The king of War - บทที่ 517 ต้อนรับขับสู้
ยิ่งไปกว่านั้น คนแก่ตรงหน้าอายุปาเข้าไป 80 ปีแล้ว เขาคือคนที่ฆ่าพ่อแท้ๆ ของฉินซี
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
เย่จี้จงตวาดอย่างโมโห
เขาเป็นเจ้าบ้านตระกูลเย่มาหลายสิบปี ไม่เคยมีใครไร้มารยาทกับเขาเช่นนี้
หยางเฉินชะงักฝีเท้า และหันกลับไปมอง เย่จี้จง เขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “มีอะไรอีก”
“ปัง!”
เย่จี้จงใช้มือตบลงบนโต๊ะชาอย่างแรง จากนั้นจึงพูดอย่างโมโห “นายคือสามีของเย่เสี่ยวซี ก็เท่ากับเป็นหลานเขยของฉัน เมื่อเจอฉัน ก็ควรทำความเคารพไม่ใช่หรือไง”
หยางเฉินอึ้งไป จากนั้นจึงนึกได้ว่าเย่เสี่ยวซีก็คือฉินซี
“ภรรยาผมชื่อฉินซี ไม่ใช่เย่เสี่ยวซี”
แววตาของหยางเฉินเย็นยะเยือก และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “บนโลกใบนี้ ไม่มีใครทำให้คนอย่างหยางเฉินเคารพได้! จะให้ทำความเคารพคุณงั้นเหรอ ไม่มีทาง!”
ตอนนี้สีหน้าของหยางเฉิน เต็มไปด้วยความโมโห น้ำเสียงของเขาเย็นชา ทุกคนรู้สึกถึงความเย็นปกคลุมไปทั่วร่างกาย ขนาดเย่จี้จงเอง ยังอดตัวสั่นไม่ได้
เขารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ที่แผ่ออกมาจากตัวหยางเฉิน
ราวกับว่าถ้าหยางเฉินต้องการชีวิตเขา ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
“หยางเฉิน อย่าบังอาจ!”
จู่ๆ เย่ม่านก็โมโหขึ้นมา และตวาดใส่หยางเฉิน
หยางเฉินมองเย่ม่านอย่างเย็นชา “อย่าลืมที่ผมเคยพูด ความสัมพันธ์ของผมกับตระกูลเย่ แค่ความร่วมมือทางธุรกิจเท่านั้น แต่ไม่ใช่มาควบคุมผม! ไม่อย่างนั้น สัญญาระหว่างเรา ก็ล้มเลิกมันไปซะ!”
เย่ม่านชะงักไป ตอนเจรจากับหยางเฉินที่เจียงโจว หยางเฉินพูดไว้ว่าทั้งสองฝ่าย มีความสัมพันธ์แค่ทางธุรกิจเท่านั้น
แต่เย่จี้จงกลับแสดงออกว่าต้องการควบคุมหยางเฉิน เห็นได้ชัดว่าตระกูลเย่ละเมิดสัญญาก่อน
เย่จี้จงสีหน้าเคร่งขรึมจนน่ากลัว เขาโกรธจนตัวสั่น
หยางเฉินทำให้เขาลำบากใจ ต่อหน้าแขกตระกูลใหญ่ในเมืองเยี่ยนตู ที่มากันอย่างมากมาย
เย่ชังได้โอกาส จึงกัดฟันพูดว่า “พ่อ ไอ้หมอนี่ มาหาเรื่องตระกูลเย่ชัดๆ ผมว่าฆ่ามันเลยดีกว่า!”
