The king of War - บทที่ 612 การสืบราชบัลลังก์
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวี๋เหวินปิงก็ตกตะลึงมาก
แม้แต่เขายังไม่รู้เลยว่าทำไมชายชราชุดจีนคนนี้ต้องคอยปกป้องเขาและยังสอนวิชาการต่อสู้ให้กับเขาด้วย ที่แท้เขาก็คือคนของตระกูลเฉานี่เอง
เขารู้ดีว่าตระกูลเฉาก็คือตระกูลของแม่เขา
เมื่อหลายปีก่อนเพิ่งถูกขับไล่ออกจากเหล่าราชวงศ์และกลายเป็นหนึ่งในสี่แห่งตระกูลเดอะคิง
“คุณหมายความว่า ผมมีโอกาสที่จะได้เป็นราชาของตระกูลเฉางั้นเหรอครับ?”
อวี๋เหวินปิงถึงกับทื่อไปพักหนึ่งและถามอย่างเหลือเชื่อ
“ใช่ ฉะนั้นหยางเฉินก็เป็นแค่หินลับที่จะทำให้แกกลายเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์” ชายชราชุดจีนพูดขึ้น
“ท่านถัง คุณอย่าล้อผมเล่นนะ ถึงแม้ผมมีสายเลือดของตระกูลเฉาครึ่งหนึ่ง แล้วผมมีคุณสมบัติอะไรที่จะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉาล่ะ” อวี๋เหวินปิงส่ายหัวและไม่อยากเชื่อในเรื่องนี้
ชายชราชุดจีนตอบอย่างใจเย็นว่า “สถานการณ์ของตระกูลเฉาในตอนนี้แย่มาก เราไม่ได้รุ่งโรจน์เหมือนตอนอยู่ในราชวงศ์แล้ว อีกอย่างเรายังเสี่ยงถูกขับไล่ออกจากสี่ตระกูลเดอะคิงด้วย”
“แกรู้ไหม ถ้าตระกูลเฉาของเราถูกขับไล่ออกจากตระกูลเดอะคิงแล้วเราจะต้องเผชิญกับอะไร?”
อวี๋เหวินปิงได้แต่ส่ายหัวและไม่รู้จริงๆ
แม้ว่าแม่ของเขาจะเป็นสมาชิกของครอบครัวตระกูลเฉา แต่เขาไม่เคยรู้จักคนของตระกูลเฉาเลยแม้แต่คนเดียว และชายชราชุดจีนคนนี้ก็เป็นคนของตระกูลเฉาคนแรกที่เขาได้รู้จัก
“ถ้าถูกขับออกจากตระกูลเดอะคิง ตระกูลเฉาจะไม่โชคดีเหมือนตอนที่ถูกขับออกจากราชวงศ์อีก เพราะการที่ถูกขับออกจากราชวงศ์นั้นเรายังมีสี่ตระกูลเดอะคิงคอยรองรับอยู่ แต่ในวันนี้ เราอาจจะต้องพินาศเลยก็ได้!” ชายชราพูดอย่างเคร่งขรึม
อวี๋เหวินปิงตกใจมาก ในสายตาเขา ราชวงศ์กับตระกูลเดอะคิงนั้นเป็นเหล่าตระกูลที่อยู่เหนือสุดในประเทศจิ่วโจว ดังนั้นต่อให้ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเดอะคิงแล้วก็ตาม แต่อูฐที่ผอมบางอย่างน้อยก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ฉะนั้น ถึงอย่างไรแล้ว พวกเขาก็ยังเหนือกว่าแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูอยู่ดี
แต่ไม่คิดเลยว่า หลังจากที่ตระกูลเฉาถูกขับออกจากตระกูลเดอะคิงแล้ว จุดจบเดียวของพวกเขาก็คือความพินาศ
“เป็นไปได้ไงครับ” อวี๋เหวินปิงไม่ยอมเชื่อ
“ทำไมสี่ตระกูลเดอะคิงถึงถูกแยกออกจากราชวงศ์แห่งจิ่วโจวล่ะ? เพราะขาดศักยภาพไงล่ะ ยิ่งทุกวันนี้ศักยภาพของสี่ตระกูลเดอะคิงลดลงอย่างมาก ซึ่งเทียบไม่ได้กับเหล่าราชวงศ์อย่างแน่นอน ฉะนั้น การที่จะเอาชนะตระกูลเดอะคิงกันเอง การที่จะเหยียบหลังตระกูลเดอะคิงเท่านั้น ถึงจะมีจุดยืนในเหล่าราชวงศ์อีกครั้ง”
ดวงตาของชายชราชุดจีนเต็มไปด้วยความเศร้า จากนั้นเขากัดฟันแล้วพูดต่อ “ก็เพราะตระกูลเฉาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เราถึงต้องคิดหาทุกวิถีเพื่อจะทำให้ตระกูลเฉาของเขาแข็งแกร่งขึ้น เพื่อเราจะได้ไม่ต้องถูกกำจัดออกไป”
“สำหรับแก แม้จะมีสายเลือดของตระกูลเฉาเพียงครึ่งเดียว แต่อย่างน้อยแกก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลเฉา ถ้าแกมีศักยภาพมากพอ แล้วทำไมเราจะมอบตำแหน่งบัลลังก์ให้กับแกไม่ได้ล่ะ?”
“ทุกวันนี้ตระกูลเฉาของเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับสายเลือดแล้ว แต่เราให้ความสำคัญกับความสามารถมากกว่า!”
“เหยียบหยางเฉินให้มิด แล้วแกถึงจะมีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์!”
ชายชราชุดจีนพูดอย่างจริงจัง
ในขณะนี้ อวี๋เหวินปิงรู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเขากำลังเดือด
เขาใช้เวลาหลายปีในการทำทุกอย่างเพื่อจะแลกมาด้วยตำแหน่งผู้นำของตระกูลอวี๋เหวิน แต่สุดท้ายหยางเฉินกลับทำลายมันทุกอย่าง
และในวันนี้ เขากลับมีโอกาสที่จะได้สืบทอดบัลลังก์ของราชวงศ์
ต่อให้ตระกูลเฉาถูกขับออกจากเหล่าราชวงศ์ แต่ถึงอย่างนั้นแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูก็ไม่อาจเทียบกับพวกเขาได้อยู่ดี
“เอาชนะหยางเฉินให้ได้ใช่ไหมครับ?” ดวงตาของอวี๋เหวินปิงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
เมื่อนึกถึงหยางเฉินที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ความปรารถนาในการฆ่าหยางเฉินของเขาก็ยิ่งทะยานสูงมากกขึ้น
“ใช่ ขอแค่เอาชนะหยางเฉินได้ แกก็จะได้รับโอกาสในการสืบบัลลังก์!”
ดวงตาของชายชราเปล่งประกาย “แกเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง และตระกูลเฉาของเราต้องการคนอย่างแกอยู่พอดีเลย!”
เดิมทีนัยน์ตาของอวี๋เหวินปิงเต็มไปด้วยความกลัวหยางเฉิน แต่หลังจากฟังคำพูดของชายชราชุดจีนคนนี้แล้ว ดวงตาของอวี๋เหวินปิงก็เหลือเพียงความคลั่งไคล้เท่านั้น
ถ้าเทียบกับบัลลังก์นี้แล้ว ตำแหน่งผู้นำตระกูลอวี๋เหวินจะนับประสาอะไร?
“ท่านถัง ผมเข้าใจแล้วครับ คุณไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังครับ!” อวี๋เหวินปิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ชายชราพยักหน้าเบาๆ แล้วตอบอย่างพึงพอใจ “นี่แหละคือคุณสมบัติของผู้สืบบัลลังก์!”
“แต่ว่า หยางเฉินแข็งแกร่งมากเลยนะครับ ผมเกรงว่าจะสู้กับเขาไม่ได้” อวี๋เหวินปิงพูดอย่างกังวลใจ
ชายชรายิ้มอย่างเย็นชา “แม้ข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครสู้มันได้ แกไม่ต้องห่วง มันทำอะไรแกไม่ได้หรอก”
“ท่านถังหมายความว่า คืนนี้ยังมีคนอื่นจะสู้กับหยางเฉินในคลับหวงจินเหรอครับ?” อวี๋เหวินปิงตามอย่างประหลาดใจ
“แกรอดูก็พอ!” ชายชราหรี่ตาลง
ในเวลานี้ การแข่งขันบนเวทีใกล้จะถึงจุดสิ้นสุด และผู้แข็งแกร่งในการเข้าร่วมการประลองก็น้อยลงเรื่อย ๆ
“คนของซ่งหวาเหว่ยจะขึ้นเวทีแล้ว!”
ซ่งหวายี่ที่นั่งข้างหยางเฉินพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
ในที่สุด อะปู้ชายวัยกลางคนในชุดชุดสามัญชนโบราณที่นั่งอยู่ข้างซ่งหวาเหว่ยก็ขึ้นสังเวียนจนได้
เนื่องจากซ่งหวาเหว่ยเป็นคนจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ดังนั้นผู้คนมากมายจึงให้ความสนใจกับเขา และ ณ เวลานี้ เมื่อเห็นคนของเขาเดินขึ้นบนเวทีสังเวียน ผู้คนก็เริ่มส่งเสียงเชียร์ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง
อะปู้ยืนอยู่ในเวทีสังเวียน และทันใดนั้นเขาก็มองไปที่หยางเฉินแล้วพูดด้วยท่าทางยั่วยุว่า “รีบขึ้นมารับความตายซะ!”
ดวงตาของซ่งหวาเหว่ยเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง หยางเฉินเพิ่งฆ่าซ่งหวาตงไป แต่มันไม่สำคัญสำหรับเขา ประเด็นสำคัญคือคนของเขาต้องฆ่าหยางเฉินให้ได้
ต้องฆ่าหยางเฉินเท่านั้น เขาถึงจะสามารถล้างแค้นให้กับซ่งหวาตงได้ และยังสามารถเอาชนะซ่งหวายี่ได้ ด้วยวิธีนี้เขาจะไม่มีคู่แข่งในตระกูลซ่งอีก
ทายาทผู้สืบสกุลรุ่นที่สามของตระกูลซ่งต้องเป็นของเขาเท่านั้น
ในขณะนี้ สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หยางเฉิน เพราะพวกเขารู้ดีว่าอะปู้กำลังท้าทายหยางเฉินอยู่
หยางเฉินเลิกคิ้วและมองไปที่อะปู้อย่างเย็นชา “ในเมื่อคุณรนหาที่ตาย งั้นผมจะสานฝันให้คุณเอง!”
เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ เพราะไม่ว่าจะยังไง เขาก็คือผู้พิทักษ์อันดับหนึ่งของประเทศ และไม่ว่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันในคลับหวงจินจะอยู่ในระดับไหน สำหรับเขาแล้วก็คือการลดตัวลงมาแข่งเท่านั้น
แต่ว่า ถ้ามีคนกล้าท้าทายแบบนี้ เขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะเติมเต็มพวกเขา
“คุณหยาง ระวังด้วยนะ” ซ่งหวาหย่าพูดด้วยความกังวล
ซ่งหวายี่ก็พูดขึ้นว่า “คุณหยางครับ ไม่ว่าจะยังไง คุณต้องระวังตัวด้วยนะครับ ผมยอมพ่ายแพ้ดีกว่าจะทำให้คุณได้รับบาดเจ็บไปด้วยนะครับ”
เมื่อมองดูพี่น้องทั้งสองพูดด้วยความจริงใจ หยางเฉินได้แต่ยิ้มตอบเบาๆ “ผมแนะนำให้พวกคุณเอาเงินหมุนทั้งหมดที่มีมาเดิมพันที่ผม”
จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่เวทีสังเวียน
ซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่าต่างก็ตกตะลึง จากนั้นซ่งหวายี่ก็ถามอย่างเคร่งขรึมว่า “เสี่ยวหย่า เธอมีเงินเท่าไหร่?”
“หนูมีแค่สิบล้านเท่านั้น!” ซ่งหวาหย่าตอบ
ซ่งหวายี่พยักหน้าพูดต่อ “ของพี่มีสามสิบล้าน เราเอามันออกมาให้หมดแล้วเดิมพันกับคุณหยาง!”
“แต่พี่คะ นี่มันทรัพย์สินทั้งหมดของเรานะ ถ้าแพ้เราหมดตัวแน่!” ซ่งหวาหย่าพูดอย่างกังวลใจ
ดวงตาของซ่งหวายี่เป็นประกาย “แล้วเธอคิดว่าถ้าคุณหยางแพ้ เราจะมีทางรอดอยู่ในครอบครัวตระกูลซ่งนี้อีกเหรอ?”
ซ่งหวาหย่าถึงกับทึ่งไปสักพัก เมื่อนึกถึงเรื่องที่หยางเฉินเพิ่งฆ่าซ่งหวาตงไป และตอนนี้ยังลงแข่งให้พวกเธออีกด้วย ถ้าหากหยางเฉินชนะ บางทีอาจมีวิธีแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่ถ้าเขาแพ้ ตระกูลซ่งจะไม่ปล่อยพวกเธอสองพี่น้องอย่างแน่นอน
“พี่ หนูจะเดิมพันกับพี่ด้วย!” ซ่งหวาหย่ากัดฟันพูด
ในขณะนี้ บรรยากาศทั่วทั้งงานครึกครื้นอีกครั้ง