The king of War - บทที่ 717 ห้าตระกูลร่วมมือกัน
ทุกคนเงียบไปสักครู่ก่อนที่จะกลับมารู้สึกตัว ผู้นำตระกูลทั้ง 5 ที่นำโดยหลีจื๋อต่างก็โมโหแทบบ้า
“เฉินซิงไห่ คุณนี่มันโลภมากจริงๆ ต้องการทรัพย์สินเกือบครึ่งของตระกูลทั้งห้าของเรา?”
หลีจื๋อพูดอย่างโกรธเคือง “ในเมื่อคุณทำแบบนี้กับเรา ก็อย่าโทษพวกเราที่ร้ายใส่คุณ!”
“ท่านผู้นำหลีพูดถูก ไอ่แค่ตระกูลเฉิน ก็อยากกลืนกินทรัพย์สินเกือบครึ่งของเรางั้นเหรอ?”
“เฉินซิงไห่ อย่าคิดว่าคุณแย่งทุกอย่างที่ควรเป็นของตระกูลไช่ คุณก็จะสามารถแทนที่ตำแหน่งของตระกูลไช่ในเยี่ยนตูได้”
ผู้นำตระกูลทั้งห้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
เพราะว่า สิ่งที่เฉินซิงไห่ต้องการคือครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินของแต่ละตระกูล ถ้าเขาทนได้ เขาจะกลายเป็นนินจาเต่าผู้อดทนจริงๆแล้ว
เฉินซิงไห่รอจนกว่าทุกคนจะพูดจบ เขาจึงเอ่ยปากพูดว่า “พวกคุณพูดถูก หลังจากที่ตระกูลเฉินได้ทุกอย่างของตระกูลไช่แล้ว มันจริงที่เราไม่สามารถแทนที่ตำแหน่งของตระกูลไช่ แต่เมื่อจัดการพวกคุณแล้ว จากนั้นตระกูลเฉินก็จะสามารถแทนที่ตำแหน่งของตระกูลไช่ได้จริงๆ และมันจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ”
ทันทีที่เสียงของเขาลดลง และเขาก็ปรบมือ ทันใดนั้น ก็มีชายฉกรรจ์หลายสิบคนรีบวิ่งเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง
สักพัก ห้องจัดเลี้ยงก็เต็มไปด้วยผู้คน
นอกจากคนใหญ่คนโตที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงอยู่แล้ว ยังมีผู้ชายที่แข็งแกร่งอีกหลายร้อยคน
“ตอนนี้ ผมจะให้สองทางเลือกแก่พวกคุณ ไม่ก็มอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลตนเองออกมา จากนั้นยอมจำนนต่อพวกเรา ตระกูลของพวกคุณ ยังสามารถเก็บไว้ได้”
เฉินซิงไห่พูดอย่างเผด็จการ “ไม่ก็ พวกคุณรวมกองกำลังมาต่อต้าน และเมื่อเราร่วมมือกัน ปราบปรามทั้งห้าตระกูล ถึงตอนนั้น อย่าว่าแต่รักษาตระกูลของพวกคุณไว้เลย แม้แต่ทุกอย่างในตระกูลของพวกคุณ ก็จะถูกเรายึดครอง”
“ผมพูดเสร็จแล้ว ผมจะให้เวลาคุณคิดห้านาที หลังจากที่คุณคิดเสร็จแล้ว บอกคำตอบมา!”