ตอนนี้ความเกลียดที่เย่ชังมีต่อหยางเฉิน พุ่งขึ้นถึงขีดสูงสุด
สำหรับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉิน เขาคงไม่หลุดออกจากตำแหน่งผู้สืบสกุล
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า มีประกายไฟลุกขึ้นมาในแววตาของเย่หวูซวงที่เงียบมาตลอด
เขาจงใจใช้ชื่อเสียงของเจ้าบ้านเย่ เชิญหยางเฉินมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิด นี่คือแผนการร้ายของเขา
ตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เย่ชังคือเจ้าบ้านคนต่อไป
ในฐานะที่เย่หวูซวง เป็นหลานคนแรกในบรรดาหลานๆ แน่นอนว่าเขาต้องมีความทะเยอทะยาน และต้องขัดขวางไม่ให้เย่ชังได้เป็นเจ้าบ้านคนต่อไป
เย่จี้จงมีลูกชายเพียงสองคน คนแรกคือพ่อของเย่หวูซวง คนที่สองคือเย่ชัง
ถ้าเย่ชังหลุดออกจากตำแหน่งเจ้าบ้าน งั้นคนที่มีโอกาสได้เป็นเจ้าบ้านตระกูลเย่มากที่สุด ก็คือเขา
ส่วนเย่ม่าน ก็แค่คนที่มีอำนาจเล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้นเย่หวูซวงจึงลองยืมมือหยางเฉิน มาจัดการเย่ชัง
ถ้าเย่ชังโดนจัดการ ตำแหน่งผู้สืบสกุล ต้องตกอยู่ในมือเขาอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าการที่เย่หวูซวงทำเช่นนี้ เพราะเขารู้ถึงความสามารถของหยางเฉิน
ตอนนี้เย่ชังหลุดออกจากตำแหน่งเจ้าบ้าน และหยางเฉินก็ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเย่จี้จงต่อหน้าทุกคน เย่ม่านจะต้องสูญเสียอำนาจแน่
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งตระกูลเย่ ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์มาแย่งตำแหน่งเจ้าบ้านกับเขาอีก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจของเย่หวูซวงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ตอนนี้ เขาแค่รอดูอะไรสนุกๆ เท่านั้น
“คนวัยนี้ช่างโอหังเสียเหลือเกิน นี่คือเจ้าบ้านตระกูลเย่เชียวนะ เขากล้าด่าเจ้าบ้านต่อหน้าทุกคน”
“ใช่ จะพูดก็พูดเถอะ ยังไงเขาก็เป็นหลานเขยของเจ้าบ้านตระกูลเย่ ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่เจ้าบ้านตระกูลเย่ เขาคงโดนเย่ชังฆ่าไปแล้ว”
“เธอไม่ได้ยินเหรอ เขาเป็นราชาแห่งเมืองเจียงผิงกับหนันยัง อยู่ในเมืองเถื่อนแบบนั้นตั้งนาน เลยมองอะไรตื้นๆ ไง”
“เจ้าบ้านเย่ต้องไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่”
แขกที่มาร่วมงานวันเกิด ต่างพากันซุบซิบ
สีหน้าของเย่จี้จงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาเงียบและเอาแต่มองหยางเฉิน
ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงพูดออกมา “ช่างสิ! ไม่ว่ายังไง นายก็เป็นหลานเขยของฉัน วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบอายุ 80 ปีของฉัน นายคงจะไม่ปฏิเสธใช่ไหม”
จู่ๆ ท่าทีของเย่จี้จงก็เปลี่ยนไป จนทำให้หยางเฉินคาดไม่ถึง
เขาไม่อยากคุยกับคนตระกูลเย่ แต่ไม่ว่ายังไง นี่ก็เป็นตระกูลของฉินซี
ส่วนเรื่องการตายของพ่อฉินซีที่เขารู้ ก็แค่มาจากปากของเย่ม่านเท่านั้น ส่วนความจริงเป็นอย่างไร เขายังไม่ได้พิสูจน์
ถึงจะแก้แค้นเรื่องพ่อแทนฉินซี แต่ก็ต้องรู้ความจริงให้แน่ชัดเสียก่อน
“ในเมื่อเจ้าบ้านเย่มาเชิญขนาดนี้ งั้นผมก็มิกล้าปฏิเสธ!”
