The king of War - บทที่ 718 สงครามทางความคิด
เมื่อเสียงของหลีจื๋อลดลง เฉินซิงไห่ก็หัวเราะอย่างเย็นชา “เมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่าคุณเลือกทางตายใช่ไหม?”
ในเวลานี้ หลีจื๋อเป็นคนเดียวที่แสดงความคิดเห็นของเขา อีกสี่ตระกูลก็เงียบกริบ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
เมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินซิงไห่พูด เปลือกตาของหลีจื๋อก็กระตุก และเมื่อเขาเห็นว่าตระกูลพันธมิตรอื่นๆไม่พูดอะไร เขาก็โกรธทันที “พวกคุณเป็นใบ้กันเหรอ? หรือต้องรอจนกว่าตระกูลเฉินทำลายล้างพวกคุณจริงๆ พวกคุณถึงมาเสียใจ?”
“ผมบอกพวกคุณนะ ตระกูลเฉินแค่ยึดทรัพย์สินของตระกูลไช่เท่านั้น เมื่อเทียบกับตระกูลไช่ก่อนหน้านี้ มันก็แค่ขยะ!”
“ท่ามกลางตระกูลของพวกคุณ ไม่ว่าตระกูลไหนก็แข็งแกร่งกว่าตระกูลเฉินในปัจจุบันทั้งนั้น!”
หลีจื๋อจ้องไปที่ผู้นำตระกูลของพันธมิตรและกล่าว
เฉินซิงไห่ไม่ได้หยุดหลีจื๋อที่ไปเกลี้ยกล่อม เขาเพียงแค่มองอย่างมั่นใจและไม่กลัว มองไปที่สมาชิกของตระกูลพันธมิตรด้วยท่าทางขี้เล่น
ยิ่งเขาสงบมากเท่าไร สมาชิกในตระกูลพันธมิตรก็จะยิ่งประหม่ามากขึ้นเท่านั้น
ไม่ว่าหลีจื๋อจะโน้มน้าวใจอย่างไร สมาชิกในตระกูลพันธมิตรก็ไม่แสดงความคิดเห็น
หลีจื๋อกัดฟันด้วยความโกรธ “เฉินซิงไห่ ถ้าคุณเป็นผู้ชาย ก็ปล่อยเราไปก่อน เรามาต่อสู้กันอย่างยุติธรรม คุณวางกับดักและขังเราไว้ที่นี่ มันใช่เหรอ?”
เฉินซิงไห่ยิ้มและกล่าวว่า “พวกคุณเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับตระกูลเฉินแล้วไม่ใช่หรือ? เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมก็ไม่ทำให้พวกคุณลำบากใจ ตอนนี้พวกคุณโทรเรียกคนของพวกคุณมา เรียกกองกำลังทั้งหมดที่สามารถมาสู้กับตระกูลเฉินได้มาได้เลย”
หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินซิงไห่ สมาชิกของตระกูลพันธมิตรต่างก็ตกตะลึง
หลีจื๋อก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน “คุณพูดจริงหรือ?”
“คุณคิดว่าผมล้อเล่นเหรอ?”
เฉินซิงไห่ถามด้วยรอยยิ้ม
หลีจื๋อจึงเข้าใจว่า เฉินซิงไห่ให้เขาโทรเรียกคนของเขาจริงๆ
ในตอนนั้น แม้แต่เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ความนิ่งของเฉินซิงไห่ ทำให้เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย
หากพันธมิตรทั้งห้าตระกูลเรียกผู้ที่เก่งกาจของพวกเขามาจริงๆ แม้แต่แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูก็คงรับมือไม่ไหวใช่ไหม?
เฉินไห่ซิงเป็นเพียงตระกูลที่เพิ่งเข้ามาแทนที่ตระกูลไช่ แล้วเขาจะสามารถทำในสิ่งที่แม้แต่แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูก็ไม่สามารถทำได้เหรอ?
“พวกคุณสามารถโทรหาคนของพวกคุณได้ แต่ว่าพวกคุณต้องคิดให้ชัดเจน หากแสดงความเห็นตอนนี้ว่า พวกคุณเต็มใจที่จะมอบทรัพย์สินของตระกูลครึ่งหนึ่ง พวกคุณยังสามารถรักษาความแข็งแกร่งของตระกูลไว้ครึ่งหนึ่งได้”
เฉินซิงไห่กล่าวอย่างกะทันหันอีกว่า “แต่เมื่อพวกคุณโทรเรียกคนของพวกคุณมา เราก็จะเป็นศัตรูกัน ศัตรูที่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไปข้างหนึ่ง ไม่ก็พวกคุณร่วมมือกันทำลายล้างตระกูลเฉิน หรือไม่ก็เราทำลายล้างพันธมิตรของพวกคุณ”
“ตอนนี้ผมให้สิทธิ์พวกคุณเลือก พวกคุณคิดดีๆแล้วค่อยตัดสินใจ ผมจะให้เวลาพวกคุณครึ่งชั่วโมงในการโทรเรียกคนของพวกคุณ!”
