The king of War - บทที่ 729 พ่อของฉันมาแล้ว
หลีจื้อขุยชำเลืองมองหยางเฉินเขาอีกครั้ง แล้วพูดกับภรรยาว่า “ผมคิดว่าพ่อน่าจะจำคนผิด เขาต้องคิดว่าไอ้หนุ่มนี่เป็นคนใหญ่โตที่เขารู้จักแน่”
“เหลวไหล! ต้องจำคนผิดแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะบอกให้พวกเราคุกเข่าขอความเมตตาได้ยังไง?” แม่เสี่ยวจวินกล่าว
“ไอ้หนุ่ม ฉันถามพ่อแล้ว เขาบอกว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ถือว่าแกรู้จักเอาตัวรอด”
หลีจื้อขุยพูดด้วยสีหน้าจองหอง “เงินของแกถือได้ว่าเป็นค่าชดเชยสำหรับรถของเมียฉันเท่านั้น แต่พ่อตาของแกทำร้ายเมียกับลูกชายของฉัน เรื่องนี้แกวางแผนจะชดใช้ยังไง?”
“คุณอยากให้ชดใช้ยังไงล่ะ?”
หยางเฉินถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
หลีจื้อขุยยังไม่ทันได้อ้าปาก แม่เสี่ยวจวินก็บอกว่า “จ่ายชดเชยความเสียหายทางจิตใจอีกหนึ่งพันล้าน แล้วเราจะปล่อยแกไปเดี๋ยวนี้เลย”
หยางเฉินหัวเราะขึ้นมาทันที “เมื่อกี้ตอนที่พวกคุณขอหนึ่งพันล้านก็บอกอย่างนี้ ยังมีค่าชดเชยความเสียหายทางจิตใจอีกเหรอ?”
“สิ่งที่พวกเราต้องการคือเงินจากแก แต่แกดันโอนเงินไปที่บัญชีของตระกูลหลี พวกเราเอาเงินก้อนนี้มาไม่ได้เลยไม่นับ!”
แม่เสี่ยวจวินพูดด้วยสีหน้าโลภโมโทสัน
ในความคิดของเธอ ที่หยางเฉินโอนเงินหนึ่งพันล้านไปที่บัญชีของตระกูลหลีง่ายดายเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะหวาดกลัวชื่อเสียงของตระกูลหลี
ในเมื่อหยางเฉินสามารถจ่ายเงินหนึ่งพันล้านได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ก็ย่อมไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง จะรีดไถอีกสักพันล้านก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
หลีจื้อขุยก็มีความคิดแบบเดียวกัน เขายิ้มร่าและพูดว่า “ไอ้หนุ่ม แกได้ยินที่เมียของฉันพูดแล้วใช่ไหม? จ่ายชดเชยมาหนึ่งพันล้าน เรื่องก่อนหน้านี้ถือว่าเจ๊ากันไป!”
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างตกตะลึงไปในเวลานี้
แต่หลายคนล้วนตกใจกับความไร้ยางอายของหลีจื้อขุยและแม่เสี่ยวจวิน
แต่ติดอยู่ที่สถานะของตระกูลหลีในเมืองเยี่ยนตู จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ตอนแรกยังนึกว่าหยางเฉินจะโอนเงินอีกหนึ่งพันล้านให้กับหลีจื้อขุยและแม่เสี่ยวจวินแต่โดยดี แต่จู่ๆ ก็เห็นหยางเฉินส่ายหน้า “ในสายตาของผม แค่หนึ่งพันล้านก็เพียงพอแล้ว ไม่มีมากกว่านี้อีกแล้ว!”
“ในเมื่อแกไม่ยอมจ่ายชดใช้ งั้นก็รอดูแล้วกัน พ่อฉันกำลังเดินทางมาที่นี่แล้ว เขาไม่ใช่คนที่เจรจาอะไรง่ายๆ พอเขามาแล้ว ถ้าแกยังไม่ชดใช้ สงสัยว่าแกจะไม่ทันได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ”
หลีจื้อขุยพูดด้วยสีหน้าข่มขู่
หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อคุณต้องการเล่นกับผม งั้นผมก็จะเล่นกับคุณอย่างเต็มที่!”
พูดจบหยางเฉินก็โทรออกไป “พาคนมาหาผมที่สวนหย่อมภายในสิบนาที”
“ไอ้หนุ่มหนู แกยังกล้าเรียกคนมาอีกเหรอ? ดี! ดีมาก! ฉันอยากจะดูว่าแกจะเรียกใครมาได้บ้าง”
หลีจื้อขุยกล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ไม่รู้เลยตัวเองกำลังจะเผชิญกับอะไร
ในเวลาสั้นๆ เพียงสิบนาที เสียงคำรามของเครื่องยนต์ก็ดังขึ้น รถอาวดี้สีดำหลายสิบคันห้อตะบึงเข้ามา
“ไอ้หนู ฉันจะบอกแกให้ แกจบเห่แล้ว แกเดือดร้อนแน่!”
แม่เสี่ยวจวินพูดเยาะเย้ย
หลีจื้อขุยก็ยิ้มกล่าวว่า “ต่อไป ฉันจะทำให้แกได้เรียนรู้ว่า ผลของการยั่วยุตระกูลหลีของเราเป็นยังไง”
แต่ทว่า ทันทีที่เขาพูดจบ ชายร่างกำยำก็ทยอยลงมาจากรถทีละคน
เมื่อมองออกไปก็เห็นผู้คนมืดฟ้ามัวดิน อย่างน้อยก็ร้อยคน
ชายฉกรรจ์ที่นำหน้ายังหนุ่มมาก อายุแค่ 25-26 ปี แต่ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ควรไปยุ่งด้วย
“พ่อฉันมาด้วยไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมีแต่พวกนาย?”
หลีจื้อขุยมองไปที่ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้า พลางขมวดคิ้วถาม
แต่ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าไม่แม้แต่จะมองเขา พาคนร้อยคนเดินตรงเข้าไปหาหยางเฉินแล้วพูดว่า “พี่เฉิน ผมพาคนมาหนึ่งร้อยคน พอไหมครับ?”
หยางเฉินพยักหน้า “พอแล้ว!”
เปรี้ยง!
ในเวลานี้ ทุกคนในที่นี้ล้วนตกตะลึง!
ทุกคนถึงตระหนักได้ว่าชายฉกรรจ์หนึ่งร้อยคนนี้ไม่ได้มาจากตระกูลหลี แต่หยางเฉินเป็นคนเรียกมา
หลีจื้อขุยและแม่เสี่ยวจวินก็ตกใจอย่างถึงขีดสุด
“นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
หลีจื้อขุยพูดด้วยสีหน้ามึนงง
“ทุบรถสองคันนั้นให้ผมก่อน!”
ทันใดนั้นหยางเฉินก็ชี้ไปที่รถโรลส์-รอยซ์สองคันที่จอดอยู่ไม่ไกลพร้อมกับกล่าวขึ้น
“ครับผม!”
หม่าชาวรับคำแล้วโบกมือสั่งการ “ทุบมัน!”
ทันทีที่ออกคำสั่ง ชายฉกรรจ์ร้อยคนก็พุ่งตรงไปที่รถโรลส์-รอยซ์ของหลีจื้อขุยและแม่เสี่ยวจวิน ก่อนจะทุบมันด้วยมือของพวกเขา
“ไอ้สารเลว! หยุดนะ! พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้นะ! นี่คือรถของฉัน พวกแกทุบไม่ได้!”
เมื่อเห็นรถสุดที่รักของตัวเองโดนทุบ แม่เสี่ยวจวินก็ตะโกนร้องเอะอะด้วยความร้อนใจทันที
ไม่ใช่แค่รถแม่เสี่ยวจวิน แต่รถของหลีจื้อขุยก็โดนทุบด้วย
ผู้คนที่รายล้อมอยู่ต่างมีสีหน้าตกตะลึง รถสองคันนี้เป็นรถโรลส์-รอยซ์มูลค่านับสิบล้าน! ปล่อยให้ทุบอย่างนี้เหรอ?
“ไอ้สารเลว! แกต้องชดใช้รถของพวกเรา! แกต้องชดใช้รถของพวกเรา!”
