The king of War - บทที่ 544 อีกด้านหนึ่งของแปดตระกูล
“ไอ้กระจอกอย่างพวกแกสองคน กล้ามาดูถูกฉันเช่นนี้ พวกแกต้องชดใช้กับสิ่งที่ตัวเองทำ!” หลินเป้าตวาดเสียงดัง
เขาพูดจบ มีคนยี่สิบกว่าคน เดินเข้าไปหาหลินเป้า
“นั่นหลินเทียนเจ๋อ! ลูกชายหลินเป้า เจ้าบ้านตระกูลหลินคนปัจจุบัน!”
มีคนในตระกูลเย่รู้จักผู้ที่มาถึง จู่ๆ พวกเขาก็อึ้งไป
อีกทั้งยังมีชายร่างกายบึกบึนยี่สิบกว่าคน ยืนอยู่ข้างหลังหลินเทียนเจ๋อ ดูก็รู้ว่าเป็นผู้มีฝีมือของตระกูลหลิน
จู่ๆ เจ้าบ้านตระกูลหลินอย่างหลินเทียนเจ๋อ พาคนมาเยอะขนาดนี้ ไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน
“พ่อ!”
หลังจากหลินเทียนเจ๋อเดินมาข้างหน้าหลินเป้า เขาโค้งหัวให้เล็กน้อย
จากนั้นสายตาดุราวกับเหยี่ยว มองไปที่หม่าชาว
เขารู้ว่าหม่าชาวเยาะเย้ยหลินเป้าเมื่อครู่
“ไอ้กระจอก ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกคือใคร มาดูหมิ่นพ่อฉัน แกต้องชดใช้กับเรื่องนี้!”
จู่ๆ หลินเทียนเจ๋อเอ่ยขึ้น เพียงเริ่มพูด ก็ข่มขู่หม่าชาวให้ชดใช้เสียแล้ว
หม่าชาวแสยะยิ้ม มองหลินเป้าที่กำลังโกรธอย่างเย้ยหยัน หม่าชาวพูดยียวนว่า “ทำไม ตาเฒ่าสู้ไม่ได้ ลูกชายออกโรงแทนเหรอ ถ้าลูกชายสู้ไม่ได้ ต้องเรียกหลานออกมาด้วยหรือเปล่า อ้อ ไม่ใช่สิ หลานนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นแล้วนิ”
“แกจะยั่วโมโหตระกูลหลินอีกใช่ไหม” หลินเทียนเจ๋อพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ ทว่าแววตาของเขาเคร่งขรึมจนน่ากลัว
“วันนี้เป็นพิธีศพของพ่อฉัน เจ้าบ้านตระกูลหลินพาคนมาเยอะแบบนี้ กลัวว่าจะมาด้วยเจตนาไม่ดี”
ขณะนั้น เย่ม่านเดินออกมา เธอมองหลินเทียนเจ๋อและถามขึ้น
หลินเทียนเจ๋อจึงหันไปมองเย่ม่าน แววตาของเขาเย็นยะเยือก “พ่อฉันพาคนมาเคารพศพเจ้าบ้านเย่ ด้วยเจตนาดี แต่กลับโดนฝูงหมาของเธอดูหมิ่น ตระกูลเย่จะให้เรื่องจบแบบนี้เหรอ”
“เจตนาดีเหรอ”
เย่ม่านแสยะยิ้ม “พ่อคุณใช้ความอาวุโสของตัวเอง ดูถูกฉันต่อหน้าทุกคน อีกทั้งยังบีบบังคับให้ฉันแต่งเข้าตระกูลหลิน ถ้าเจ้าบ้านตระกูลเย่อย่างฉัน แต่งเข้าตระกูลหลิน ต่อไปตระกูลเย่คงต้องฟังตระกูลหลินทุกเรื่องไม่ใช่หรือไง”
“แค่ผู้หญิงที่ฆ่าพ่อเพื่อแย่งตำแหน่ง มีหน้าเรียกตัวเองว่าเจ้าบ้านตระกูลเย่ด้วยเหรอ” หลินเทียนเจ๋อแสยะยิ้ม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ก่อนหน้านี้หลินเป้าด่าเธอว่าฆ่าพ่อเพื่อแย่งตำแหน่ง ใครจะไปคิดว่าหลินเทียนเจ๋อจะพูดเหมือนกัน ถึงอารมณ์เย่ม่านจะดีแค่ไหน ทว่าตอนนี้เธอไม่สามารถสะกดกลั้นความโกรธได้
“หุบปากนะหลินเทียนเจ๋อ!”
เย่ม่านตวาดขึ้น เธอพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “นี่เป็นเรื่องของตระกูลเย่ คุณแค่คนนอก ไม่มีสิทธิ์มาพูด!”
“ฉันยังยืนยันเหมือนที่พูดกับพ่อคุณ ถ้าพวกคุณมาเพื่อเคารพศพพ่อฉัน ตระกูลเย่ยินดีต้อนรับ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็รีบไสหัวไปออกไปจากตระกูลเย่ซะ!”
เย่ม่านกวักมือ “ผู้พิทักษ์ตระกูลเย่!”
เมื่อเธอพูดจบ ทีมผู้แข็งแกร่งตระกูลเย่สิบกว่าคน รีบพุ่งออกมาล้อมคนตระกูลหลินเอาไว้
ตอนนี้เย่ม่านดูมีอำนาจมาก
หลินเทียนเจ๋อกลับไม่กลัวสักนิด เขายิ้มเย้ยหยัน “ทำไมเหรอ เธออับอายจนโกรธเลยเหรอ”
เย่ม่านไม่พูดอะไร สายตาเย็นชาจ้องหลินเทียนเจ๋อเขม็ง
คนตระกูลเย่ มองคนของตระกูลหลินด้วยความเย็นชา
“เจ้าบ้านของพวกคุณ โดนผู้หญิงคนนี้ทำให้โมโหจนตาย พวกคุณยังปกป้องให้ผู้หญิงคนนี้ มาเป็นเจ้าบ้านตระกูลเย่อีกเหรอ” หลินเทียนเจ๋อกวาดตามองคนตระกูลเย่ และถามอย่างยียวน
“หุบปาก! เรื่องของตระกูลเย่ เราจัดการเองได้ ในเมื่อคนตระกูลหลิน ไม่ได้มาเคารพศพนายท่านอย่างจริงใจ งั้นก็ไสหัวไปจากตระกูลเย่ซะ!”
ผู้อาวุโสในตระกูลทนดูไม่ได้อีกแล้ว เขาพูดอย่างเดือดดาล
“คนของตระกูลหลิน ไสหัวออกไปจากตระกูลเย่! ที่นี่ไม่ต้องรับพวกนาย!”
“ไสหัวออกไปจากตระกูลเย่!”
……
ทันใดนั้น คนตระกูลเย่ต่างพากันตะโกนออกมา
ตอนนี้ตระกูลเย่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
หยางเฉินรู้สึกปลื้มใจ ถ้าตระกูลเย่สามัคคีกันเร็วกว่านี้ คงจะแซงหน้าอีกเจ็ดตระกูลไปตั้งนานแล้วมั้ง
“ตระกูลเย่คึกคักดีจริงๆ!”
ขณะนั้น มีคนแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้น คนที่พูดเป็นชายวัยกลางคน โดยมีคนติดตามมาประมาณยี่สิบคน
เมื่อเห็นคนที่มา เย่ม่านหน้าซีดเผือด
เพราะเธอรู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร แถมยังพาผู้แข็งแกร่งมาอีกยี่สิบคน ดูเหมือนไม่หวังดี เหมือนตระกูลหลินไม่มีผิด
เธอคิดไม่ถึง เย่จี้จงเพิ่งตาย ตระกูลเย่ก็กลายเป็นเป้าโจมตี
คนพวกนี้มาตระกูลเย่ คงคิดว่าตระกูลเย่ไม่เหลือใครแล้ว จึงได้โอกาสมาหาผลประโยชน์
“พี่ซุน ผมคอยพี่ตั้งพักใหญ่ ถ้าพี่ยังไม่มาอีก ผมคงโดนคนตระกูลเย่ไล่ออกไปแล้ว”
หลินเทียนเจ๋อมองคนที่เดินนำมา เขาหัวเราะและเอ่ยขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเขานัดกับอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว
คนที่ทำให้หลินเทียนเจ๋อเรียกว่าพี่ซุน คงมีเพียงคนในตระกูลซุน หนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู
ท่าทางของคนที่มาไม่ธรรมดา มีอำนาจน่าเกรงขาม ฐานะของเขาน่ากลัว เขาคือซุนซวี่ เจ้าบ้านตระกูลซุน
เมื่อซุนซวี่ได้ยิน ก็หัวเราะเสียงดัง “พี่หลินพูดตลกอะไร ถึงเย่จี้จงยังมีชีวิตอยู่ ก็คงไม่กล้าไล่คนตระกูลหลินหรอก ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวของเย่จี้จง เป็นแค่ผู้หญิง กล้าไล่พี่หลินอย่างนั้นเหรอ”
“ฮ่าๆ พี่ซุนพูดถูก แค่ผู้หญิงคนเดียว กล้ามาไล่คนตระกูลหลินเหรอ”
หลินเทียนเจ๋อหัวเราะ จากนั้นจึงมองไปยังเย่ม่าน และพูดอย่างยียวน “ตอนนี้ เธอยังจะไล่พวกเราหรือเปล่า”
ซุนซวี่ยิ้มตาหยีมองเย่ม่าน ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยการข่มขู่
เจ้าบ้านสองตระกูลใหญ่ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู พาคนมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการบีบตระกูลเย่ให้ก้มหัว
คนตระกูลเย่สีหน้าสลด ตระกูลเย่ หนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู เคยรุ่งเรืองมามากขนาดไหน
พอ เย่จี้จงตาย สองตระกูลใหญ่ก็มากดดันตระกูลเย่ ในพิธีศพของเขา
แค่ตระกูลหลินตระกูลเดียว ก็ทำให้ตระกูลเย่รู้สึกกดดันมากแล้ว นี่ยังมีตระกูลซุนอีก ตระกูลเย่จะรับมือได้อย่างไร
“พวกคุณจะเอายังไงกันแน่”
เย่ม่านกัดฟันพูด
ถ้าตระกูลซุนกับตระกูลหลินร่วมมือกัน จะแข็งแกร่งขนาดไหน ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ เหตุผลที่ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเท่าเทียมกันเช่นนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ระหว่างแปดตระกูล ไม่มีใครก้าวก่ายเรื่องในตระกูลของกันและกัน
เพราะเหตุนี้ ความเท่าเทียมระหว่างแปดตระกูล ถึงยาวนานขนาดนี้ ไม่ว่าสองตระกูลไหนจะร่วมมือกัน ก็สามารถสร้างความกดดันให้อีกตระกูลหนึ่งเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ตระกูลซุนกับตระกูลหลินร่วมมือกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์เดียวกัน พวกเขาไม่มีทางร่วมมือกันแน่นอน
“พ่อฉันมาคุยเรื่องแต่งงานด้วยตัวเอง แต่เธอไม่ไว้หน้าเขาสักนิด เรื่องนี้ต้องหาคำอธิบายมาให้ตระกูลหลิน”
“ขณะเดียวกัน ตามที่พ่อฉันตกลงกับนายท่านตระกูลเย่ เธอต้องแต่งเข้าตระกูลหลิน”
“นอกจากนั้น คนตระกูลเย่ ทำร้ายลูกชายฉัน เรื่องนี้จัดการง่ายมาก ใครเป็นคนทำ เอาตัวมันมา ฉันต้องการแค่ชีวิตมันเท่านั้น”
“เรื่องแค่ไม่กี่เรื่อง จัดการดีๆ ตระกูลหลินจะรีบพาคนกลับไปทันที”
หลินเทียนเจ๋อยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
ซุนซวี่ก็ยิ้มเช่นกัน “การที่ตระกูลซุนมาในวันนี้ เพราะต้องการต่อสู้เพื่อตระกูลหลิน ในเมื่อตระกูลหลินถอย ตระกูลซุนก็ถอยเช่นกัน”
เจ้าบ้านสองตระกูลใหญ่ บีบบังคับผู้หญิงเพียงคนเดียว