู้สึก
หลังจากนั้นไม่นาน อารมณ์ของหวงเทียนเชิงก็สงบลงมาก สองตาจับจ้องหยางเฉินแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณเป็นคนมาหาผม ก็ต้องเห็นอะไรดีๆ ให้ตัวผม ถ้าผมบอกว่า ผมยินดีที่จะนำพาตระกูลหวง สวามิภักดิ์ต่อคุณ คุณแน่ใจไหมว่าจะให้ผมนั่งตำแหน่งนี้อย่างมั่นคง?”
หยางเฉินพยักหน้า “แน่นอน ถ้าไม่อย่างนั้นบทสนทนาที่ผมคุยกับหวงเทียนเฉินเมื่อครู่ ถือว่าได้ออกคำสั่งแล้ว ไม่ใช่ให้เขารอฟังข่าวจากผม”
ทันใดนั้นหวงเทียนเชิงก็หลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลืมตาขึ้น ภายในดวงตาที่ใสซื่อกะพริบระยิบระยับ “ตกลง ผมรับปาก! ขอเพียงคุณสามารถช่วยให้ผมได้ยึดครองตระกูลหวง อย่างสมบูรณ์ ตระกูลหวงทั้งหมดจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หวงเทียนเชิงพูด รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยางเฉิน “ดี!”
เจตนาเดิมของหยางเฉินในการเดินทางไปยังเมืองเยี่ยนตูในครั้งนี้ ก็เพื่อขัดขวางการแต่งงานของอ้ายหลิน และถือโอกาสสะสางปัญหาของตระกูลหวงไปด้วย
ตอนนี้เรื่องการแต่งงานของอ้ายหลินถือว่าได้รับการสะสางแล้ว จากการแสดงออกของหยางเฉินและหม่าชาวในตระกูลหวังก่อนหน้านี้ นอกเสียจากว่าตระกูลอ้ายจะรนหาที่ตาย ถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่มีวันปฏิเสธการคบหาระหว่างอ้ายหลินกับหม่าชาว
หวงเทียนเชิงยังแสดงออกว่าเต็มใจสวามิภักดิ์ให้ตน เช่นนี้แม้ว่าตนจะยังไม่ได้เหยียบเมืองเยี่ยนตู แต่ก็จะได้ควบคุมตระกูลหวงซึ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูแล้ว
เมื่อได้เข้าควบคุมตระกูลหวงอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาก็จะไปที่ตระกูลอวี๋เหวินด้วยตัวเอง เพื่อตามหาและถามคนคนนั้นว่า เหตุใดตอนแรกถึงต้องการขับไล่ตนและแม่ออกจากตระกูล แล้วยังไล่ออกจากเมืองเยี่ยนตูด้วย
เมื่อนึกถึงเหตุกาณ์ในอดีต ในสายตาของหยางเฉินก็เย็นเยียบ
ในขณะเดียวกัน ณ ห้องผู้ป่วยระดับ VIP ห้องหนึ่งของโรงพยาบาลชุมชนเยี่ยนตู
หวงเทียนเฉินและหวงจง สีหน้ามีแต่ความตื่นเต้น
“ไอ้โง่หวงเทียนเชิงนั่น เห็นเจ้าหนุ่มคนนั้นเป็นคนไม่มีบทบาทอะไร ครั้งนี้เขาเจอของแข็งเข้าให้แล้วจริงๆ”
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ในเมืองหนันหยัง ตอนที่ผมถูกเจ้าหนุ่มนั่นจับกดให้คุกเข่าต่อหน้าสาธารณชน ผมก็รู้ว่าเจ้าหนุ่มนั่นไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก เจ้าโง่หวงเทียนเชิงยังกล้าส่งลูกชายของตัวเองไปหาเจ้าหนุ่มนั่น โง่จนถึงขีดสุด “
“เอาล่ะ เจ้าหนุ่มนั่นเป็นสัตว์ประหลาดที่ตระกูลหวงไม่สามารถรับมือได้ เขาหลบได้แม้แต่กระสุน ลูกน้องของเขาก็เป็นสัตว์ประหลาดเช่นกัน ในเวลาสั้นๆ ไม่กี่วินาที สามารถถอดชิ้นส่วนปืนด้วยมือเดียว”
สองพ่อลูกเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่มีทางปิดบังความสะเทือนใจอย่างรุนแรงที่มีต่อหยางเฉินในคำพูดของพวกเขาได้
“พ่อครับ อย่าบอกนะว่าท่านรับปากเจ้าหนุ่มนั่นจริงๆ ว่าจะยอมสวามิภักดิ์ให้เขา หลังจากที่ท่านได้เป็นผู้นำตระกูลหวง?” จู่ๆ หวงจงก็ถามขึ้น
หวงเทียนเฉินยิ้มเยาะ “เขาจริงจังเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
“ถ้าจะให้ตระกูลหวงของเราสวามิภักดิ์ อย่าว่าแต่คนหนุ่มอายุยังไม่ถึงสามสิบเลย แม้แต่ราชวงศ์แห่งจิ่วโจวก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอ!”
หวงเทียนเฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ชื่อเสียงของนายพลหนึ่งคนมาจากกระดูกแห้งกรังนับหมื่น! ที่ฉันตกลงตามเงื่อนไขของเขา ก็แค่การเสแสร้งรับปากเท่านั้น หลังจากที่เขาช่วยให้ฉันได้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลหวง มันก็จะถึงเวลาตายของเขา!”
“พ่อต้องการจะฆ่าเขาเหรอ?”
หวงจงถามด้วยความแปลกใจ
“เขามีทักษะในด้านศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก แต่แล้วยังไงล่ะ? ปืนกว่ายี่สิบกระบอกยังทำอะไรเขาไม่ได้ ฉันไม่เชื่อว่าปืนไรเฟิลซสไนเปอร์กว่ายี่สิบกระบอก จะยังทำอะไรเขาไม่ได้เหมือนกัน?”
หวงเทียนเฉินหัวเราะเยาะ ในคำพูดเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าต่อหยางเฉิน
หวงจงได้ยินเช่นนี้ ภายในใจก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง สติปัญญาบอกเขาว่า หยางเฉินแข็งแกร่งมาก อาจจะไม่เกรงกลัวต่อปืนไรเฟิลซุ่มยิง
แต่เมื่อนึกถึงความอัปยศอดสูที่หยางเฉินนำมาให้ตน เจตนาฆ่าที่เขามีต่อหยางเฉินก็มากขึ้นเรื่อยๆ เขาพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “พ่อพูดถูก ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ปืนไรเฟิลซุ่มยิงกว่ายี่สิบกระบอกก็สามารถยิงเขาจนพรุนได้!”
และในเวลานี้เอง ประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกผลักเปิดออกอย่างกะทันหัน
“ใครน่ะ?”
ขณะที่สองพ่อลูกกำลังคุยอย่างออกรสชาติ ก็ได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก พวกเขาต่างหันไปมองที่ประตูทันที
ในเวลานี้ เห็นชายรูปร่างสูงใหญ่กำลังล็อกประตูห้องผู้ป่วยและหันหลังให้พวกเขา
“หม่าชาว!”
เมื่อสองพ่อลูกเห็นชายรูปร่างสูงใหญ่หันกลับมา สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนไปมากทันที มันเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว
โดยเฉพาะหวงจง ยิ่งหวาดกลัวจนบอกไม่ถูก
เขาเคยเห็นกับตาตัวเองแล้วว่า หม่าชาวแข็งแกร่งเพียงใด
ในเวลานี้ เขามาถึงห้องผู้ป่วย แล้วยังล็อกประตูห้องผู้ป่วยอีกด้วย เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?
“คุณหม่านี่เอง คุณหม่ามาหาเรา เพราะคุณหยางต้องการสั่งการอะไรพวกเราใช่ไหม?”
หวงเทียนเฉินได้สติก่อน รีบพูดด้วยรอยยิ้มสอพลอ
ดูเหมือนว่า เขาจะมีท่าทีเคารพยำเกรงหม่าชาวมาก
แต่ทว่าหม่าชาวไม่ได้พูดอะไรสักคำ ความเย็นชาท่วมตัว ก้าวเดินไปที่เตียงผู้ป่วย
ทั้งหวงเทียนเฉินและหวงจง รู้สึกถึงความหวาดกลัวออกมาจากจิตวิญญาณอย่างน่าประหลาด
“คุณมาทำอะไรที่นี่กันแน่?”
