The king of War - บทที่ 706 ชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา
“ซานซาน ไม่ใช่ความผิดของเธอ เสี่ยวยีชักจะเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นทุกวัน เธออย่าไปถือสาเลย เดี๋ยวฉันจะคุยกับหล่อนเอง” ฉินซีรีบพูดปลอบเธอ
ซูซานฝืนยิ้มออกมา “เสี่ยวซี เธออย่าตำหนิเสี่ยวยีเลย อย่าให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอพี่น้องต้องมีผลกระทบเพราะฉัน”
“เอาล่ะ ความเข้าใจผิดคลี่คลายแล้ว ฉันไปก่อนล่ะ”
ซูซานพูดพลางกำลังจะออกไป
“ซานซาน ฉันทำอาหารเสร็จแล้ว กินก่อนแล้วค่อยไปสิ!” ฉินซีรีบรั้งไว้
ซูซานแค่ยิ้มๆ แล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ฉินซีไม่มีโอกาสรั้งเธอไว้ เธอวิ่งออกไปข้างนอกแล้ว ไม่ช้าเสียงสตาร์ทรถก็ดังคำรามขึ้น
จากนั้นฉินซีก็กลับไปที่ห้อง จ้องมองหยางเฉินอย่างเกรี้ยวกราด “ทั้งหมดมันเป็นความผิดของคุณ!”
หยางเฉินยิ้มอย่างจนปัญญาและไม่โต้แย้งใดๆ
ฉินยีโกรธมากจริงๆ อาหารเย็นก็ไม่มากิน
“ซูซานมาที่นี่ทำไม?”
หยางเฉินถามขึ้นในขณะรับประทานอาหาร
ฉินซีถอนหายใจ “เธอมาเพื่ออธิบายเรื่องในภาพถ่าย แต่เสี่ยวยีไม่ไว้หน้าเธอเลย กินข้าวเสร็จแล้วคุณช่วยไปเกลี้ยกล่อมเธอให้ฉันหน่อย”
“ซูซานเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เธอจะไม่มีวันทำเรื่องทรยศฉัน ฉันเชื่อใจเธอ และแน่นอน ฉันเชื่อใจคุณด้วย”
พอได้ยินคำพูดของฉินซี หยางเฉินก็รู้สึกขาดความมั่นใจ
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียดายแทนฉินซี ซูซานเป็นยัยจอมวางแผน เสแสร้งทำดีต่อหน้าฉินซีขนาดนี้ เกรงว่าหากหยางเฉินพูดถึงซูซานไม่ดี ฉินซีจะไม่ยินดีฟังด้วยซ้ำ
“ผมคิดว่า ฉินยีทำถูกแล้ว”
จู่ๆ หยางเฉินก็พูดขึ้นมา
สีหน้าฉินซีแข็งทื่อทันที “คุณหมายความว่ายังไง?”
“ผมแค่อยากจะบอกว่า ฉินยีเป็นน้องสาวของคุณ ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับซูซานจะดีแค่ไหน เธอก็ยังเป็นคนนอก อย่าให้คนนอกส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณสองพี่น้อง”
หยางเฉินกำลังจะพูดออกมาแล้ว แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเรื่อง
ฉินซีจ้องมองหยางเฉิน “ซูซานไม่ใช่คนนอก เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ห้ามคุณพูดถึงเธอแบบนี้ จะว่าไปแล้ว จะไม่ให้โทษคุณได้ยังไง? ถ้าคุณไม่ดื่มเหล้าเมา แล้วซูซานมาเห็นเข้า สงสัยว่าคุณจะต้องนอนบนถนนแล้วล่ะ?”
หยางเฉินรู้ว่าฉินซีให้ความสำคัญกับซูซานมากแค่ไหน แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ หยางเฉินก็ยิ่งรู้สึกขัดแย้งภายในใจมากขึ้นเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับซูซานอย่างไร
เขารู้ทั้งรู้ว่าซูซานมีเจตนาร้าย แต่ฉินซีก็ให้ความสำคัญกับเพื่อนสนิทอย่างซูซานมาก
แต่นอกจากเรื่องคิดไม่ซื่อกับตัวเองแล้ว ซูซานก็ไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อฉินซี
เขาจะปล่อยซูซานไปก่อน ตราบใดที่เธอไม่ได้ทำเรื่องที่ทำร้ายฉินซี เขาจะแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังมื้ออาหาร หยางเฉินไปหาฉินยี เขาเคาะประตูอยู่หลายครั้ง น้ำเสียงหงุดหงิดของฉินยีดังออกมาจากในห้อง “มีอะไร?”
“คุณน้า เสี้ยวเสี้ยวสำนึกผิดแล้ว นอกจากคุณน้ากับคุณแม่ ผู้หญิงคนอื่นล้วนเป็นคนนอก” เสี้ยวเสี้ยวพูดขึ้น
คำพูดของเสี้ยวเสี้ยวใช้ได้ผล มีเสียงฝีเท้าดังมาจากในห้องทันที
“แกร๊ก” ประตูเปิดออก หยางเฉินแทรกตัวเข้ามาทันที
“หยางเฉิน!”
ฉินยีตกใจกรีดร้องออกมาทันที พลางตะโกนว่า “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
“เสี่ยวยี เธออย่าเพิ่งไล่พี่ พี่อยากคุยกับเธอ”
หยางเฉินรีบพูด
ส่วนเสี้ยวเสี้ยว แค่ถูกพ่อเอามาเป็นสะพานเท่านั้น พอประตูเปิด เสี้ยวเสี้ยวก็วิ่งไปหาแม่แล้ว
“หยางเฉิน ฉันมองไม่ออกเลยว่า พี่จะไร้ยางอายขนาดนี้ กล้าหลอกใช้แม้แต่ลูกสาวของตัวเอง”
ฉินยีกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม แต่ไม่ได้ไล่หยางเฉินอีก
หยางเฉินยิ้ม นั่งลงบนโซฟาที่อยู่ข้างๆ ชำเลืองมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ “เธอใจกล้ามากเหรอ? กล้าหมกตัวอยู่ในห้องดูหนังสยองขวัญ?”
ฉินยีจ้องเขม็งใส่หยางเฉิน “มันไม่ใช่กงการอะไรของพี่!”
จากนั้นเธอก็เดินไปปิดคอมพิวเตอร์อย่างฉุนเฉียวและพูดอย่างเย็นชา “ถ้าพี่จะมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ฉันไม่ถือสาหาความกับยัยจอมวางแผนนั่น ฉันแนะนำให้พี่ออกไปตอนนี้เลย!”
เห็นได้ชัดว่าฉินยีโกรธซูซานมาก
“เธอวางใจได้ พี่ไม่ได้มาเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ”
หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินหยางเฉินพูดดังนั้น ฉินยีก็ชะงักงันทันที “แล้วพี่มาหาฉันทำไม?”
“ผู้หญิงอย่างซูซานวางแผนเก่ง พี่ไม่อยากให้ฉินซีอยู่ใกล้เธอมากเกินไป”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ฉินยีเบิกตากว้าง คิดไม่ถึงเลยว่าหยางเฉินจะคิดแบบนี้
“พี่เขย พี่คิดอย่างนั้นจริงเหรอ?” ฉินยีรีบถามขึ้น
หยางเฉินพยักหน้า “ในใจของพี่ เธอคือน้องสาวของพี่ พี่ไม่มีทางโกหกเธอ”
หลังจากแน่ใจแล้วว่าหยางเฉินไม่ชอบซูซาน ในที่สุดฉินยีก็ยิ้มออกมาและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ถือว่าพี่รู้จักเอาตัวรอด! เห็นแก่ที่พี่ซื่อสัตย์และจริงใจ เรื่องภาพถ่ายสนิทสนมของพี่กับยัยจอมวางแผน ฉันจะไม่ติดใจเอาความพี่แล้ว!”
หยางเฉินไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ผู้หญิงคนนี้โกรธง่ายหายเร็วจริงๆ
“ผิดปกติ!”
ทันใดนั้นฉินยีก็ขมวดคิ้ว สองตาจับจ้องหยางเฉินและกล่าวว่า “ซูซานทำอะไรพี่หรือเปล่า? ไม่งั้นพี่จะรู้ได้ยังไงว่าเธอวางแผนเก่ง?”
หยางเฉินรีบปฏิเสธ “มันจะเป็นไปได้ยังไง? พี่เป็นผู้ชายร่างกายกำยำ ผู้หญิงคนเดียวอย่างเธอ จะทำอะไรพี่ได้?”
“พี่เขย พี่ขาดความมั่นใจแล้ว!” ฉินยีจับจ้องสองตาของหยางเฉิน
หยางเฉินแอบรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่สามารถบอกฉินยีได้ว่า เขาอยู่ในห้องพักโรงแรมเดียวกับซูซานตลอดทั้งคืน
มิฉะนั้น ด้วยนิสัยของฉินยี เธอต้องตามไปตบหน้าซูซานที่ตระกูลซูแน่นอน
ถึงตอนนั้น เรื่องราวจะไปกันใหญ่ ฉินซีจะเป็นคนกลางที่เสียใจมากที่สุด
“เอาล่ะ เธออย่าเที่ยวสงสัยไปทั่วเลย พี่กับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจริงๆ”
หยางเฉินกล่าวว่า “พี่ติดต่อเจรจากับตระกูลซูหลายครั้งแล้ว มีความทรงจำไม่ดีกับตระกูลซู บางทีอาจเป็นเพราะเกลียดใครก็เกลียดคนของเขาด้วย พี่เลยไม่ค่อยชอบซูซานเท่าไร”
“เธอน่าจะรู้ดีว่า เมืองเจียงผิงในตอนนี้ ตระกูลหานและตระกูลกวน รวมถึงตระกูลซูนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด ตอนนี้ตระกูลหานและตระกูลกวนได้ตัดสินใจแล้วว่า ต้องการตามพี่ไปที่เมืองเยี่ยนตู”
“ส่วนตระกูลซู แม้ว่าต้องการไปเมืองเยี่ยนตูเหมือนกัน แต่ก็ถูกพี่ปฏิเสธไปแล้ว”
เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดเช่นนี้ ฉินยีก็ไม่ติดใจสงสัยอะไรอีกแล้ว เพียงแต่เธอไม่ต้องการแสดงมันออกมาเท่านั้นเอง
“หึ! พวกผู้ชายก็เหมือนกันหมดทุกคน ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ พี่ไม่ได้มีอะไรกับยัยจอมวางแผนนั่นก็แล้วไป ถ้าให้ฉันเห็นพวกพี่ใกล้ชิดกันอีกครั้ง ฉันจะไม่ยอมยกโทษให้พี่แน่นอน” ฉินยีกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
หยางเฉินพูดอย่างจนปัญญา “คำว่า ‘อีกครั้ง’ ของเธอ มันฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไร”
ฉินยียิ้มเยาะ “อย่าลืมนะว่า ก่อนหน้านี้ในระหว่างงานต่อสู้ของหนันหยังและเจียงผิง ฉันเห็นยัยจอมวางแผนนั่นควงแขนพี่กับตา ตอนนั้นพวกพี่สนิทสนมกันมากเลยนะ!”
ทันใดนั้นหยางเฉินก็นึกอยากตบปากตัวเองขึ้นมา เขารีบลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “เอาล่ะ พี่ไม่คุยกับเธอแล้ว พี่สาวของเธอเผื่อกับข้าวไว้ให้เธอแล้ว เธอก็ไปกินเสียหน่อยเถอะ”
พูดจบ เขาก็เผ่นแนบทันที
หลังจากที่หยางเฉินไปแล้ว ฉินยีก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
หลังจากหยางเฉินกลับมาถึงห้อง ฉินซีก็รีบถามว่า “คุณไปคุยกับฉินยีมาเป็นยังไงบ้าง?”