แม่เสี่ยวจวินพุ่งตรงไปหาหยางเฉิน
“พลั่ก!”
เธอยังไม่ทันพุ่งเข้ามาถึงก็ถูกหม่าชาวถีบกระเด็นออกไป
หยางเฉินมองลงมาที่แม่เสี่ยวจวินพลางพูดเยาะเย้ย “ผมเพิ่งโอนเงินหนึ่งพันล้านให้กับตระกูลหลีไม่ใช่เหรอ? รถสองคันนี้มันเป็นของผมแล้ว ผมทุบรถของตัวเองเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล่ะ?”
แม่เสี่ยวจวินถึงกับตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงและตระหนักได้ว่า หยางเฉินเพิ่งถูกพวกเธอรีดไถไปหนึ่งพันล้าน
แต่เธอนั้นไม่ได้ตั้งใจจะมอบรถสองคันนี้ให้หยางเฉินเลย!
เดิมทีแค่ตุ๊กตาทองถูกแกะพัง เธอใช้เงินเพียง 230,000 หยวนก็ได้ตัวใหม่แล้ว
แต่ตอนนี้รถโรลส์-รอยซ์มูลค่านับสิบล้านถูกทุบพังอย่างสมบูรณ์
“ไอ้หนุ่ม แกกล้าดียังไงมาแตะต้องผู้หญิงของฉัน แกอยากตายเหรอ?”
หลีจื้อขุยตรงปรี่เข้ามา สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
แต่ทันทีที่เขาพูดจบ รถโรลส์-รอยซ์รุ่นตัวถังยาวพิเศษก็จอดลงอย่างกะทันหัน
ทันใดนั้นดวงตาของหลีจื้อขุยก็เป็นประกายขึ้นมาทันที พูดด้วยสีหน้าจองหอง “ไอ้หนุ่ม พ่อของฉันมาถึงแล้ว ถึงคราวแกแล้ว!”
เป็นหลีเจ๋อตามที่คาดไว้ เขาก้าวลงจากรถโรลส์-รอยซ์รุ่นตัวถังยาวพิเศษตามลำพัง
“เป็นหลีเจ๋อ เจ้าบ้านตระกูลหลีจริงๆ!”
“สงสัยพ่อหนุ่มคนนี้จะเดือดร้อนแน่ๆ ปัจจุบันนี้ตระกูลหลีกำลังรุ่งโรจน์ หลังจากที่ตระกูลไช่ถูกตระกูลเฉินเข้าแทนที่ ตระกูลหลีก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นตระกูลทรงอิทธิพลที่สุดในบรรดาแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู”
“ว่ากันว่าตระกูลหลีได้ร่วมมือกับอีกสี่ตระกูลจัดตั้งเป็นพันธมิตรห้าตระกูล โดยมีหลีเจ๋อเป็นผู้นำของพันธมิตร”
ผู้คนที่รายล้อมอยู่ต่างมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้เห็นหลีเจ๋อ พากันซุบซิบพูดคุยกัน
ทั้งหลีจื้อขุยและเสี่ยวจวินต่างพากันดีใจ แม่เสี่ยวจวินพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เมื่อกี้นี้ยังจองหองอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ทำต่อไปสิ!”
“เขากลัวจนฉี่ราดแล้ว ยังจะกล้าทำต่ออีกเหรอ! ตอนนี้ตระกูลหลีของเราเป็นตระกูลทรงอิทธิพลที่สุดในบรรดาแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู พ่อของผมมีฐานะเป็นเจ้าบ้านของตระกูลหลี ใครจะกล้าล่วงเกิน?”
หลีจื้อขุยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
แต่สีหน้าของหยางเฉินกลับมองไปที่หลีจื้อขุยอย่างยั่วเย้าแล้วพูดว่า “แล้วถ้าเกิด พ่อของคุณมาเพื่อจัดการคุณล่ะ?”
“ไอ้หนุ่ม จนถึงป่านนี้แล้ว แกยังจะกล้าเล่นละครต่อหน้าฉันอีกเหรอ?”
หลีจื้อขุยพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย คุกเข่าลงขอร้องฉันเดี๋ยวนี้ บางทีแกอาจจะยังมีทางรอดอยู่!”