The king of War - บทที่ 670 เสียสติ
“ซ่งหวาหย่า เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอ?”
ซางเสี่ยวเซียหัวเราะเย็นๆพลางกล่าว “ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่เธอยังอยู่ในตระกูลซ่ง บางทีฉันอาจจะเกรงใจเธออยู่บ้าง แต่ตอนนี้พวกเธอสามคนครอบครัวโดนไล่ออกจากตระกูลซ่งทั้งหมด ตอนนี้เธอไม่ถือเป็นไฮโซระดับทั่วไปด้วยซ้ำ”
“มาอวดเบ่งอะไรกับเรา? ถ้าสามีจนๆของเธอไม่ยอมขอโทษตงซวี่ก็คอยดูเถอะ ตระกูลซางของเราจะไม่ให้โอกาสพวกเธอแม้แต่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในเยี่ยนตู!”
น้ำเสียงของซางเสี่ยวเซียเต็มไปด้วยความข่มขู่
หวางหวนหัวเราะเบาๆและเอ่ยขึ้น “ตระกูลหวังของฉันด้วย ถ้าสามีของเธอไม่ขอโทษตงซวี่ ตระกูลหวังจะไล่ครอบครัวของเธอออกจากเยี่ยนตู!”
“ใช่แล้ว ตระกูลซุนของฉันด้วย จะบี้พวกเธอให้ตายเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าง่าย” ซุนเหม่ยจวนเอ่ยยิ้มๆเช่นกัน
หยางซงก็หัวเราะเย็นๆ “นับตระกูลหยางของฉันด้วย”
ซ่งหวาหย่าไม่พูดอะไร เธอมองโม่ตงซวี่ด้วยสีหน้าผิดหวัง “โม่ตงซวี่ ไม่ว่ายังไงเราก็เคยรักกัน นายจะไร้เยื่อใยขนาดนี้เลยเหรอ?”
โม่ตงซวี่หรี่ตาลงเล็กน้อย หน้าตาเริ่มบิดเบี้ยว ทันใดนั้นเขาก็คำรามออกมาอย่างกราดเกรี้ยว “นังผู้หญิงชั้นต่ำ หุบปากไปเลยนะ!”
ที่หยางเฉินกลั้นอารมณ์มาตลอดก็เพื่อรอให้โม่ตงซวี่ระเบิดอารมณ์อีกครั้ง
เพราะมีแต่ให้ซ่งหวาหย่าเห็นกับตาว่าโม่ตงซวี่เคืองแค้นเธอขนาดไหน เธอถึงปล่อยวางผู้ชายคนนี้ได้อย่างสิ้นเชิง
“นังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอ หลอกให้ฉันรักมาตลอดสี่ปีเต็ม ยังกล้าพูดว่าเราเคยรักกันอีกเหรอ?”
โม่ตงซวี่พูดด้วยความแค้นเคือง “ถ้าไม่ใช่ว่าฉันเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ มีหวังโดนเธอหลอกให้แต่งงานด้วยจริงๆ”
“โม่ตงซวี่ นายพูดอะไรอยู่?”
ซ่งหวาหย่ามองโม่ตงซวี่ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อพร้อมกล่าว ตัวเธอสั่นเทิ้ม
ต่อให้เธอผิดหวังกับผู้ชาย่คนนี้อย่างสุดซึ้ง แต่ถึงยังไงก็เป็นผู้ชายที่เธอเคยรักมาก ทว่าเวลานี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ไม่เพียงแต่ด่าเธอว่าผู้หญิงชั้นต่ำ ยังหาว่าเธอหลอกเขาให้แต่งงานอีกด้วย
“เมื่อตอนนั้น เธอเป็นคนบอกฉันใช่มั้ยว่าพี่ชายของเธอเป็นคนสำคัญของตระกูลซ่ง มีโอกาสสูงที่จะได้เป็นผู้นำตระกูลซ่งคนต่อไป” โม่ตงซวี่ถาม
ซ่งหวาหย่าพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ก็ใช่น่ะสิ ในรุ่นพวกเรามีลูกชายสายตรงตระกูลซ่งเพียงสามคน พี่ชายของฉันมีความสามารถโดดเด่นอยู่แล้ว เป็นคนที่เก่งกล้าที่สุดในทั้งสามคน ทำอะไรเพื่อตระกูลมากมาย”
“ถ้าอย่างนั้นเธอบอกฉันมาซิว่าที่ตอนนี้ครอบครัวของเธอถูกไล่ออกจากตระกูลซ่งมันหมายความว่ายังไง” โม่ตงซวี่ถามอย่างแดกดัน
ซ่งหวาหย่ามีสีหน้าแข็งทื่อไปทันที ทันใดนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เพราะความจริงก็เป็นแบบนั้น ต่อให้พี่ชายของเธอทำอะไรเพื่อตระกูลซ่งขนาดไหน ก็ยังถูกไล่ออกจากตระกูล
“เธอทำให้ฉันเสียความหนุ่มไปถึงสี่ปีเต็ม แล้วยังหลอกฉันจนเกือบได้แต่งงานกับเธอ ฉันจะบอกว่าเธอหลอกให้ฉันรักและแต่งงานด้วยมันมีปัญหาตรงไหนรึ?”
โม่ตงซวี่จี้ถามต่อ
ซ่งหวาหย่าไม่อาจควบคุมน้ำตาได้อีกต่อไป เธอปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาและอยู่ๆเธอก็หัวเราะ “ที่แท้นี่ก็คือสาเหตุที่นายไปจากฉันก่อนแต่งงานหนึ่งวัน”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด ข่าวที่นายตายอยู่ต่างประเทศหรือแม้กระทั่งที่นายส่งของขวัญแทนใจกลับมาคืนฉัน รวมถึงรายงานสาเหตุการตายของนายก็เป็นแผนของนายทั้งหมดใช่มั้ย”
“นายทำแบบนี้เพราะรู้ว่าฉันยังรักนายมาก รู้ว่าหลังจากฉันเสียนายไปแล้วจะเจ็บปวดเจียนตาย นายถึงจงใจทำแบบนี้เพื่อแก้แค้นฉัน ฉันพูดไม่ผิดใช่มั้ย?”
ซ่งหวาหย่าน้ำตาไหล ทว่าถามด้วยรอยยิ้ม
โม่ตงซวี่เองก็อารมณ์ขึ้นสุดๆ เขากัดฟันกรอดพลางพูด “เธอพูดถูกแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นแผนของฉันเพื่อให้เธอเจ็บปวดเจียนตาย ให้เธอต้องชดใช้ที่หลอกลวงให้ฉันต้องเสียความหนุ่มไปถึงสี่ปี”
“แต่ที่ฉันผิดหวังคือนังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอปากบอกว่าจะรักฉันไปชั่วชีวิต หากวันใดฉันตายขึ้นมาเธอจะตายตาม แต่สุดท้ายล่ะ?”
“นอกจากเธอจะไม่ตายตามแล้ว บัดนี้ยังไปเป็นภรรยาคนอื่น เป็นนังชั้นต่ำที่สำส่อนจริงๆ ตอนนี้ฉันแต่งงานกับลูกสาวของผู้นำตระกูลซุนแล้ว และพวกเรามีความสุขมาก”
“ในอนาคต พ่อตาของฉันจะมองตำแหน่งผู้นำตระกูลซุนให้กับภรรยาของฉัน และตระกูลซุนในตอนนั้นก็จะเป็นสมบัติของฉันและภรรยาของฉัน”
“เธอบอกฉันมาซิว่านังชั้นต่ำอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาคบกับฉัน? มีสิทธิ์อะไรให้ฉันรักเธอไปทั้งชีวิต?”
โม่ตงซวี่ตะโกนถามอย่างมีอารมณ์
นาทีนั้น ทุกคนอึ้งกันหมด
พวกเขารู้เพียงว่าโม่ตงซวี่และซ่งหวาหย่าเคยคบกัน แต่ไม่รู้เรื่องอื่น
ซ่งหวาหย่าก็อึ้งไปเหมือนกัน แต่ความอึ้งของเธอต่างจากคนอื่น เธออึ้งกับความไร้ยางอายของโม่ตงซวี่ อึ้งกับความตาบอดของตัวเอง
ถ้าไม่ได้ตาบอด ตอนนั้นตัวเองไปหลงรักคนสารเลวไร้ยางอายแบบนี้ได้ยังไง
ที่โม่ตงซวี่เคียดแค้นและเอาคืนเธอก็เพราะพวกเธอไม่เป็นที่ต้อนรับของตระกูลซ่งหรือนี่ โม่ตงซวี่เลยคิดว่าตัวเองหลอกให้เขารัก
บนโลกนี้มีผู้ชายหน้าไม่อายขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอ?
แถมตัวเองเป็นคนเจอด้วย
ที่ตลกกว่านั้นคือ โม่ตงซวี่เป็นฝ่ายเคียดแค้นเธอแท้ๆ มิหนำซ้ำยังกระทำเรื่องราวทุเรศมากมาย บัดนี้กลับตำหนิที่ซ่งหวาหย่ายังไม่ตายแถมยังแต่งงานอีก
สายตาของหยางเฉินเต็มไปด้วยความเยียบเย็น เขาจ้องโม่ตงซวี่พลางกล่าว “ผู้ชายอย่างนายไม่คู่ควรจะถูกเรียกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ”
“นายหุบปากไปเลยนะ เรื่องระหว่างฉันกับเธอเกี่ยวอะไรกับนาย?” โม่ตงซวี่คำรามอย่างเกรี้ยวกราด
เขาในตอนนี้เสแสร้งต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขาคลุ้มคลั่งไปอย่างสิ้นเชิง ท่าทางโมโหโทโสนั้นดูแปลกตาสุดๆ
“เกี่ยวตรงนี้เธอเป็นน้องสาวของฉันหยางเฉิน เรื่องของเธอจึงเกี่ยวกับฉัน” หยางเฉินพูดอย่างโมโห
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ทุกคนงงกันหมด
หยางเฉินเป็นสามีของซ่งหวาหย่าไม่ใช่เหรอ?
ทำไมอยู่ๆถึงกลายเป็นพี่ชายของซ่งหวาหย่าล่ะ?
“นายหมายความว่ายังไง” โม่ตงซวี่ก็ผงะไปและเอ่ยปากถาม
หยางเฉินพูดเย็นๆ “นายตำหนิเสี่ยวหย่าที่บอกว่าชีวิตนี้รักนายได้คนเดียวแต่กลับแต่งงานกับคนอื่นไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันจะเล่าความจริงให้นายฟังเอง”
“ระหว่างฉันกับเธอไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา วันนี้เป็นเพียงการพบหน้าครั้งที่สามของเราเท่านั้น”
“แม้เวลาที่เรารู้จักกันนั้นสั้นมาก แต่ฉันยอมรับน้องสาวอย่างเธอจากใจ!”
ทันใดนั้นหยางเฉินก็รู้สึกปวดใจแทนซ่งหวาหย่ามาก ผู้หญิงโง่คนนี้รักโม่ตงซวี่มานานมาก จนกระทั่งวันนี้ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง
“นายบอกว่า เสี่ยวหย่าเคยบอกว่าถ้านายตายเธอจะตายตาม”
“นายวางแผนเรื่องทุเรศขนาดนั้นเพื่อหลอกเสี่ยวหย่า บอกว่านายตายแล้ว นายไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตอนที่เธอรู้ว่านายตายไม่ได้ตายตาม?”
“ฉันจะบอกนายให้นะ เธอเคยพยายามตายเพื่อนายอยู่หลายรอบ ถ้าไม่ใช่ว่าส่งตัวรักษาทัน เธอคงตายไปนานแล้ว”
“และเธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้าระยะร้ายแรงเพราะข่าวการตายของนาย รักษาอยู่สองปีเต็มถึงดีขึ้น”
หยางเฉินเล่าทุกอย่างที่ตัวเองรู้ออกมารวดเดียว
“เป็นไปไม่ได้”
“จะเป็นไปได้ยังไง?”
“นังผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอหลอกให้ฉันรักชัดๆ ฉันจะตายหรือไม่ตายเธอไม่แยแสเลยสักนิด!”
โม่ตงซวี่ตะโกนอย่างเดือดดาล