The king of War - บทที่ 631 หักแขนขาตัวเอง
“แกรู้ไหมว่าตระกูลซ่งอยู่ในเยี่ยนตู มันแสดงให้เห็นว่าอะไร?”
“ตระกูลซ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู สำหรับแกแล้ว เยี่ยนตูก็คือฟ้า!”
“แล้วแกรู้ไหมว่าคนที่อยู่ข้างๆฉัน เป็นใคร?”
“พวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งสูงสุดของตระกูลซ่งของฉัน อย่าว่าแต่ฆ่าฉันเลย แกสามารถแตะต้องฉันได้แม้นิดเดียว ถือว่าฉันแพ้!”
ซ่งหวาเหว่ยจองหองเป็นอย่างมาก คำพูดเต็มไปด้วยความบ้าระห่ำ ยังมีการดูหมิ่นหยางเฉินอีกด้วย
บริเวณโดยรอบไม่ได้มีแค่พนักงานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ยังมีคนที่เป็นพาร์ทเนอร์ของเยี่ยนเฉินกร๊ปจำนวนมาก ที่พอได้ยินคำพูดของซ่งหวาเหว่ย ก็ถึงกับตกตะลึง
แทบจะไม่มีใครเชื่อว่า หยางเฉินจะสามารถต่อกรกับซ่งหวาเหว่ยได้
เนื่องจากในสายตาของคนเยี่ยนตู แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู เป็นแปดตระกูลเศรษฐีที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด คนที่กล้าล่วงเกินพวกเขา ก็เท่ากับรนหาที่ตาย
“ซ่งหวาเหว่ย แกรีบหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!ถ้าขืนแกอย่ากล้าพูดเพ้อเจ้ออีก แกต้องเสียใจแน่!”
ซ่งหวายี่ตะคอกด้วยความโกรธ แทบอยากจะเข้าไปอุดปากซ่งหวาเหว่ยไว้
เขาเห็นความอาฆาตอันแรงกล้า จากสายตาของหยางเฉิน
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของซ่งหวาเหว่ยก็ดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“เป็นสายจากคุณปู่ ต้องรีบตามฉันแน่ รีบจัดการหักแขนขาไอ้หมอนี่ซะ หลังจากนั้นก็พามันกลับไปรับโทษที่ตระกูลซ่ง”
ซ่งหวาเหว่ยเห็นสายจากโทรศัพท์มือถือ ก็หัวเราะอย่างได้ใจ
พูดจบ เขาก็รับสาย แล้วพูดขึ้นมาว่า“คุณปู่ครับ อย่าใจร้อนสิครับ ผมมาถึงเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเห็นหยางเฉินแล้วล่ะครับ ตอนนี้กำลังจะลงมือจัดการครับ รอหักแขนขาเขา……”
“ไอ้สารเลว ถ้าแกกล้าทำร้ายคุณหยางแม้แต่นิดเดียว จากนี้ไปก็ไสหัวออกจากตระกูลซ่งซะ!”
ซางหวาเหว่ยยังพูดไม่ทันจบ ซ่งซานชงก็คำรามด้วยความโกรธขึ้นมา
ซ่งหวาเหว่ยที่สีหน้ายังได้ใจเมื่อครู่ แข็งทื่อไปในทันที อย่างไม่อยากเชื่อ
ทั้งๆที่ซ่งชิงซานให้เขามาหาหยางเฉิน ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนแผนล่ะ?
“คุณปู่ครับ คือผม……”
ซ่งหวาเหว่ยกำลังจำอธิบาย แต่ซ่งชิงซานกลับตะคอกขึ้นมาอีกว่า“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!รีบขอร้องให้คุณหยางยกโทษเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าคุณหยางไม่ยกโทษให้ จากนี้ไปฉันซ่งชิงซาน ไม่มีหลานอย่างแกอีกต่อไป!”
คราวนี้ ซ่งหวาเหว่ยถึงกับร้อนรน เห็นได้ชัดว่าซ่งชิงซานโมโหมาก หากไม่เห็นเขาเป็นหลานอีกต่อไปจริงๆ ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งทายาทของตระกูลซ่ง ก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกน่ะสิ
“คุณปู่ครับ ผมทราบแล้วครับ!ผมทราบแล้ว!”ซ่งหวาเหว่ยรีบตอบกลับทันที
หลังจากวางสาย สีหน้าของซ่งหวาเหว่ยก็เหม่อลอย มองไปที่หยางเฉิน จนถึงตอนนี้ เขาพึ่งรู้ตัวว่า ชายหนุ่มตรงหน้าที่อายุน้อยกว่าเขา จะเป็นคนที่ไม่สมควรยุ่งด้วย
ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ทำให้ซ่งชิงซานเปลี่ยนแผน แต่เขารู้ดี ว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆ ถ้าเขาไม่ได้รับการให้อภัยจากเย่เฉิน เกรงว่าตระกูลซ่งจะพบกับอุปสรรคเข้าให้จริงๆ
“ตุ้บ!”
ท่ามกลางความแปลกใจของผู้คน ซ่งหวาเหว่ยที่จองหองต่อหน้าของหยางเฉินเมื่อครู่ จู่ๆก็คุกเข่าลงกับพื้น
พรึบ!
ทุกคนต่างพากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า ผ่านไปไม่นานเหตุการณ์ก็เริ่มดุเดือดขึ้น
“ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจู่ๆซ่งหวาเหว่ยถึงคุกเข่าลงกับพื้นล่ะ?”
“เขาเป็นลูกชายคนโตรุ่นที่สามของตระกูลซ่ง คำพูดและการกระทำของเขาล้วนกระทำการแทนตระกูลซ่งทั้งหมด การคุกเข่านี้ เป็นการทำแทนตระกูลซ่งเลยนะ!”
“หรือพวกคุณไม่เคยได้ยินเรื่องที่ว่า เมื่อคืน ที่คลับหวงจิน มีผู้ชายคนหนึ่ง บีบบังคับให้ซ่งหวาเหว่ยหมอบลงกับพื้น แล้วให้เขาคลานออกไป?”
……
ในที่เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นมาทันที ทุกคนต่างเริ่มพูดถึงเรื่องของซ่งหวาเหว่ย
ซ่งหวายี่ถึงกับมึนงง ความหยิ่งผยองของซ่งหวาเหว่ย เขารู้ดีกว่าใครทั้งสิ้น
ประเด็นหลักคือ เมื่อครู่ซ่งหวาเหว่ยรับสายจากซ่งชิงซาน ดังนั้น ที่ซ่งหวาเหว่ยคุกเข่า เป็นเพราะคำร้องขอจากซ่งชิงซาน?
เมื่อนึกถึงเบื้องหลังของหยางเฉินที่ยากจะคาดเดา ซ่งหวายี่รู้ตัวในทันที ตระกูลซ่งต้องได้รับการตักเตือนอย่างแน่นอน
“คุณหยาง ผมผิดไปแล้ว!คุณอย่าถือสาผมเลย ปล่อยผมไปเถอะครับ จากนี้ไป ผมไม่กล้ามาหาเรื่องคุณอีกแล้วครับ”
ซ่งหวาเหว่ยที่คุกเข่าอยู่กับพื้น พูดขอร้องอ้อนวอน
หยางเฉินไม่ได้พูดอะไร แต่เดินมาทางซ่งหวาเหว่ยทีละก้าว
ซ่งหวาเหว่ยรับรู้เพียงแค่ร่างสั่นเทา โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงความทรงพลังที่หยางเฉินแสดงออกมาให้เห็น มันยิ่งทำให้เขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“เมื่อกี้คุณบอกว่า จะหักแขนขาผมทิ้ง หลังจากนั้นค่อยพากับตระกูลซ่งอย่างงั้นหรอ?”
เดินมาจนถึงด้านหน้าของซ่งหวาเหว่ย หยางเฉินจึงหยุดเท้าลง แล้วมองซ่งหวาเหว่ยจากด้านบน จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ซ่งหวาเหว่ยถึงกับเหงื่อตก สมองเหมือนกับกลองที่ถูกตีอย่างบ้าคลั่ง“ไม่ครับๆ เมื่อกี้ผมพูดเพ้อเจ้อ ผมจะกล้าหักแขนขาคุณได้ยังไงกัน?”
“ให้ผมปล่อยคุณไป ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอก”
หยางเฉินกล่าวขึ้น
ซ่งหวาเหว่ยถึงกับดีใจเป็นอย่างมาก รีบพูดขึ้นมาว่า“ขอบคุณครับคุณหยาง!ของคุณครับคุณหยาง!”
“เมื่อกี้คุณพึ่งบอกว่า จะหักแขนขาผมทิ้ง คนอย่างผมน่ะไม่โลภหรอกนะ ในเมื่อคุณจะเอาแขนขาผม งั้นผมก็จะขอแขนขาคุณเหมือนกัน ให้คุณจัดการหักแขนขาคุณทิ้งซะ แล้วคุณก็จะออกจากที่นี่ได้”
ความรู้สึกยินดีปรีดาของซ่งหวาเหว่ยยังไม่ทันหายไป คำพูดของหยางเฉิน ทำให้เขาชะงักทันที
“คุณหยาง ผม……”
ซ่งหวาเหว่ยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกหยางเฉินตัดบท“สำหรับผมแล้ว ฆ่าคนคนหนึ่งก็คือฆ่า ฆ่าสองคนก็คือฆ่า ผมไม่ชอบต่อรองน่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งหวาเหว่ยหมดเรี่ยวแรงในทันที เห็นได้ชัดว่าหยางเฉินกำลังเตือนเขา เมื่อคืนฆ่าซ่งหวาตง วันนี้ก็จะฆ่าเขาได้เช่นกัน
“คุณหยางครับ ผมยอมแพ้แล้ว หรือคุณจะไม่ยอมปล่อยผมไป?”
ซ่งหวาเหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หยางเฉินเอามือไพล่หลัง แล้วมองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชา พลางส่ายหน้าไปมา“ตอนแรก ผมคิดจะเอาชีวิตคุณ!ถ้าไม่เป็นเพราะซ่งหวายี่ขอร้องไหว้ คุณในตอนนี้ คงกลายเป็นศพไปแล้วล่ะ!”
เมื่อซ่งหวายี่ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ก็รับรู้ได้เพียงความรู้สึกอบอุ่น ที่แท้ หยางเฉินไม่อยากให้ตัวเองลำบากใจ จึงยอมปล่อยซ่งหวาเหว่ยไป
“ซ่งหวาเหว่ย ถ้าฉันเดาไม่ผิด เมื่อกี้ในสายของคุณปู่ คงอยากให้แกขอร้องให้คุณหยางให้อภัยใช่ไหม?”
ซ่งหวายี่ก้าวออกมา แล้วพูดกับซ่งหวาเหว่ยว่า“แกน่าจะรู้ดี คำขอจากคุณปู่ ไม่อนุญาตให้ใครฝ่าฝืนทั้งสิ้น”
“มาวันนี้ ฉันออกจากตระกูลซ่งมาแล้ว ในบรรดารุ่นที่สามของตระกูลซ่ง จะไม่มีการแย่งชิงตำแหน่งอีกต่อไป”
“ตอนนี้แกแค่ต้องมีชีวิตรอด ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงจะสามารถรับตำแหน่งสืบทอดเป็นผู้นำของตระกูลซ่งได้”
“คุณหยางให้แกจัดการหักแขนขา แกก็ทำตามไปเถอะ!”
คำพูดของซ่งหวายี่ ทำให้ซ่งหวาเหว่ยตื่นในทันที
“ได้ ฉันจะทำ!”
ซ่งหวาเหว่ยกัดฟัน แล้วสั่งการกับผู้แข็งแกร่งของตระกูลซ่งที่เขาพามาด้วยว่า“หักแขนขาฉันซะ!”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน คนที่ซ่งหวาเหว่ยพามา หักแขนขาของเขาใยที่เกิดเหตุ เสียงร้องโหยหวนดังไปทั่วทั้งเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
วินาทีนี้ ทุกคนต่างเงียบลง เห็นเพียงแค่ซ่งหวาเหวยที่ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“พาเจ้านายพวกแก ไสหัวออกไปซะ!”
หยางเฉินมองไปที่ซ่งหวาเหว่ยอย่างเย็นชา แล้วตะคอกใส่ผู้แข็งแกร่งของตระกูลซ่ง