The king of War - บทที่ 604 ต้องการความช่วยเหลือ
“ตอนนี้ ผมจะพาคุณไปเจอเพื่อนคนหนึ่ง”
หลังจากเดินเล่นมาหลายชั้นจนหมด ในที่สุดซ่งหวายี่จะพาหยางเฉินไปเจอคนแล้ว
ที่ทำให้หยางเฉินแปลกใจคือ ครั้งนี้ ลิฟต์ไม่ได้เลื่อนขึ้นอีก แต่ว่าเลื่อนลงไปถึงชั้นล่างโดยตรง
“ซ่งหวายี่ นายนี่มันวางมาดใหญ่โต ให้ฉันรอนายนานขนาดนี้เลย!”
เพิ่งออกจากลิฟต์ เสียงที่เย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน
ได้ยินเสียงนี้เข้า หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาในชั่วขณะนั้น เพราะคนที่กำลังพูดอยู่นั้น เขารู้จัก
“หยางเฉิน!”
ฝ่ายตรงข้ามมองเห็นหยางเฉินที่อยู่ด้านหลังซ่งหวายี่ในทันใด ชั่วขณะหนึ่งลูกตาหดตัว ทำหน้าตื่นตกใจ
“อวี๋เหวินปิง แกยังทำให้ฉันตามหาอยู่ตั้งนานนะ!”
จิตสังหารในสายตาหยางเฉินเปล่งประกาย
อย่างไรเสียเขาก็นึกไม่ถึง วันนี้มาที่นี่ จะสามารถเจอกับอวี๋เหวินปิงได้
หลังจากที่ครั้งก่อนอวี๋เหวินปิงถูกคนช่วยหนีไป เขาก็ตามหาที่หลบซ่อนของอวี๋เหวินปิงมาโดยตลอด เพียงแต่หามานานขนาดนี้ ยังไม่มีวี่แววสักนิด
เวลานี้ ด้านหลังอวี๋เหวินปิง ยังมีคนที่ใบหน้าคุ้นตาคนหนึ่งยืนอยู่ คือผู้อาวุโสเสื้อคอจีนที่ช่วยเขาหนีไปในวันนั้น
เห็นได้ชัดว่า อวี๋เหวินปิงกับผู้อาวุโสเสื้อคอจีนไม่ได้คาดคิดไว้ ว่าหยางเฉินจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ วินาทีนั้นที่มองเห็นหยางเฉิน ในสายตาผู้อาวุโสเสื้อคอจีนเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
“พี่อวี๋เหวิน นี่คุณกับคุณหยางรู้จักกันเหรอ?” ซ่งหวายี่จงใจถามด้วยท่าทางตกใจ
“ไม่ใช่แค่รู้จักเท่านั้น!”
อวี๋เหวินปิงหรี่ดวงตาทั้งคู่ขึ้นมาเล็กน้อย ในสายตาเปล่งประกายจิตอาฆาตแค้นที่รุนแรงเหมือนกัน
ถึงแม้หยางเฉินอยากจะฆ่าอวี๋เหวินปิงแล้ว แต่อยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สถานที่ที่เขาลงมือได้
เพราะอยู่ตรงนี้ หยางเฉินรู้สึกได้ถึงการมีตัวตนที่ไม่ด้อยกว่าผู้อาวุโสเสื้อคอจีนสักนิดอยู่มากมาย
ในเมื่อรู้ว่าอวี๋เหวินปิงอยู่ที่นี่แล้ว เขามีโอกาสที่จะบีบถามอวี๋เหวินปิง เกี่ยวกับความลับของมารดา
“ในเมื่อรู้จักกัน งั้นผมคงไม่ต้องแนะนำแล้ว”
ซ่งหวายี่หัวเราะพูดขึ้น
จากนั้น เขาพูดกับหยางเฉินอีกว่า “คุณหยาง ที่นี่ ถึงเป็นสถานที่น่าสนใจที่สุด ในคลับหวงจิน เชื่อว่าคุณหยางจะต้องชอบที่นี่มากแน่นอน”
หยางเฉินไม่พูดอะไร สำหรับแผนการร้ายของซ่งหวายี่ เขาโกรธแล้ว
เขาไม่เชื่อว่า ซ่งหวายี่ไม่รู้สถานะของเขาจริงๆ ในเมื่อรู้ นั่นย่อมรู้จักความสัมพันธ์ระหว่างหยางเฉินและอวี๋เหวินปิงดี
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ซ่งหวายี่ยังอยากพาเขามาที่นี่ อยากจะเห็นเขากับอวี๋เหวินปิงสู้กันอย่างชัดเจน
“หยางเฉิน แกน่าจะรู้ นี่คือสถานที่แบบไหน? กล้ามาที่นี่ แกไม่กลัวตายอยู่ตรงนี้?” อวี๋เหวินปิงหรี่ตาถามขึ้น ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการข่มขู่
หยางเฉินหัวเราะเยาะ “ฉันหยางเฉินอยากไป ใครจะขวางได้กัน?”
“ยังบ้าระห่ำเหมือนเมื่อก่อน ฉันยอมรับว่าแกแกร่งมาก แต่ที่คลับหวงจิน ผู้แข็งแกร่งที่ความสามารถแบบแก มีไม่น้อย” อวี๋เหวินปิงพูดขึ้น
“งั้นเหรอ?” หยางเฉินถามอย่างเยาะเย้ย
เมื่อศัตรูเจอหน้ากัน ยิ่งยั่วโมโหซึ่งกันและกันเพิ่มขึ้น
เพียงแค่ หยางเฉินเก็บซ่อนจิตอาฆาตแค้นของตนเองเอาไว้ดีมาก แต่อวี๋เหวินปิง กลับอดกลั้นไม่ไหวโมโหแล้ว ตอนที่มองหยางเฉิน อยากจะลงมือในตอนนี้จนใจแทบขาด
“อวี๋เหวินปิง นายไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเกินไปแล้วไหม?”
ทันใดนั้นซ่งหวายี่เดินเข้ามา ท่าทีเกรงใจต่ออวี๋เหวินปิงก่อนหน้านี้เปลี่ยนไป ถามขึ้นอย่างเย็นชา
“ซ่งหวายี่ นี่คือความแค้นระหว่างฉันกับหยางเฉิน ฉันเตือนนายอย่าแทรกแซงจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะโดนหางเลขไปด้วย เดือดร้อนถึงตระกูลซ่งแล้ว จะได้ไม่คุ้มเสียเอานะ”
อวี๋เหวินปิงพูดจาอย่างยิ้มกริ่ม เหมือนว่าอยู่ที่นี่ ไม่กลัวอะไรเพราะมีคนหนุนหลัง
ซ่งหวาหรี่ดวงตาทั้งคู่ขึ้นมา “นี่คือนายกำลังข่มขู่ฉัน?”
“ข่มขู่?”
อวี๋เหวินปิงหัวเราะฮาๆ ขึ้นมาแล้ว “ถ้านายอยากคิดว่าเป็นการข่มขู่ งั้นก็เป็นการข่มขู่แล้วกัน!”
“ดี! ดีมาก!”
ซ่งหวายี่ไม่โกรธแต่กลับหัวเราะแทน “อวี๋เหวินปิง ฉันหวังดีแนะนำคุณหยางให้นายรู้จัก นึกไม่ถึงนายจะทำกับเพื่อนของฉันแบบนี้ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นความเป็นเพื่อนระหว่างพวกเรา ก็จบลงแค่นี้แล้วกัน”
“ซ่งหวายี่ แกคิดว่าเป็นใครกัน? ถึงมีสิทธิ์ถือเป็นพี่เป็นน้องกับฉัน?”
อวี๋เหวินปิงพูดอย่างเยาะเย้ย “ถ้าแกคิดปกป้องไอ้หมอนี่ งั้นก็รอตายไปด้วยกันกับมันเถอะ!”
“แก……”
ซ่งหวายี่โกรธจัด “พวกขี้ขลาดคนหนึ่งที่แม้แต่ตระกูลยังไม่กล้ากลับ ยังกล้าข่มขู่ฉัน?”
อวี๋เหวินปิงมองซ่งหวายี่อย่างดูถูกทีหนึ่ง จากนั้นสายตาตกอยู่บนตัวหยางเฉิน “หยางเฉิน ถ้ามีคำสั่งเสียอะไร แกบอกไว้ล่วงหน้าเลยดีกว่า! ไม่อย่างนั้น ผ่านคืนนี้ไป อาจจะไม่มีโอกาสแล้วนะ!”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวออกไป
ผู้อาวุโสเสื้อคอจีนที่ช่วยเขาในวันนั้น ตามติดด้านหลังเขาออกไปด้วยกัน
“เชี้ย! แม่งซวยจริงเลย!”
ซ่งหวายี่ทำหน้าโกรธแค้น
“คุณหยาง ขอโทษจริงๆ นะครับ ผมนึกไม่ถึงว่า คุณกับอวี๋เหวินปิงรู้จักกัน แถมยังมีบุญคุณความแค้นใหญ่โตด้วย ถ้ารู้แต่แรก ผมคงไม่พาคุณมาเจอเขาที่นี่แน่” ซ่งหวายี่รีบอธิบาย
ต้องยอมรับว่า การแสดงของซ่งหวายี่ดีมาก อย่างน้อยตอนนี้ หยางเฉินก็มองข้อพิรุธใดๆ ไม่ออก เหมือนกับไม่รู้จริงถึง ความสัมพันธ์ระหว่างหยางเฉินและอวี๋เหวินปิง
แต่ที่ทำให้หยางเฉินไม่เข้าใจคือ ทำไมซ่งหวายี่ต้องทำแบบนี้ด้วย?
