The king of War - บทที่ 680 ทะยอยกันเข้ามา
ตอนที่หยางเฉินเพิ่งมาถึงบ้านตระกูลกวน ก็สังเกตเห็นแล้วว่า คนบ้านตระกูลกวน แต่ละคนดูหมดอาลัยตายอยาก เห็นได้ชัดว่ากำลังประสบปัญหายุ่งยาก
กวนเจิ้งซานเห็นหยางเฉินทวงถาม ก็ไม่กล้าปิดบัง จึงได้เอ่ยปากตอบ “เรื่องของเรื่องคือเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้ มีคนหนุ่มคนหนึ่งอ้างว่าเป็นคนตระกูลเซวหนึ่งในตระกูลเดอะคิงแห่งจิ่วโจว ได้นำคนมาที่บ้านตระกูลกวน บอกให้พวกเราไปสวามิภักดิ์กับเขา”
“ฝ่ายนั้นเขามาแรงมาก บอกให้เวลาพวกเราคิดหนึ่งอาทิตย์ พวกเขาบอกว่าถ้าพวกเราไม่มีคำตอบให้พวกเขา แล้วพวกเขาจะเลือกคำตอบให้เอง”
“เท่าที่ผมรู้มา ไม่ใช่โดนแค่ตระกูลกวนเท่านั้น ยังมีตระกูลหานและหลายตระกูลที่มีระดับในมณฑลเจียงผิง ล้วนโดนมันขู่บังคับ”
ได้ยินกวนเจิ้งซานเล่ามา หยางเฉินย่นคิ้วเข้ามาในพลัน “ตระกูลเซว?”
“ใช่ ตระกูลเซวนั่นแหละ คนหนุ่มที่เป็นผู้นำคนนั้นชื่อเซวข่าย อายุประมาณสามสิบบวกลบ บุคลิกไม่ธรรมดา ข้างตัวยังมีผู้แข็งแกร่งติดตาม”
“พวกมันบุกตรงเข้ามาในบ้านตระกูลกวน แม้เจ้าเก้านิ้วผู้แข็งแกร่งมือหนึ่งของเราออกรับมือ ปะทะกับผู้แข็งแกร่งข้างตัวเซวข่าย แค่หมัดเดียวก็ซัดเจ้าเก้านิ้วแพ้ลงมา”
ในที่สุดหยางเฉินก็แน่ใจได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามก็คือคนของตระกูลเซวหนึ่งในสี่ตระกูลเดอะคิงจริง ๆ
เจ้าเก้านิ้วที่กวนเจิ้งซานพูดถึง หยางเฉินก็เคยได้ประมือด้วย กับหยางเฉินแล้ว ถึงแม้จะว่าไม่พอมือ แต่ทอดตามองในมณฑลเจียงผิง ก็ต้องจัดว่าเป็นยอดฝีมือในระดับหนึ่ง
ตอนนี้ เจ้าเก้านิ้วนี่แค่หมัดเดียวยังรับไม่ไหว ก็บ่งบอกได้ถึงความแกร่งฉกาจของคนที่มา
ผู้แข็งแกร่งขั้นนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งในสังกัดของมหาเศรษฐีในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ฝ่ายตรงข้ามนี้ว่าสกุลเซว และในสี่ตระกูลเดอะคิงก็มีตระกูลเซวจริง
“ในเมื่อพวกมันให้เวลาคุณหนึ่งอาทิตย์ งั้นวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่คุณต้องตัดสินใจแล้วสิ?”หยางเฉินถาม
กวนเจิ้งซานผงกหัว แล้วรีบตอบไปว่า “คุณหยาง พวกเราไม่มีความคิดที่จะทรยศคุณอย่างเด็ดขาด แต่พวกมันมากันดูใหญ่โตมาก เกรงว่าจะพัวพันไปถึงท่านด้วย ฉะนั้นจึงตั้งใจไม่บอกเรื่องนี้กับท่าน”
หยางเฉินสีหน้าเรียบเฉย “คุณไม่บอกผม แล้วคิดจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้?”
กวนเจิ้งซานขบเขี้ยวแล้วพูดว่า “ผมได้ประสานกับเจ้าบ้านหาน และอีกหลายตระกูลอื่นที่มีระดับในมณฑลเจียงผิงได้ปรึกษากันแล้ว ตกลงกันว่าจะร่วมมือกันต่อต้าน”
“ก็ขนาดสุดยอดผู้แข็งแกร่งของตระกูลกวน ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบอดี้การ์ดคนเดียวของเซวข่ายเลย ต่อให้พวกคุณร่วมมือกันอีกสักหลายตระกูล แล้วจะทำอะไรได้?”หยางเฉินจี้ถามต่อ
กวนเจิ้งซานอ้าปากค้าง พลันรู้สึกว่าตอบอะไรไม่ถูก
“วางใจเถอะ มีผมอยู่ ใครก็อย่าคิดจะมาแหยมเจียงผิง แต่ก่อนไม่ได้ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ ต่อไปก็ยิ่งไม่ได้!”
หยางเฉินเชิดหน้าพูดอย่างทระนง
ฐานะตระกูลตระกูลเซวแกร่งกล้ามาก แต่ในสายตาหยางเฉิน ก็ยังคงไม่พอจะให้กลัว
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็จัดว่าเป็นคนที่ก้าวออกมาจากเจียงผิง ตอนนี้เมื่อมีความสามารถพอที่จะช่วยเจียงผิง เขาย่อมไม่ยอมจะนิ่งดูดาย
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลกวนก็ได้สวามิภักดิ์กับหยางเฉินแล้ว ส่วนเจ้าบ้านตระกูลหาน-หานเส้าเทียน เดิมก็ทหารเก่าจากชายแดนเหนือ มีความสัมพันธ์กับหยางเฉินอยู่ก็ไม่น้อย
มาขณะที่สองตระกูลใหญ่กำลังมีเรื่องเดือดร้อน หยางเฉินย่อมไม่มีทางจะนั่งมองเฉย
“คุณหยางครับ ผมก็ได้ไปสืบข่าวได้เรื่องตระกูลเซวมา พวกเขานี้อยู่ในระดับหนึ่งในสุดยอดของตระกูลมหาเศรษฐีแห่งจิ่วโจว ต่อให้แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูร่วมมือกัน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย”
กวนเจิ้งซานไม่ได้รู้สึกดีใจด้วยกับการที่หยางเฉินจะออกหน้าจัดการเรื่องนี้ แต่กลับห่วงใยเป็นนัก พูดเสียงทุ้มต่ำว่า “หรือไม่ว่า ท่านอย่าได้ออกหน้าเลยนะครับ”
“ให้ถึงเวลาตระกูลมหาเศรษฐีทั้งเจียงผิงล้วนเลือกข้างไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตระกูลเซว ตระกูลเซวคงไม่สามารถถล่มตระกูลทั้งหมดนี้ให้ดับสูญไปมั้ง?”
“หากแม้นว่าจะถล่มให้ตระกูลมหาเศรษฐีดับสูญไปหมด ต่อให้ตระกูลเซวครอบครองเจียงผิงได้ แล้วจะได้อะไร?”
ระดับอย่างกวนเจิ้งซาน ที่รู้เรื่องของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูก็มีข้อจำกัดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องราวในตระกูลเดอะคิงและตระกูลราชวงศ์แห่งจิ่วโจวยิ่งจะไม่รู้เรื่อง ได้แต่สืบเสาะหาฟังมาพอให้รู้แค่เรื่องสองเรื่องเท่านั้น
หยางเฉินมองออกได้ว่า กวนเจิ้งซานห่วงใยในหยางเฉินอย่างจริงใจ ไม่อยากให้หยางเฉินต้องมาเสี่ยงภัยกับตระกูลกวน
“คุณคงยังสงสัยในความสามารถผม?”หยางเฉินถามด้วยยิ้มตาหยี ๆ
ได้ยินดังนั้น กวนเจิ้งซานให้รู้สึกสะท้านไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างหนัก รีบพูดแก้ไปว่า “คุณเฉิน ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ผมเพียงคิดแต่ว่า ไม่อยากให้เรื่องของตระกูลกวนไปเดือดร้อนคุณหยางท่าน”
“ถึงยังไงตระกูลกวนก็เพียงตระกูลเล็ก ๆ ส่วนคุณหยางเปรียบได้ดังหงษ์มังกรกลางมวลมนุษย์ พวกเราคนทั้งตระกูลกวนล้วนเชื่อมั่น ขอมีเวลาให้ท่านหยางอีกหน่อย ในไม่นานที่จะมาถึงนี้ คุณหยางต้องทะยานก้าวสูงเหนือตระกูลหลวงเป็นแน่”
หยางเฉินส่ายหน้าอย่างเอือมระอา จะว่าไป น่าจะตัวเราเองทำตัวติดดิน ดูแม้แต่ตระกูลกวนที่ยอมสวามิภักดิ์กับเราแล้ว ก็ยังเห็นว่าเราเทียบตระกูลหลวงไม่ได้
“ก็ในเมื่อไม่ได้สงสัยในความสามารถของผม งั้นก็ตกลงตามนี้ วันนี้ผมจะพักเฝ้าอยู่ที่บ้านตระกูลกวน คืออยากจะขอดูสักหน่อย ว่าไอ้คนตระกูลเซว มันจะอันธพาลขนาดไหน!”หยางเฉินพูดเรียบ ๆ
ตระกูลเซวแกร่งกล้ามาก แต่ขอเพียงเจ้าแห่งตระกูลเซวไม่ออกมาเอง คนในตระกูลเซวคงไม่มีใครมีศักดิ์ศรีพอที่จะให้หยางเฉินต้องแหงนมอง
ถึงแม้เจ้าแห่งตระกูลเซวมาเอง หากรู้จริงถึงฐานะของหยางเฉิน ก็ยังจะต้องมีมารยาทในการรับรอง
อย่างไรก็ตาม ฐานะผู้รักษาดินแดนเหนือของหยางเฉิน ก็อยู่เทียบระดับเดียวกับเจ้าแห่งราชวงศ์และอ๋องในตระกูลเดอะคิงแม้ว่าตอนนี้เขาออกมาแล้ว แต่ชื่อเสียงยังคงอยู่
แม้นว่าถ้าเขาออกคำสั่งไป ให้กองทหารนับแสนโจมตีเข้ามา ต่อให้เป็นราชวงศ์ ก็จะต้องถูกถล่มยับไปในชั่วเดี๋ยวเดียว
เห็นหยางเฉินได้ตัดสินใจแล้ว จะรับหน้าคนตระกูลเซวเอง กวนเจิ้งซานก็ไม่กล้าทัดทาน ใจคงได้แต่มีความห่วงกังวลหนักขึ้น
ขฌะเดียวกันนั้นเอง พ่อบ้านคนเก่าแก่ของบ้านตระกูลกวนวิ่งเข้ามารายงาน “ท่านผู้นำ ผู้นำซูกับผู้นำหานมากันแล้ว!”
“รีบเชิญเร็ว!”
กวนเจิ้งซานรีบสั่ง
อย่างไม่รอช้า ซูเฉิงอู่กับหานเซี่ยวเทียนต่างพาพรรคพวกเดินเข้ามา
“คุณหยาง ท่านก็มาด้วย!”
ซูเฉิงอู่มองเห็นหยางเฉิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ รีบตรงเข้าไปทักทาย
เป็นถึงตระกูลมหาเศรษฐีระดับต้นของเจียงโจว ด้วยอาศัยความสัมพันธ์กับหยางเฉิน ตอนนี้ตระกูลซูก็รุ่งระเบิดเพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่า
หานเซี่ยวเทียนก็ตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน ขมวดคิ้วหันไปถามใส่กวนเจิ้งซานว่า “พวกเราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือ เรื่องนี้ว่าจะไม่ไปกวนใจคุณหยาง พวกเราจะจัดการกันเอง?แล้วท่านยังกลับไปเชิญคุณหยางมาอีก?”
กวนเจิ้งเทียนมีสีหน้าลำบากใจ
หยางเฉินจึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ผู้นำหาน ท่านอย่าไปว่าผู้นำกวนเลย พอดีวันนี้ผมเพิ่งกลับมาถึงเจียงโจว เลยแวะเข้ามาดู ๆ หน่อย จึงได้รู้ว่ามีปัญหาในเจียงผิงเสียแล้ว”
สีหน้าหานเซี่ยวเทียนค่อยคลายความเครียดลงเล็กน้อย ถอนใจพลางพูดว่า “ความจริงก็คิดว่าไอ้แก่อย่างพวกผมนี่ ร่วมมือกันแก้ปัญหาเองได้ ไม่คิดว่ายังกลับต้องให้คุณหยางมารับหน้าอีก”
หานเซี่ยวเทียนกับคนทั้งหมดที่อยู่ในที่นี้ เป็นคนคนเดียวที่รู้ฐานะที่แท้จริงของหยางเฉิน แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้หยางเฉินต้องมามีส่วนพัวพันด้วย
เพราะตามข้อเท็จจริงแล้วหยางเฉินอยู่ในฐานะผู้ใหญ่ระดับเดียวกับตระกูลราชวงศ์และตระกูลเดอะคิงถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาแล้ว จะพาความยุ่งยากมาให้หยางเฉินอย่างมาก
“ในเมื่อมีคุณหยางออกหน้าเองแล้ว ไอ้พวกลูกเต่าหลานเต่าตระกูลเซว คราวนี้ก็ต้องแห้วกลับไปเป็นแน่”
หานเซี่ยวเทียนเอ่ยปากพูด
ในเมื่อหยางเฉินทุ่มตัวลงมาเองแล้ว จะให้ออกไปคงไม่ได้ หานเซี่ยวเทียนได้แต่ยอมรับ
“ผู้นำครับ ผู้นำตระกูลจินตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองหนันหยัง คุณจินจื้อหมิงมาถึงครับ”
ในขณะนั้นเอง พ่อบ้านคนเก่าแก่ก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาอีก แล้วรีบรายงาน
“ตระกูลจิน?”
หานเซี่ยวเทียนขมวดคิ้วย่น ถามด้วยเสียงเย็นเยือก “พวกเขาก็จะมาร่วมวงด้วยทำไมนี่?”
“ผู้นำครับ ผู้นำตระกูลเหลียงตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองตงหลัน คุณเหลี่ยงเหวินคางมาถึงครับ!”
ตามมาติด ๆ คนของบ้านตระกูลกวนอีกคนหนึ่ง ก็วิ่งเข้ามารายงาน