ในที่สุดหวงจงเบลล์ก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ยปากถามขึ้น
“ฆ่าคน!”
หม่าชาวพูดเพียงสองคำเท่านั้น
ทันทีที่เสียงของเขาเงียบลง กริชระยิบระยับก็ปรากฏขึ้นในมือของหม่าชาวอย่างฉับพลัน
“พรึ่บ!”
เห็นเพียงแสงระยิบระยับอันเย็นยะเยือก ร่างของหม่าชาวก็หายไปจากจุดนั้น วินาทีต่อมา เส้นเลือดที่ลำคอของหวงจงก็ค่อยๆ ผลิบาน
ความหวาดกลัวบนใบหน้าของหวงจงชะงักงัน เขาเอามือทั้งสองกุมลำคอไว้แน่น
เลือดไหลทะลักออกมาตามนิ้วมือทั้งห้าของเขาอย่างมากมาย
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา หวงจงถูกฆ่าตายก่อนที่ทั้งสองจะทันได้ตอบโต้ด้วยซ้ำ
เกรงว่าเขาจะไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าคำว่า “ฆ่าคน” สองคำนี้ จะเป็นสองคำสุดท้ายที่เขาจะได้ยินในชีวิตของเขา
พอเห็นหวงจงถูกฆ่า หวงเทียนเฉินก็มีสีหน้าโกรธจัด ตะโกนว่า “องครักษ์! องครักษ์! ฆ่าเจ้าหมอนี่ซะ!”
แม้ว่าเขาจะแผดเสียงแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินเขา
นี่คือห้องผู้ป่วยระดับ VIP ของโรงพยาบาลชุมชนเยี่ยนตู มันมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันเสียงที่ดีอยู่แล้ว
หวงเทียนเฉินนอนอยู่โรงพยาบาล จะไม่มียอดฝีมือคอยปกป้องได้อย่างไร?
การที่หม่าชาวสามารถเข้ามาในห้องผู้ป่วยได้ แสดงให้เห็นว่าคนของหวงเทียนเฉินจำนวนมากถูกจัดการหมดแล้ว
“ต่อให้คุณเรียกจนคอแตก ก็ไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้!”
หม่าชาวพูดไปพลางเดินไปพลาง สายตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ในมือยังถือกริชที่มีเลือดหยดอยู่ตลอดเวลา
สีหน้าของหวงเทียนเฉินเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความโกรธ ร่างกายยังคงสั่นเทาไม่หยุด
“คุณ…คุณอย่าเข้ามานะ!”
เขาเข้าไปหลบอยู่หลังเตียง แล้วตะโกนขึ้นมา
หม่าชาวเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างง่ายดาย ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “คุณตายได้แล้วล่ะ!”
“บอกผมได้ไหม หยางเฉิน เขาเป็นใครกันแน่?”
สีหน้าของหวงเทียนเฉินเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ไม่ต่อสู้ดิ้นรนอีก เขารู้ว่าต่อให้ดิ้นรนแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง หม่าชาวก็เอ่ยปากบอกว่า “เขาเกิดมาเพื่อเป็นราชา มีอายุเท่ากับประเทศ! ในชายแดนเหนือ เขามีฉายาว่า หยางไร้พ่าย!”
“หยางไร้พ่าย?”
“เขานั่นแหละ!”
“เป็นจอมพลที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศจิ่วโจว!”
“เขานั่นเอง! ผมน่าจะนึกถึงเขาตั้งแต่แรก แต่จะทำอย่างไรได้ ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว! สายเกินไป…”
ความตกใจและความโศกเศร้าปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของหวงเทียนเฉิน
เขายังพูดไม่ทันจบ กริชในมือของหม่าชาวก็แวบผ่านไป
หวงเทียนเฉิน ตายซะ!
ไม่นาน ข่าวการสังหารหวงเทียนเฉินและหวงจงได้กระจายไปทั่วทั้งเมืองเยี่ยนตู
เพียงชั่วครู่ คนของตระกูลชั้นนำทั่วทั้งเมืองเยี่ยนตูต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก