The king of War - บทที่ 701 ฆ่าได้จะดีที่สุด
เสี้ยวเสี้ยวกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “แต่เสี้ยวเสี้ยวชอบเพื่อนร่วมชั้นตอนนี้ และชอบบ้านใหญ่ในตอนนี้ด้วย ไม่อยากไปไหน จะทำยังไงดี?”
เมื่อเห็นสีหน้าอาลัยอาวรณ์ของลูกสาว หยางเฉินก็รู้สึกเศร้า แต่เพื่อเป็นการรับประกันความปลอดภัยของครอบครัว มีเพียงการพาพวกเขาติดตามไปด้วยเท่านั้นถึงจะปลอดภัยที่สุด
“กินข้าวเถอะ!”
ขณะนั้นเอง ฉินยีและฉินซีก็ถือจานอาหารออกมาจากห้องครัว ซึ่งเบนความสนใจของเสี้ยวเสี้ยวไป
“หนูอยากกินหมู!”
เมื่อเสี้ยวเสี้ยวเห็นหมูตุ๋นน้ำแดงที่ฉินยีทำก็แทบน้ำลายไหล ไม่เหลือความเศร้าหมองเมื่อครู่เลย
“พ่อคะ เรื่องบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอจัดการไปถึงไหนแล้ว?”
หลังมื้ออาหาร ฉินซีและฉินยีไปทำความสะอาดห้องครัว เสี้ยวเสี้ยวกำลังนั่งเล่นอยู่บนพรมข้างๆ หยางเฉิน หยางเฉินและฉินต้าหย่งนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น
ฉินต้าหย่งยิ้มๆ “เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก บริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอไม่ใช่กิจการใหญ่โตอะไรอยู่แล้ว ฉันจัดการเรื่องงานเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นก็ดี อีกไม่กี่วันหลังจากที่เสี่ยวซีและเสี่ยวยีจัดการงานที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปและซานเหอกรุ๊ปเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะไปที่เมืองเยี่ยนตู ทางนั้นผมจัดการเรียบร้อยแล้ว” หยางเฉินกล่าว
ทันใดนั้นฉินต้าหย่งก็มีสีหน้าลังเลขึ้นมา
“พ่อครับ พ่อมีอะไรจะบอกผมหรือเปล่า?” หยางเฉินถามขึ้น
ฉินต้าหย่งถึงเริ่มกล่าวว่า “หยางเฉิน แม้ว่าพ่อยังต้องการช่วยเหลือแกต่อไป แต่พ่อก็แก่แล้ว บริษัทใหญ่อย่างเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเต็มไปด้วยบุคคลที่มีพรสวรรค์ แม้ว่าพ่อจะไปที่นั่น ก็คงจะช่วยอะไรแกไม่ได้”
“พ่อมีแผนอะไรบ้างไหม?” หยางเฉินถามขึ้น
ฉินต้าหย่งชำเลืองมองเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังเล่นอยู่ข้างๆ ตามลำพัง แล้วพูดอย่างรักใคร่ “พ่อคิดว่า ต่อไปจะดูแลลูกๆ ให้พวกแกอย่างสบายใจ แบบนี้พวกแกจะได้ทำงานอย่างไม่ต้องเป็นกังวล”
“เดิมทีฉันคิดฝันไว้ว่าจะได้ดูแลกิจการ แต่ว่า แกได้ช่วยสานฝันเรื่องบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอให้เป็นจริง สำหรับฉัน ตอนนี้แม้ตายก็ตายตาหลับแล้ว”
หยางเฉินรีบพูดว่า “พ่อยังหนุ่มอยู่เลย พูดอะไรเหลวไหล?”
ฉินต้าหย่งยิ้มและไม่ได้พูดอะไร
“พ่อครับ ถ้าพ่อกังวลว่าจะสร้างความยุ่งยากให้กับงานของผม ผมก็หวังว่า พ่อจะไม่คิดมาก และทำงานในเยี่ยนเฉินกรุ๊ปต่อไป”
“ถ้าจะบอกว่า พ่อรู้สึกจริงๆ ว่าได้สานฝันของตัวเองแล้ว ตอนนี้แค่อยากดูแลเด็กๆ ถ้าอย่างนั้นผมก็สนับสนุนให้พ่อเกษียณ”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมหวังว่าพ่อจะตัดสินใจตามหัวใจของตัวเอง ตราบใดที่พ่อมีความสุข จะยังไงก็ได้”
หยางเฉินกล่าวอย่างจริงใจ
บริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอเล็กๆ เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ตอนแรกที่ได้บริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอมา ก็เพียงแค่ต้องการนำมาให้ฉินต้าหย่งฝึกมือเท่านั้น
ก็เหมือนกับที่ฉินต้าหย่งพูดเอง เยี่ยนเฉินกรุ๊ปมีบุคคลที่มีพรสวรรค์อยู่มากมาย แม้ว่าเขาจะไปที่นั่น ก็อาจจะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก
ฉินต้าหย่งยิ้มและพูดว่า “ฉันตัดสินใจตามหัวใจตัวเอง ฉันวางแผนที่จะเกษียณอายุ และดูแลลูกๆ ให้พวกแกนับจากนี้ไป”
“ครับ ในเมื่อพ่อได้ตัดสินใจแล้ว ผมก็จะไม่บังคับอีก เดี๋ยวผมจะจัดหาแม่บ้านให้คอยทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน และช่วยพ่อดูแลเสี้ยวเสี้ยวด้วย” หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่า ดี นั่นคือการตัดสินใจที่มีความสุขแล้วล่ะ พอไปถึงเมืองเยี่ยนตู ฉันก็จะเริ่มเพลิดเพลินกับชีวิตวัยชราของฉันแล้ว” ฉินต้าหย่งกล่าวอย่างมีความสุข
หยางเฉินสามารถมองออกว่า ฉินต้าหย่งนั้นมีความสุขจริงๆ
แม้ว่าฉินซีจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเขา แต่เพียงแค่ฉินต้าหย่งเลี้ยงดูอบรมฉินซีมานานหลายปี และดีกับฉินซีมากขนาดนี้ ก็คู่ควรแล้วที่หยางเฉินจะเคารพเขาไปตลอดชีวิต
พวกเขาไม่ได้พูดจากันทั้งคืน รุ่งเช้าวันถัดมา ที่สนามบินนานาชาติเจียงโจว
เซวหยวนป้าและเซวข่ายมารออยู่ที่ประตูสนามบินแล้ว ในเวลานี้ ชายชราในชุดสีเทาได้เดินออกมาพร้อมกับฝูงชน
“ท่านลั่ว!”
เมื่อเซวหยวนป้าเห็นชายชรา ก็รีบเรียกเขาและก้าวมาข้างหน้า
ชายชราในชุดผ้าคือยอดฝีมืออันดับสามของตระกูลเซว ลั่วเฉิน
“เจ้าชายสาม ขอโทษที่ทำให้ท่านรอ!” ลั่วเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้น
แม้ว่าเซวหยวนป้าจะเป็นเจ้าชายสามแห่งตระกูลเซว แต่เขากลับไม่กล้าเย่อหยิ่งต่อหน้าลั่วเฉิน
ลั่วเฉินเป็นนายพลห้าวหาญที่ติดตามเจ้าตระกูลเซวไปทำสงครามปราบปรามในปีนั้น เขาภักดีต่อตระกูลเซวมาก หลายครั้งแม้แต่เจ้าตระกูลเซวยังขอคำชี้แนะจากลั่วเฉิน
ต่อไปข้างหน้า เมื่อเซวหยวนป้าต้องการแย่งชิงราชบัลลังก์ หากมีสัมพันธ์อันดีกับลั่วเฉิน มันจะช่วยเขาได้อย่างมาก
“ท่านลั่ว!” เซวข่ายเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ผู้นำบอกว่า การมาเจียงโจวครั้งนี้ ให้ผมทำตามการจัดการของเจ้าชายสาม”
“หากเจ้าชายสามต้องการอะไร ก็สั่งการมาได้เต็มที่” ลั่วเฉินกล่าว
ดวงตาทั้งสองของเซวหยวนป้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ในแววตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่แข็งแกร่ง “ท่านลั่ว! ผมต้องการให้ท่านไปทดสอบฝีมือชายหนุ่มคนหนึ่ง หากเป็นไปได้ ฆ่าเขาได้จะดีที่สุด!”
เมื่อคืนที่ผ่านมา เซวข่ายได้สืบพบว่า ผู้หญิงสองคนที่พยานบอกว่าถูกเซวหมิงบังคับพาไปที่ห้องส่วนตัว ก็คือฉินซีและฉินยี
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังรู้ว่าฉินซีเป็นภรรยาของหยางเฉิน ส่วนฉินยีเป็นน้องเมียของหยางเฉิน
เดิมทีเซวข่ายสงสัยว่าการหายตัวไปของเซวหมิง อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับหยางเฉิน
ตอนนี้ สถานที่ที่เซวหมิงปรากฏตัวครั้งสุดท้ายคือเหม่ยเฮ่า แถมยังเคยมีความขัดแย้งกับภรรยาและน้องเมียของหยางเฉิน ส่วนข้างกายเซวหมิงยังมียอดฝีมือคอยคุ้มกันอยู่ด้วย
ตอนนี้เซวหมิงหายตัวไปพร้อมกับยอดฝีมือที่คอยคุ้มกันเขา ต้องเป็นฝีมือของหยางเฉินแน่
ถ้าไม่อย่างนั้น ลำพังในเมืองเล็กๆ อย่างเจียงโจว จะมีใครทำให้เซวหมิงหายตัวไปได้ภายใต้การคุ้มกันของยอดฝีมือตระกูลเซว?
“ท่านลั่ว ท่านลองไปทดสอบฝีมือชายหนุ่มที่ชื่อหยางเฉิน การหายตัวไปของอะหมิงมีความเกี่ยวข้องกับเขา และอาจเป็นไปได้ที่อะหมิงจะถูกเขาสังหาร”
เซวหยวนป้ากัดฟันพูด
ลั่วเฉินตกใจเล็กน้อย “ถ้าผมจำไม่ผิด คนที่คุ้มกันคุณชายหมิงคือยอดฝีมือที่อยู่ในสิบอันดับแรกของตระกูลเซว ชายหนุ่มอายุ 27 ปีจะสามารถพาคุณชายหมิงไปจากมือของเขาได้เหรอ?”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เซวหยวนป้าจะไม่มีทางเชื่อเลย แต่เมื่อคืนนี้เขาได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว หยางเฉินหักข้อมือของเหมิงตันได้อย่างง่ายดาย
เซวหยวนป้าพยักหน้า “แม้แต่เหมิงตันยังไม่ใช่คู่ต่อกรของชายหนุ่มคนนั้น แค่เผชิญหน้ากัน ก็ถูกอีกฝ่ายหักข้อมือแล้ว”
ครั้งนี้สีหน้าของลั่วเฉินนั้นเคร่งขรึมขึ้นมามาก
เขาย่อมรู้ว่าเหมิงตันคือใคร ยอดฝีมืออันดับห้าของตระกูลเซว แม้จะอยู่ต่ำกว่าเขาสองอันดับ แต่ยอดฝีมือระดับเหมิงตัน ถ้าอยู่ในเมืองเยี่ยนตู ก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูแน่นอน
ยอดฝีมือระดับนี้ กลับถูกชายหนุ่มวัย 27 ปีหักข้อมือในเมืองเล็กๆ อย่างเจียงโจวได้อย่างคาดไม่ถึง
จะเห็นได้จากตรงนี้ว่า ความสามารถของชายหนุ่มคนนั้นน่ากลัวแค่ไหน
ระหว่างทางออกจากสนามบิน เซวหยวนป้าบอกทุกอย่างที่เขาสืบได้และทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหยางเฉินให้ลั่วเฉินฟัง รวมไปถึงการเดาของเขาด้วย
ลั่วเฉินไม่เคยมีท่าทีประมาทศัตรู สีหน้าท่าทางของเขาจริงจังมาก พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “จากการคิดคำนวณของท่าน เขาน่าจะเป็นยอดฝีมือที่มาจากชายแดนเหนือ”
“ชายแดนเหนือ?”
ทั้งเซวหยวนป้าและเซวข่ายล้วนมีสีหน้าประหลาดใจ