The king of War - บทที่ 558 ขอร้องให้คุณปล่อยเขาไป
“พี่เฉิน!”
เฉียนเปียวกลับมาด้านหลังของหยางเฉินด้วยความสุภาพเรียบร้อย
โจวยู่ชุ่ยที่เพิ่งขึ้นมาข้างบนก็เห็นหน้าหยางเฉินเข้าพอดี และทำหน้าเกลียดชังขึ้นมาทันที เธอพูดพร้อมกัดฟันว่า “หยางเฉิน นึกไม่ถึงสินะ ว่าแกเองก็จะมีวันนี้เหมือนกัน?”
เธอยังไม่รู้สถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ว่าเป็นยังไง พูดพร้อมกัดฟันว่า “แกไม่ต้องห่วง หลังจากที่แกตายไป คุณชายปิงก็จะช่วยให้ฉันได้ทุกอย่างมาครอบครองเอง!”
“ส่วนฉินซีกับฉินยีนังสารเลวสองคนนั่น พวกมันก็จะกลายเป็นของเล่นของคุณชายปิงเหมือนกัน”
“ส่วนฉัน ก็จะได้คฤหาสน์ของแก รถหรูของแก กับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปของแกมาครอบครอง ฮ่าฮ่าฮ่า……”
โจวยู่ชุ่ยทำหน้าได้ใจ และหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
พอได้เห็นโจวยู่ชุ่ยที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งนั้น หยางเฉินก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที รู้สึกปวดใจแทนฉินซีกับฉินยี
โดยเฉพาะฉินยี เพราะเธอยังเป็นลูกแท้ๆ ของโจวยู่ชุ่ยด้วย แต่โจวยู่ชุ่ยกลับยังพูดในสิ่งที่ไร้ยางอายแบบนี้ออกมาได้ถึงขั้นร่วมมือกับคนนอกเพื่อจับฉินยีเป็นตัวประกันด้วย
ใช้ชีวิตของลูกสาวมาข่มขู่คนอื่น มันช่างเป็นเรื่องประชดที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
“ป๊าบ!”
จู่ๆ อวี๋เหวินปิงก็ตบหน้าของโจวยู่ชุ่ยไปทีหนึ่ง แล้วพูดตำหนิออกมาว่า “นังผู้หญิงไร้สมอง หุบปากเดี๋ยวนี้เลย!”
ในตอนนี้ คนของเขาได้ถูกจัดการไปหมดแล้ว และยังได้เห็นความหน้ากลัวของหยางเฉินด้วยตาตัวเอง เดิมทีเขาก็กำลังกระวนกระวายใจอยู่แล้ว โจวยู่ชุ่ยยังดันไม่รู้สถานะของตัวเองอีก
โจวยู่ชุ่ยเองก็ถูกตบจนงงไปเลย แล้วถามด้วยสีหน้าที่สงสัยไปว่า “คุณชายปิง นี่คุณจะตบฉันทำไมคะ? หยางเฉินมันตกอยู่ในมือของคุณแล้ว มันจะเป็นหรือตาย ก็อยู่ที่คุณสั่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
อวี๋เหวินปิงนั้นเมินเฉยกับผู้หญิงไร้สมองคนนี้ไปทันที แล้วจ้องมองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น “หยางเฉิน ต่อให้แกจะฆ่าคนของฉันไปจนหมด แล้วมันจะยังไง? ฉันเป็นถึงพี่ชายของแก แกสามารถฆ่าคนอื่นได้ แต่แกจะฆ่าฉันไม่ได้!”
หยางเฉินขำประชด “คุณฆ่าผมได้ แล้วทำไมผมจะฆ่าคุณไม่ได้ล่ะ? ตรรกะของคุณนี่มันช่างน่าสนใจจริงๆ”
จนถึงตอนนี้ โจวยู่ชุ่ยถึงได้รู้ตัวขึ้นมาบ้างแล้ว เธอมองไปยังศพเจ็ดแปดศพที่นอนอยู่รอบๆ แล้วเชื่อมโยงบทสนทนาระหว่างอวี๋เหวินปิงกับหยางเฉิน โจวยู่ชุ่ยก็รู้สึกอ่อนแรงและทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น
จะบอกว่า คนที่นอนอยู่เบื้องล่างของอวี๋เหวินปิง ถูกหยางเฉินฆ่าตายทุกคนเลยอย่างนั้นเหรอ?
“อวี๋เหวินปิง ตอนนี้คุณยังมีอะไรที่จะสั่งเสียอีกมั้ย เห็นแก่ที่เป็นสายเลือดเดียวกัน ผมจะส่งต่อคำสั่งเสียนั่นให้เอง”
หยางเฉินพูดออกมาอย่างกะทันหัน
“นี่แกคิดจะฆ่าฉันจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?”
อวี๋เหวินปิงพูดออกมาด้วยความโมโห สายตาที่แดงก่ำกำลังจ้องมองไปที่หยางเฉิน พูดพร้อมกัดฟันแน่นว่า “ฉันเป็นถึงพี่ใหญ่ของแก ถ้าแกกล้าฆ่าฉัน ตระกูลอวี๋เหวินก็ไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่นอน”
“คุณคิดจริงๆ เหรอว่า ตระกูลอวี๋เหวินในตอนนี้ จะสามารถขัดขวางผมได้จริงๆ?”
หยางเฉินเดือดดาลขึ้นมาทันที เหมือนมีไฟแห่งโทสะกำลังลุกไหม้อยู่ในดวงตาคู่นั้น
“หลายปีก่อน แม่ของคุณ กลัวผมจะไปแย่งชิงตำแหน่งผู้นำของตระกูลอวี๋เหวิน ปั่นหัวอวี๋เหวินเกาหยาง ให้ขับไล่ผมกับแม่ให้ออกจากตระกูล แม้แต่เมืองเยี่ยนตูก็ยังอยู่ต่อไม่ได้”
“แม่ของคุณถึงขั้นส่งคนมาตามฆ่า ถ้าไม่ใช่เพราะผมดวงแข็ง เกรงว่าคงจะถูกฆ่าตายไปนานแล้วมั้ง?”
“ตอนนี้ คุณกลับมาพูดถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องกับผมอย่างนั้นเหรอ? คุณมีค่าพอที่จะใช้คำว่าพี่น้องด้วยเหรอ?”
“ส่วนตระกูลอวี๋เหวินอันน่าภูมิใจที่คุณพูดถึงนั้น ตอนนี้ในสายตาของผม มันไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น แค่เพียงผมต้องการผมก็สามารถทำให้ตระกูลอวี๋เหวินล่มสลายไปได้ทุกเมื่อเลย!”
ความอาฆาตแค้นที่มากมายได้เอ่อล้นออกมาจากร่างกายของหยางเฉิน
เมื่อสัมผัสถึงความอาฆาตนี้ อวี๋เหวินปิงก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว คำพูดของหยางเฉิน ยิ่งทำให้ในใจของเขารู้สึกตกใจอย่างถึงที่สุด
เขาสามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่หยางเฉินพูดมามันเป็นความจริงทั้งหมด ในสายตาของหยางเฉินนั้น ตระกูลอวี๋เหวินก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย
ความจริง หลังจากที่หยางเฉินกับแม่ถูกขับออกจากเมืองเยี่ยนตูแล้ว อวี๋เหวินปิงก็จับตาดูหยางเฉินตลอดมา ตอนที่หยางเฉินแต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลฉิน เขาก็รับรู้ได้ในทันทีว่าน้องชายต่างแม่คนนี้ได้หมดอนาคตไปแล้วแน่นอน และไม่มีทางที่จะมาแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลกับเขาอีกแล้ว
แต่หลังจากนั้น จู่ๆ หยางเฉินก็หายตัวไปห้าปี
เขาตามสืบอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้เบาะแสอะไรเลย และได้เชื่อว่าหยางเฉินได้ตายไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อครึ่งปีก่อนตอนที่เขาแอบไปได้ยินเข้าว่า อวี๋เหวินเกาหยางได้สั่งพ่อบ้านให้ไปตามหาหยางเฉินที่เจียงโจว ให้รับกลับมาที่เมืองเยี่ยนตู เพื่อมาปกครองตระกูลอวี๋เหวิน เขาก็ยังไม่มีทางรู้ว่าหยางเฉินยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ
และเพราะเรื่องนี้ ถึงทำให้เขารู้ตัวว่าตำแหน่งผู้สืบทอดของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนักแล้ว
ว่าแล้ว เขาก็ใช้เส้นสายทุกอย่างที่มี พยายามกดดันหยางเฉินทุกวิถีทาง
ทว่า สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ไม่ว่าเขาใช้วิธีอะไรก็ตาม หยางเฉินก็สามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย
จนเมื่อหยางเฉินก้าวเข้ามาในเมืองเยี่ยนตู แล้วเขาก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลอวี๋เหวิน เขาถึงได้รู้ว่า ลูกนอกคอกของวงศ์ ตระกูลที่เขาไม่เคยเห็นค่านั้น ได้เติบโตจนสามารถข่มขู่เขาได้แล้ว
แต่มันก็สายเกินไป เพราะตำแหน่งผู้สืบทอดของผู้นำตระกูลได้ถูกปลดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพราะเรื่องนี้ ทำให้เขารู้สึกถึงความอัปยศ ผู้คนที่เคยเข้ามาสานสัมพันธ์กับเขา ต่างก็พากันหลบหน้าเขาไปหมด
สิ่งที่เขาเคยได้ครอบครองทุกอย่าง ก็ได้เสียไปจนหมดสิ้น
มันเป็นเพราะหยางเฉิน
เขาถึงเลือกที่จะเอาคืน ทำให้หยางเฉินสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด หยางเฉินต้องตายเท่านั้น จึงจะสามารถทำให้ไฟโทสะของเขาสงบลงได้
แต่พอหันมองกลับมา แผนที่เขาคิดว่าสมบูรณ์แบบหนักหนา ก็ยังล้มเหลวอยู่ดี
ในตอนนี้ ชีวิตของตัวเอง กลับตกไปอยู่ในกำมือของหยางเฉินซะได้
“ตุบ!”