เขาน่าจะรู้ดี ผู้อาวุโสเสื้อคอจีนที่ด้านหลังอวี๋เหวินปิงคนนั้น ความสามารถไม่ธรรมดา
ผู้แข็งแกร่งระดับแบบนี้ ไม่ใช่บุคคลที่แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูจะสามารถรับมือได้
หรือว่าเขาไม่กลัว ทั้งตระกูลซ่งจะพลอยติดร่างแหกับเขาไปด้วย?
“ไม่เป็นไร!” หยางเฉินตอบแบบเรียบเฉย
ซ่งหวายี่ถอนหายใจทีหนึ่ง พูดแบบท่าทางดูตื่นเต้นลดลง “นี่คือสถานที่ที่บรรยากาศคึกคักสุดของคลับหวงจิน ถูกเรียกว่าแท่นเป็นตาย”
“อยู่ที่นี่ ทุกวันจะมีการจัดแข่งขันต่อสู้หลายรอบ ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนที่ขึ้นเวทีมวยร่วมแข่ง ล้วนจำเป็นต้องเซ็นใบยินยอมตาย”
“ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่ยืนหยัดจนถึงท้ายสุดได้ จะได้รับเงินรางวัลจำนวนมากอย่างยิ่ง”
“จำนวนเงินรางวัลในแต่ละวันไม่เหมือนกัน ว่าตามการคำนวณกำไรของแท่นเป็นตายในแต่ละวัน”
“เพราะแต่ละวันมีเพียงผู้ชนะในตอนท้ายสุดถึงจะได้รับเงินรางวัลไป ดังนั้นเงินรางวัลจึงเยอะมากๆ ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ผู้ชนะสุดท้ายของการแข่งขันต่อสู้ประจำวันสามารถได้รับเงินรางวัลสิบล้านขึ้นไป”
“นอกจากการแข่งขันต่อสู้ประจำวันแล้ว ยังมีการแข่งต่อสู้ประจำสัปดาห์ การแข่งต่อสู้ประจำเดือน การแข่งต่อสู้ประจำปีด้วย”
“โดยเฉพาะตามความยาวนานของการแข่งต่อสู้ เงินรางวัลที่แชมเปี้ยนท้ายที่สุดจะได้รับไปก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมหาศาล”
“ลือกันว่า แชมเปี้ยนประจำปี สามารถได้รับเงินรางวัลหลายร้อยล้าน”
ฟังซ่งหวายี่เล่าเรื่องพวกนี้แล้ว ในที่สุดหยางเฉินถึงเข้าใจว่า ทำไมอยู่ที่นี่ จึงรู้สึกถึงกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งชั้นสูงมากขนาดนั้น
เงินรางวัลมหาศาลเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งชั้นสูง ก็จะถูกดึงดูดเข้ามาเหมือนกัน
“ส่วนวันนี้ คือการแข่งขันชิงชนะเลิศประจำปีของคลับหวงจิน บริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำระดับโลกมากมาย ล้วนจะมาชมการต่อสู้ที่นี่”
“ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถรอดชีวิตบนเวทีต่อสู้ในคืนนี้ได้ จะได้รับการเชื้อเชิญของบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำระดับโลก”
ซ่งหวายี่พูดต่อไปอีก “ดังนั้นแล้ว คืนนี้ในที่แห่งนี้ จะเจอยอดฝีมือแท้จริงมากมาย”
หยางเฉินมองซ่งหวายี่อย่างล้ำลึกทีหนึ่ง ทันใดนั้นถามว่า “คุณพาผมมาที่นี่ น่าจะไม่ใช่แค่ดูการแข่งขันง่ายดายขนาดนี้มั้ง?”
อย่างไรเสียซ่งหวายี่ก็ไม่ได้นึกถึงว่า หยางเฉินจะถามแบบนี้มากะทันหัน
หลังจากตกใจไปช่วงสั้นๆ ซ่งหวายี่ก็ไม่ลังเลอีก พยักหน้าตอบว่า “ผมต้องการความช่วยเหลือของคุณ!”
หยางเฉินหัวเราะเยาะ “เรื่องที่คุณให้ผมช่วย เกรงว่าคงไม่ง่ายมั้ง?”
บนหน้าซ่งหวายี่กระอักกระอ่วนพอสมควร หลังเงียบไปตั้งนาน ถึงกัดฟันแน่นพูดว่า “ผมรับรองครับ ขอเพียงคุณหยางสามารถช่วยผมคว้าตำแหน่งแชมเปี้ยนในคืนนี้ได้ คุณต้องการอะไร ผมล้วนให้คุณได้ทั้งนั้น!”
“ความคาดหวังที่คุณมีต่อผมยังสูงจริงๆ” หยางเฉินหัวเราะแบบเยาะเย้ย