หลังจากนั้น เฉินซิงไห่ก็ลุกขึ้นทันทีและจากไปโดยตรงกับกวนเจิ้งซานและคนอื่นๆ
เพียงแต่ว่า ผู้เก่งกาจหลายร้อยคนของตระกูลเฉินได้ล้อมรอบห้องจัดเลี้ยง ตอนนี้ พวกเขาทำได้เพียงโทรเรียกคนของพวกเขามาเท่านั้น มันไม่มีทางที่จะจากไปจากที่นี่เลย
ทันทีที่เฉินซิงไห่และคนอื่นๆออกไป คนในพันธมิตรก็รู้สึกกดดันมากขึ้น
“นายท่านตระกูลหลี ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เกรงว่าตระกูลเฉินน่าจะจะมีความสามารถในการจัดการกับห้าตระกูลของเราในเวลาเดียวกัน มิฉะนั้น เขาจะยอมให้เราโทรเรียกคนมาได้อย่างไร?”
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ดูเหมือนว่า เราทุกคนประเมินตระกูลเฉินต่ำไป”
“ใช่ ตระกูลไช่ถูกแทนที่โดยตระกูลเฉินในชั่วข้ามคืน แม้แต่ตระกูลหนึ่งในแปดของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ก็ทำแบบนี้ไม่ได้มั้ง?”
“หากเป็นเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของตระกูลเฉินนั้น น่าจะสูงกว่าแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูใช่ไหม?”
นอกจากหลีจื๋อแล้ว สี่ตระกูลที่เหลือต่างตกตะลึง
“ไม่งั้นก็เราตอบตกลงที่จะมอบทรัพย์สินของตระกูลครึ่งหนึ่งดีไหม? อย่างน้อย เราก็ยังสามารถรักษาตระกูลของเราไว้ได้”
ผู้นำคนหนึ่งก็พูดขึ้นในทันใด
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ผู้นำคนอื่นๆก็เริ่มหวั่นไหว แต่ไม่มีใครแสดงความคิดเห็น พวกเขาทั้งหมดมองไปที่หลีจื๋อ
ดวงตาของหลีจื๋อ เต็มไปด้วยความโกรธ และเขากัดฟันและพูดว่า “ผมจะบอกพวกคุณอย่างชัดเจนว่าวันนี้กับตระกูลเฉิน ตระกูลหลีของผม จะขอสู้กับตระกูลเฉินให้ถึงที่สุด ส่วนพวกคุณ จะยอมสู้กับตระกูลหลีหรือไม่ ก็แล้วแต่พวกคุณ ผมจะไม่บังคับพวกคุณ”
“เพียงแต่ว่า พวกคุณควรคิดให้ดีนะ ใครเป็นคนเลือกถอนตัวจากตระกูลพันธมิตร แล้วเมื่อตระกูลพันธมิตรทำลายล้างตระกูลเฉิน รายต่อไปก็จะเป็นตระกูลของคุณ!”
หลีจื๋อบอกว่าเขาจะไม่ขัดขวางการเลือกของทั้งห้าตระกูล แต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการข่มขู่
ไม่ว่าในกรณีใด ตระกูลหลีเป็นตระกูลที่มีความแข็งแกร่งรองจากตระกูลไช่เท่านั้น หลังจากที่ตระกูลไช่ถูกแทนที่โดยตระกูลเฉิน หลายคนเชื่อว่าตระกูลหลีเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู
เป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่หลีจื๋อสามารถสร้างพันธมิตรห้าตระกูลได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ว่า ตระกูลพันธมิตรทั้งห้าได้ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลาไม่นาน และตอนนี้กำลังเผชิญกับจุดจบที่จะพังทลาย
“นายท่านตระกูลหลีท่านพูดอย่างนั้นแล้ว ท่านยังบอกว่าไม่บังคับเรา?”
ผู้นำตระกูลที่บอกว่าเขาต้องการยอมจำนนก่อนหน้านี้ ตอนนี้พูดอย่างช่วยไม่ได้
“พันธมิตรทั้งห้าตระกูลของเราเพื่อตระกูลเฉิน เดิมทีพื้นฐานมาจากเป้าหมายของการร่วมกันต่อต้านศัตรู ในเวลานี้ การถอนตัวออกของตระกูลใดก็ตาม มันจะทำให้ความแข็งแกร่งของพันธมิตรเราอ่อนแอลงเท่านั้น”
“ดูจากมุมมองอื่น การถอนตัวคือการยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของพันธมิตร พวกคุณทั้งหมดจะทำลายพันธมิตรทั้งห้าตระกูลของเรากับตระกูลเฉินแล้ว ยังไม่อนุญาตให้เราทำลายตระกูลเฉินเสร็จแล้วทำลายตระกูลของคุณหรือ?”
หลีจื๋อพูดอย่างเสียดสี “เอาล่ะ ผมก็จะไม่พูดเรื่องไร้สาระที่ไม่จำเป็นละ จะเลือกอย่างไร พวกคุณตัดสินใจเอาเอง ผมจะโทรเรียกคนของผมแล้ว!”
หลังจากพูดจบ หลีจื๋อ ก็เริ่มโทรหาคนของเขา
ผู้นำอีกสี่คนที่เหลือต่างก็ตัดสินใจไม่ถูก
ในเวลาเดียวกัน เฉินซิงไห่และคนอื่นๆก็กลับไปที่ห้องรับแขกผู้มีเกียรติ
“ผู้นำเฉิน คิดไม่ถึงว่าไม่ได้เจอกันไม่กี่เดือน คุณก็กล้าหาญขนาดนี้ ไม่พอใจ คุณก็จะยึดครองทรัพย์สินของทั้งห้าตระกูลแบบดื้อๆ”
กวนเจิ้งซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หานเซี่ยวเทียนก็กล่าวว่า “ผู้นำเฉินเปลี่ยนไปมากจริงๆ มีสไตล์ของยักษ์ใหญ่จริงๆ”
เฉินซิงไห่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และส่ายหัว “อย่าล้อเลียนผมเลย ต่อหน้าคุณหยาง ผมจะกล้าถูกเรียกว่ายักษ์ใหญ่ได้อย่างไร? วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตระกูลเฉินมี ก็เพราะพึ่งพาหยางทั้งนั้น”
หยางเฉินเหลือบมองไปที่เฉินซิงไห่ และกล่าวด้วยความชื่นชมว่า”ผู้นำเฉินอ่อนน้อมถ่อมตนเกินไปแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะคุณอายุมากแล้ว ผมไม่อยากให้คุณออกจากตำแหน่งจริงๆ”
เฉินซิงไห่กล่าวอย่างรวดเร็ว “ขอเพียงคุณหยางต้องการให้ผมช่วย สั่งผมได้เลย!”
หยางเฉินยิ้มและส่ายหัว“พอเถอะ คุณทำงานให้ตระกูลเฉินมาทั้งชีวิต และถึงเวลาที่คุณจะมีความสุขในวัยชราแล้ว”
“ผู้นำเฉินนั้นเก่งจริงๆ นี่ตั้งใจที่จะยึดครองครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินของตระกูลทั้งห้าโดยปราศจากทหารเพียงคนเดียว” หานเซี่ยวเทียนกล่าว
กวนเจิ้งซานก็กล่าวอีกว่า”ผมว่า ยกเว้นตระกูลหลีจะไม่ยอม อีกสี่ตระกูลน่าจะยอมจำนน”
พวกเขาพูดโดนประเด็น นี่เป็นเหตุผลที่หยางเฉินชื่นชมในตัวเฉินซิงไห่
ในตอนแรก ให้ผู้นำทั้งห้าห้านาทีในการคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ได้ก่อให้เกิดแรงกดดันอย่างมากต่อพวกเขาแล้ว
หลังจากนั้น ให้เวลาพวกเขาอีกครึ่งชั่วโมงในการโทรเรียกคนของพวกเขา ดูแล้วเหมือนว่าเฉินซิงไห่มั่นใจและไม่กลัว เหมือนจะมีความสามารถในการจัดการพันธมิตรทั้งห้าตระกูลได้ในเวลาเดียวกัน
แต่ในความเป็นจริง ถ้าหยางเฉินไม่ปรากฏตัว นับประสาอะไรที่ตระกูลเฉินจะสามารถจัดการกับห้าตระกูลในเวลาเดียวกัน แม้แต่ตระกูลที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาห้าตระกูลก็อาจสู้ไม่ไหว
เฉินซิงไห่ นี่กำลังทำสงครามทางความคิด เมื่อเขาทำสำเร็จ ตระกูลเฉินก็จะกลายเป็นตระกูลร่ำรวยที่สุดในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู