The king of War - บทที่ 650 ต่อสู้อย่างโหดร้าย
ตอนที่เขาพูดนั้นดูเสียงไม่ชัดซึ่งนั่นเป็นเพราะฟันสองซี่หน้าได้หลุดไปและมันทำให้ลมไหลผ่าน
สติของไช่เหวินเพิ่งจะกลับมาในตอนนี้ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “หยางเฉิน แกกล้าทำน้องชายฉันแกนี่มันรนหาที่ตายของแท้เลย!”
ทันทีที่เสียงสิ้นสุดลง เขาก็หยิบปืนออกมาหนึ่งกระบอกพร้อมกับเล็งปากกระบอกปืนไปที่หัวของหยางเฉิน
เมื่อเห็นไช่เหวินหยิบปืนออกมา ผังเสี่ยวเยว่ก็ตกใจจนแทบร้องไห้ออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ใบหน้าของเนี่ยเจียเจียและโจวชินเองก็ดูเป็นกังวล รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
จางหรุ่ยเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า “คนเลวอย่างนายกล้ามาทำคุณชายกวาง รนหาที่ตายแล้วล่ะ!ต่อให้นายจะต่อสู้ได้อีกแล้วมันทำไมกันล่ะ?คุณชายเหวินมีปืนนะ ตอนนี้นายคงไม่อยากยืนทนโดนทำร้ายหรอกใช่ไหม?”
เหลียงหยุนและคนอื่นๆเองก็ดูละครฉากนี้อยู่ พวกเขาเห็นหยางเฉินดูอารมณ์ไม่ดีมานานแล้ว ตอนนี้ยิ่งหยางเฉินก่อความรำคาญได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเบี่ยงเบนความโกรธที่ไช่เหวินมีต่อพวกเขาได้มากเท่านั้น ทางที่ดีที่สุดก็คือฆ่าหยางเฉินซะ
บนใบหน้าของหยางเฉินนั้นไร้ซึ่งความกลัว เขาขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับพูดอย่างเย็นชา “ฉันแนะนำให้นายวางก้อนเหล็กนี่ลงซะ หากว่าสิ่งนี้ฆ่าฉันได้ล่ะก็ฉันคงตายไปหลายหนแล้วล่ะ”
เป็นเวลานานมากแล้วที่หยางเฉินไม่ได้มีความคิดที่จะฆ่า
ในเวลานี้ การที่ถูกปืนจ่อเล็งอยู่ที่หัวนั้นได้ไปกระตุ้นเจตนาฆ่าในตัวเขาให้ระเบิดออกมา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
ในเวลานี้เองก็มีเสียงที่ดูไม่พอใจดังขึ้นมา เห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับคนร่างกำยำหลายคน
“อิงเหา นายมาก็ดีเลย มีคนตาไม่ดีมาตีคนของฉันน่ะสิและคาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาตีน้องชายของฉันอีกด้วย”
น้ำเสียงและท่าทางของไช่เหวินนั้นดูดีเป็นอย่างมากเมื่อเห็นมีคนมา
“บัดซบ!หมาตัวไหนกันวะที่แม้แต่คนของคุณชายเหวินก็กล้ามา…”
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบก็พูดต่อไม่ได้อีกต่อไปเพราะเมื่อเห็นใบหน้าของหยางเฉินแล้วเขาจึงทำได้เพียงแต่กลืนคำพูดลงไปเท่านั้น
“หมาตัวนี้นี่แหละอิงเหา น้องชายของฉันนั้นถูกทุบตีในที่ของนาย นายต้องจัดการเรื่องนี้ให้ฉันใช่ไหม?”
ไช่เหวินพูดพร้อมกับมองไปที่ชายหนุ่ม
เขาไม่ได้สนใจไยดีหากต้องฆ่าหยางเฉินที่นี่แต่เพราะหยางเฉินทำให้เขารับรู้ได้ถึงความอันตรายซึ่งนั่นทำให้เขาเป็นกังวลว่าอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามเขาจะไม่สนใจเลยหากต้องยืมดาบมาฆ่าคน
“เพี๊ยะ!”
ทันใดนั้นเสียงตบหน้าก็ดังสนั่น
เป็นชายหนุ่มคนเมื่อครู่นี้ที่ได้ตบเข้าไปที่ใบหน้าของไช่เหวิน ทุกๆคนต่างตกตะลึง
ใบหน้าของไช่เหวินดูเอื่อยเฉื่อยแม้กระทั่งสติก็ยังไม่กลับมา เขาได้แต่ถามออกไปอย่างงุนงงว่า “เฉินอิงเหา นายแม่งทำแบบนี้กับฉันทำไม?”
“เพี๊ยะ!”
อีกฝ่ายตบเข้าไปที่ใบหน้าของไช่เหวินอีกครั้งพร้อมกับพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ฉันตีนายเนี่ยแหละ กล้าไปทำให้คุณหยางต้องขุ่นเคืองใจ นายอยากตายหรือไงกัน?”
เมื่อเสียงของเฉินอิงเหาสิ้นสุดลง ชายร่างกำยำหลายคนต่างกรูเข้าไปล้อมไช่เหวินเอาไว้
“ตีมันซะ ตีมันให้หนัก!”
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของเฉินอิงเหา ชายร่างกำยำต่างก็พากันเตะและต่อยไปที่ไช่เหวิน
“หยาง…คุณหยางครับ คุณ..คุณจะมาที่ร้านอาหารแช่เฉินทำไมไม่บอกผมล่วงหน้าสักหน่อยล่ะครับ?หากรู้มาก่อนว่าคุณจะมาที่นี่ ผมคงต้องคารวะเหล้าให้คุณเป็นการส่วนตัวแน่ๆ!”
เฉินอิงเหาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ท่าทางประจบเอาใจเป็นอย่างมาก เขายืนอยู่ด้านหน้าของหยางเฉินด้วยท่าทีเคารพซึ่งนั่นทำให้เขาเหมือนคนขี้ประจบคนหนึ่ง
ในขณะนี้ผังเสี่ยวเยว่และคนอื่นๆต่างพากันตกตะลึง
ในตาของพวกเขานั้นมองเห็นไช่เหวินกำลังถูกรุมซ้อมอยู่ ซึ่งทั้งหมดนั่นเป็นเพราะหยางเฉิน
การที่หยางเฉินมาเจอกับเฉินอิงเหาที่นี่ทำให้เขาประหลาดใจ
“ที่นี่เป็นอุตสาหกรรมของตระกูลเฉินงั้นเหรอ?” หยางเฉินถาม
เฉินอิงเหาที่ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อยจึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ตามคำของคุณหยาง พวกเราตระกูลเฉินได้ทำการเปิดร้านอาหารแช่เฉินในเก้าเขตใหญ่ครับ”
เมื่อดูขนาดของร้านอาหารแช่เฉินแล้วร้านนี้จะต้องเป็นระดับห้าดาวเป็นแน่ ตระกูลเฉินตัดสินใจที่จะทำให้ธุรกิจของตระกูลเจริญรุ่งเรืองในทุกๆที่
หยางเฉินรู้ดีว่าเมืองเทียนฝู่นั้นเป็นตลาดโบราณที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเยี่ยนตูซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมของตระกูลเฉินเช่นเดียวกัน
หยางเฉินพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ
เฉินอิงเหากลัวตัวสั่นงันงก ต่อหน้าหยางเฉินแล้วเขาไม่กล้าที่จะหายใจดังเลยด้วยซ้ำ
ฉากนี้นั้นทำให้ผังเสี่ยวเยว่และคนอื่นๆตกตะลึงไปโดยปริยาย
“เฉินอิงเหา แม่มึงกล้ามากนะที่มาทำกู ใจกล้ามาก คอยดูอุตสาหกรรมของตระกูลเฉินที่จะถูกรื้อถอนออกไปจากเยี่ยนตูได้เลย!”
ไช่เหวินถูกตีจนเลือดไหลออกมาจากหัวพร้อมกับกัดฟันพูด
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินอิงเหาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย หากต้องยืนต่อหน้าไช่เหวินโดยปกติแล้วเขาจะต้องก้มลงต่อหน้าไช่เหวินอย่างแน่นอนแต่วันนี้นั้นไม่เหมือนกันเพราะไช่เหวินดันไปทำให้หยางเฉินต้องขุ่นเคืองใจนี่สิ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่หยางเฉินนั้นได้ทำให้ตระกูลเฉินในตอนนั้นได้จารึกไว้ในใจของเฉินอิงเหามานานแล้ว หากต้องเลือกระหว่างไช่เหวินกับหยางเฉิน เขาทำได้เพียงเลือกหยางเฉินเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ตระกูลเฉินมีอยู่ในทุกวันนี้ได้ก็เพราะว่ายืมพลังอำนาจมาจากหยางเฉินทั้งนั้น
ปู่ของเขาเฉินซิงไห่ได้เคยเตือนลูกหลานของตระกูลเฉินเอาไว้ว่าต่อให้มีบุคคลที่มีเกียรติและอำนาจมากมาเป็นศัตรูกับหยางเฉิน พวกเขาก็ต้องยืนอยู่ข้างหยางเฉินโดยไม่มีข้อแม้
“ไช่เหวิน นายลองไปคิดดูว่านายจะได้ออกไปจากที่นี่ดีๆไหม” เฉินอิงเหาพูดอย่างเย็นชา
เขาทำตัวขี้ขลาดเมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฉินแต่มันไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นแบบนั้นกับทุกคน
“ดีเลยสิ!ทางที่ดีก็ตีกูให้ตายไปเลยไม่อย่างนั้นพวกนายจะต้องตายอย่างอนาถแน่ๆฉันรับรองได้!” ไช่เหวินคำราม
“ตี!ตีมันให้ตาย!” เฉินอิงเหาออกคำสั่งและเหล่าชายร่างกำยำก็ออกแรงมากขึ้นกว่าเดิม
“คุณหยางต้องการให้ตายหรือให้มีชีวิตต่อดีครับ?”
เฉินอิงเหาเข้ามาใกล้ๆหยางเฉินพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ
หยางเฉินมองไปที่เฉินอิงเหาและรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากกับชายหนุ่มผู้ซึ่งมีอายุมากกว่าตนไม่กี่ปี
“จัดการแขนขาแล้วโยนออกไป!”
หยางเฉินไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่ระงับยับยั้งใดๆ เขายังคงพูดอย่างปกติ
“ครับ คุณหยาง!”
เฉินอิงเหาตอบรับ จากนั้นดวงตาก็สั่นไหวดูดุร้ายพร้อมกับออกคำสั่ง “จัดการแขนขาแล้วโยนไอ้พวกนี้ออกไปทั้งหมด!”
“อิงเหา ฉันผิดไปแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ อย่าทำอะไรแขนขาฉันเลย พี่เหา ฉันผิดไปแล้ว อย่าทำอะไรแขนขาฉันเลย..อ่า..”
จวบจนขณะนี้ไช่เหวินก็เพิ่งจะมารู้ว่าเฉินอิงเหานั้นกล้าที่จะจัดการแขนขาของเขาจริงๆ เขาจึงได้แต่อ้อนวอนร้องขอ
เพียงแต่มันสายไปเสียแล้ว ชายร่างกำยำพากันยกเก้าอี้ขึ้นมาพร้อมกับกระแทกเข้าไปที่แขนขาอย่างแรง
หลังจากที่ไช่เหวินร้องออกมาไม่เท่าไหร่ก็สลบเหมือดไปโดยสมบูรณ์
ในเวลานี้ ในที่นั่งชั้นพิเศษนั้นเงียบสงัด
ดวงตาของฉือเจียง เจียวต้าเหว่ยและเหลียงหยุนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในสายตาของพวกเขาคุณชายใหญ่ของตระกูลไช่ได้ถูกจัดการหักแข้งขาและโยนออกไปราวกับเป็นขยะ
พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเฉินอิงเหาที่เป็นเพียงแค่เถ้าแก่ของร้านอาหารแห่งนี้จะยอมลงมือกับไช่เหวินแค่เพียงเพราะหยางเฉินสั่งให้ทำได้ยังไงกัน?
แม้จะคิดไม่ออกแต่ความจริงก็คือแบบนั้น
ไม่นานนัก คนของตระกูลไช่ในที่นั่งชั้นพิเศษก็ถูกกำจัดออกไปราวกับเป็นขยะ
“ตอนนี้ พวกเรามาคิดบัญชีกันเถอะ”
สายตาของหยางเฉินมองไปที่ฉือเจียงและคนอื่นๆ
“ตุ้บ!”
เกือบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ทั้งสามคนพากันคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับพูดอย่างตื่นตระหนก “คุณหยาง เป็นพวกเราที่คิดว่าแน่และไปยั่วยุคุณหยาง เราขอร้องให้ปล่อยเราไปแล้วเราจะไม่กล้าทำอะไรอีก”
“แต่ละคนหักแขนตัวเองซะแล้วออกไปได้”
หยางเฉินเอ่ยปาก
คนพวกนี้แค่ปากดีแต่พวกเขาไม่ได้มีความผิดถึงตาย การหักแขนข้างหนึ่งถือว่าเป็นบทเรียน