จู่ๆ หยางเฉินยิ้ม แล้วเดินไปนั่งโต๊ะที่อยู่ข้างๆ เย่จี้จง
ทุกคนมีสีหน้าประหลาดใจ
เมื่อกี้ยังทะเลาะกันอยู่เลย นี่สงบศึกกันแล้วเหรอ
“เย่ม่าน ส่งคนไปรับหลานสาวฉันที่เจียงโจว ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันนานแล้ว”
หลังจากที่หยางเฉินนั่งลง จู่ๆ เย่จี้จงก็พูดสั่งเย่ม่าน
เมื่อเย่จี้จงพูดเช่นนั้น สีหน้าของหยางเฉินเคร่งขรึมทันที
สีหน้าของเย่ม่านก็ไม่สู้ดีเหมือนกัน เธอมองหยางเฉินอย่างลำบากใจ
เธอรู้ว่าฉินซีคือจุดอ่อนของหยางเฉิน เขาปกป้องเธออย่างดี ไม่งั้นตอนอยู่เจียงโจว หยางเฉินคงไม่ขัดขวางพวกเธอสองแม่ลูกให้เจอกัน
“ทำไม เธอไม่อยากทำเหรอ”
เย่จี้จงเห็นสายตาที่เย่ม่านมองหยางเฉิน เขาจึงขมวดคิ้วและถามอย่างไม่พอใจ
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ “ก่อนอื่น ภรรยาผมไม่ได้ชื่อเย่เสี่ยวซีอะไรนั่น เธอชื่อฉินซี นอกจากนี้ตอนนี้เธอยังไม่มีความคิดที่จะกลับมาตระกูลเย่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนถึงกับตกตะลึง
โดยเฉพาะเหล่าแขกที่มาร่วมงานวันเกิดครบรอบ 80 ปีของเย่จี้จง พวกเขาตกตะลึงมาก
ตระกูลเย่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู เป็นตระกูลสูงส่งโดยแท้ ทุกคนดิ้นรนสุดชีวิต เพื่อเข้ามาทำความรู้จักกับตระกูลเย่
ตอนนี้เจ้าบ้านเย่ต้องการพบหลานสาว คิดไม่ถึงว่าหยางเฉินจะปฏิเสธ
เหมือนว่าเขายังไม่ต้องการให้หลานสาวของเย่จี้จงกลับตระกูล
สีหน้าของ เย่จี้จงเคร่งขรึมจนน่ากลัว ถึงเขาจะอายุ 80 แล้ว แต่เขายังดูมีอำนาจมาก นอกจากหยางเฉินกับหม่าชาว คนอื่นๆ ล้วนรู้สึกถึงความกดดัน จนแทบจะหายใจไม่ออก
“ถึงเธอจะไม่ได้เป็นสายเลือดโดยตรงของตระกูลเย่ แต่ในตัวเธอมีสายเลือดของตระกูลเย่อยู่ครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าพ่อเธอจะนามสกุลอะไร เธอก็ต้องใช้นามสกุลเย่!”
เย่จี้จงตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
ถึงฉินซีจะเป็นเพียงหลานสาว แต่เขาก็ต้องการให้เธอใช้นามสกุลเดียวกับเขา
หยางเฉินกลับไม่กลัวแม้แต่น้อย เขามองเย่จี้จงอย่างไม่เกรงกลัว และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จากที่คุณพูด ผมในฐานะที่เป็นสามีของฉินซี ก็ต้องใช้นามสกุลเย่เหมือนคุณหรือเปล่า”
“ใช่!”
เหนือความคาดหมาย คิดไม่ถึงว่า เย่จี้จง จะดึงดันถึงเพียงนี้ เขาแค่ถามออกไปเฉยๆ แต่เย่จี้จงกลับตอบตกลงที่จะให้หยางเฉิน ใช้นามสกุลเย่จริงๆ
“ในตระกูลเย่ มีเพียงนามสกุลเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือนามสกุลเย่”
“คนในตระกูลเย่ ไม่ว่าจะแต่งเข้าหรือแต่งออก ก็ต้องใช้นามสกุลเย่!”