หลังจากพูดจบ เฉินซิงไห่หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา และปรับการนับถอยหลังสามร้อยวินาทีโดยตรง
อาจเป็นเพราะออร่าของเฉินซิงไห่แรงเกินไป และมีผู้แข็งแกร่งร้อยกว่าคนในห้องจัดเลี้ยง ในเวลานี้ ผู้นำตระกูลทั้ง 5 ต่างนิ่งเงียบและไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น
ความตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้าของผู้นำทั้งห้า แม้แต่หลีจื๋อก็ตื่นตระหนกในเวลานี้เช่นนี้
เขารู้ว่าตระกูลเฉินสามารถแทนที่ตระกูลไช่ได้ แต่ว่า แม้ว่าตระกูลเฉินจะมีคนใหญ่คนโตสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่ว่ายังไง ตระกูลเฉินก็ไม่กล้าที่จะกักขังทั้งห้าตระกูล และบังคับให้พวกเขามอบครึ่งหนึ่งของทรัพย์สิน
แต่ในความเป็นจริง ตระกูลเฉินไม่เพียงแต่ทำเช่นนี้แล้ว แต่ยังกล้าที่จะขู่เข็ญพวกเขา ไม่ยอมจำนนมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งออกมา พวกเขาก็จะยึดครองตระกูลทั้งห้าด้วยกำลัง
ชายชราที่นั่งอยู่ข้างๆของเฉินซิงไห่ คือใคร?
และชายหนุ่มที่นั่งอยู่กับชายชราสามคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน?
ทำไมอายุยังน้อยก็สามารถนั่งกับคนอย่างเฉินซิงไห่ได้?
ในใจของหลีจื๋อจู่ๆก็คำถามเป็นแสน
ไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากรู้อยากเห็น แต่คนใหญ่คนโตที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเฉินที่ทำให้เขากลัว
ตอนนี้ชายชราสองคนและชายหนุ่มหนึ่งคนกำลังนั่งอยู่กับเฉินซิงไห่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนของตระกูลเฉิน และดูไม่ธรรมดา คนเหล่านี้ จะเป็นคนใหญ่คนโตที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเฉินหรือไม่?
ผู้นำคนอื่นๆไม่ได้มีคำถามมากมายนัก และทุกคนก็ตื่นตระหนก ตอนนี้ หลีจื๋อเป็นเสาหลักของพวกเขา
“นายท่านตระกูลหลี คุณรีบคิดหาวิธีดู ตอนนี้เราควรจะทำอย่างไร?”
ผู้นำตระกูลคนหนึ่งถามอย่างกังวลใจ
หลีจื๋อขมวดคิ้วและตะโกน “กังวลทำไม?”
เขารู้ดีว่า เมื่อเขาแสดงความขี้ขลาดออกมาแล้ว พันธมิตรของทั้งห้าตระกูลก็จะแตกสลายไปโดยสิ้นเชิง
ดังนั้น แม้ว่าเขาจะตื่นตระหนก เขาก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้
“เฉินซิงไห่ คุณทำเกินไปไหม?จะมาแย่งชิงทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของห้าตระกูลของเรางั้นหรือ?”
หลีจื๋อจ้องไปที่เฉินซิงไห่และกล่าว”เดิมที ที่ทั้งห้าของเรามาที่นี่ ก็เพื่อมาเจรจากับคุณ และสร้างกองกำลังพันธมิตรที่เก่งกาจ เพื่อต่อต้านการเอารัดเอาเปรียบของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูที่ทำต่อเรา”
“แม้ว่าตอนนี้คุณต้องการกลืนกินทั้งห้าของเรา แต่เรื่องนี้ เราไม่ถือสา”
“คุณก็รู้ดี เยี่ยนตูในตอนนี้ แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเป็นราชา ตระกูลอย่างเราๆที่มีอำนาจรองจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู พวกเขาดูถูกเรามาก พยายามกดเราทุกที่”
“เพราะเหตุนี้ ทำให้การพัฒนาตระหรือการเติบโตกูลของเราจึงถูกจำกัดอย่างมาก ดังนั้นผมจึงวางแผนที่จะจัดตั้งพันธมิตร เมื่อแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูกล้าที่จะปราบปรามตระกูลใดในพันธมิตรของเรา ตระกูลพันธมิตรจะออกไปช่วยพร้อมกัน ต่อสู้กับตระกูลนี้ให้ถึงที่สุด”
“ทำให้มีความสมดุลระหว่างแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู คงไม่มีตระกูลใดกล้ามาสู้กับกองกำลังพันธมิตรของเรา ไม่เช่นนั้นตระกูลนั้นจะอ่อนแอลงและตระกูลอื่นจะแข็งแกร่งขึ้น”
“ถึงตอนนั้น หากปราศจากการปราบปรามของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ด้วยการพัฒนาในปัจจุบันของเรา ไม่ช้าก็เร็ว มันจะกลายเป็นแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูอันใหม่ และอาจแซงหน้าพวกเขาด้วยซ้ำ”
หลีจื๋อพูดความคิดของเขาในลมหายใจเดียว
ความคิดเหล่านี้ เป็นความคิดของพวกเขาในการสร้างพันธมิตรที่เก่งกาจ แต่ว่า พวกเขาไม่มีแผนที่จะนำตระกูลเฉินเข้าสู่พันธมิตรด้วย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โดนเฉินซิงไห่ข่มขู่ เขาต้องการหาข้ออ้างที่จะหลบหนีจากตระกูลเฉินก่อน
เฉินซิงไห่ไม่ได้ขัดจังหวะ หลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบ เขาเหลือบมองดูเวลาแล้วพูดว่า “ยังเหลืออีกร้อยวินาที!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้นำของทั้ง 5 ตระกูลต่างตกตะลึง เดิมทีคิดว่า หลังจากที่หลีจื๋อพูดถึงแผนการเป็นพันธมิตรของพวกเขาแล้ว เฉินซิงไห่ก็จะตกลงที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรอย่างแน่นอน
สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ เฉินซิงไห่ไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย
“ผู้นำเฉิน เราได้แสดงความจริงใจออกมาหมดแล้ว คุณต้องการอะไร?”
หลีจื๋อพูดอย่างโกรธเคือง
อย่างไรก็ตาม เฉินซิงไห่ไม่ได้สนใจที่จะตอบเลย และนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบ เพื่อรอเวลาห้านาทีผ่านไป
หานเซี่ยวเทียนและกวนเจิ้งซานใบหน้ายิ้มแย้ม การแสดงของเฉินซิงไห่ในวันนี้เกินความคาดหมาย และทำให้พวกเขาตั้งตารอ
ตระกูลเฉินแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเพิ่มตระกูลหานและตระกูลกวน หากทั้งสามตระกูลสร้างพันธมิตรกัน จะเกิดความปั่นป่วนแบบไหนในเยี่ยนตู?
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดรู้ดีว่า ทั้งหมดนี้ หยางเฉินเป็นคนให้พวกเขา
เมื่อเห็นเฉินซิงไห่ไม่ตอบ ผู้นำทั้งห้า รวมทั้งหลีจื๋อก็รู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก
ตอนนี้ ท่าทีของเฉินซิงไห่แข็งมาก เห็นได้ชัดว่าเขาจะปรับพวกเขาให้ได้
“โอเค ถึงห้านาทีแล้ว บอกผมมาว่าพวกคุณเลือกอะไร”
ในขณะนี้ เฉินซิงไห่ก็เอ่ยปากพูดกะทันหัน
หลีจื๋อและคนอื่นๆ ทุกคนต่างหวาดกลัวในใจและไม่มีใครตอบ
“ในเมื่อพวกคุณไม่ตอบ ผมจะช่วยพวกคุณเลือก มอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งออกมา แล้วยอมจำนนต่อเรา”
เฉินซิงไห่กล่าว
“เฉินซิงไห่ อย่ารังแกคนมากเกินนะป อย่าว่าแต่ครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมเลย แม้แต่เงินหนึ่งสตางค์ คุณก็อย่าได้คิดที่จะเอาจากพันธมิตรทั้งห้าตระกูลของเรา!”
ในที่สุด หลีจื๋อก็ทนไม่ไหว และคำราม “อย่าคิดว่ามีแต่คุณเท่านั้นที่เตรียมพร้อม พันธมิตรทั้งห้าของเราก็พร้อมเช่นกัน หากคุณต้องการต่อสู้ เราจะสู้กับคุณให้ถึงที่สุด!”