ในตอนนั้นเอง อวี๋เหวินปิงก็ได้คุกเข่าลงไปทั้งสองข้าง พร้อมกับสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก และตะโกนออกมาเสียงดังว่า “หยางเฉิน ฉันผิดไปแล้ว ช่วยไว้ชีวิตฉันสักครั้งนะ ฉันสาบาน ขอแค่แกยอมไว้ชีวิตฉัน ชีวิตนี้ฉันจะไม่มาหาเรื่องแกอีกฉันจะไปจากประเทศนี้ตลอดกาล”
แววตาของอวี๋เหวินปิงนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่แววตาของหยางเฉินกลับสงบเหมือนกับสายน้ำ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว
ถึงแม้อวี๋เหวินปิงจะเป็นพี่ชายที่มีพ่อคนเดียวกับเขา แต่ในความทรงจำของเขานั้น ก็ไม่เคยได้รับความรักใคร่ที่พี่ชายควรมีให้น้องชายเลย แต่มันกลับมีแต่แผนชั่ว ถึงขั้นอยากเอาชีวิตเขา
ไม่มีความผูกพันกันทางสายเลือดเลย แล้วมันจะไปต่างอะไรกับคนแปลกหน้าล่ะ?
โจวยู่ชุ่ยที่ตกใจจนช็อกไปนานแล้ว ตอนนี้ก็ได้เบิกตาโต ตกใจจนสั่นไปทั้งตัว
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หยางเฉินจะเป็นถึงลูกนอกสมรสของตระกูลอวี๋เหวินหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเลย
ยิ่งไม่มีทางนึกถึงว่า อวี๋เหวินปิงผู้สูงส่งในสายตาของเธอนั้น จะมาคุกเข่าอ้อนวอนอยู่ตรงขาของหยางเฉินแบบนี้
ในตอนนี้ ในใจของเธอมีเพียงความเสียใจที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
จู่ๆ เธอก็คิดขึ้นมาว่า ถ้าเธอทำดีกับหยางเฉินตั้งแต่แรก ผลที่ออกมามันจะเป็นยังไงนะ?
และในตอนนั้นเอง เสียงมือถือที่แสบหูก็ได้ดังขึ้น
เป็นสายที่โทรมาจากอวี๋เหวินเกาหยาง
ในครั้งนี้ หยางเฉินไม่ได้มีความลังเลใดๆ รับสายและเปิดลำโพงในทันที
“หยางเฉิน เห็นแก่ฉันแล้วช่วยไว้ชีวิตอวี๋เหวินปิงด้วย ถ้าแกยอมไว้ชีวิตเขา ต่อให้ต้องกลายเป็นวัวเป็นควายฉันก็ยอม”
เสียงอ้อนวอนขอร้องของอวี๋เหวินเกาหยางดังขึ้น
จู่ๆ หยางเฉินก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างหนัก นี่นะเหรอพ่อแท้ๆ ของเขา หลายปีก่อนแค่คำพูดหนึ่งคำของคนอื่น ก็ได้ขับไล่เขากับแม่ออกจากตระกูลไป
ตอนนี้ กลับมาขอร้องเขาเพื่ออวี๋เหวินปิง
หยางเฉินอยากจะตะโกนใส่อวี๋เหวินเกาหยางว่า “ผมเองก็เป็นลูกชายของพ่อเหมือนกัน!แล้วทำไมตอนนั้นพ่อถึงได้ใจร้ายถึงขั้นขับไล่เราสองแม่ลูกออกจากเยี่ยนตูไป? แต่ตอนนี้ กลับมาขอร้องเขาให้ไว้ชีวิตลูกชายอีกคน?”