The king of War - บทที่ 732 การต่อสู้แย่งชิงของตระกูลหลี
หลีเจ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟันและพูดว่า “ตกลง ผมรับปากคุณ!”
พูดจบเขาก็กดโทรศัพท์ออกไป “โอนเงินให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปหนึ่งหมื่นหนึ่งพันล้านเดี๋ยวนี้!”
เขาไม่ลืมว่าในบัญชีของตระกูลหลียังมีเงินอีกหนึ่งพันล้านที่หลีจื้อขุยไปรีดไถมาจากหยางเฉิน
ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายพูดอะไร หลีเจ๋อถึงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “ฉันสั่งว่าไงแกก็ทำตามนั้น จะมาพูดจาไร้สาระทำไม?”
เห็นได้ชัดว่า คนของตระกูลหลีไม่เห็นด้วยกับเขาอย่างมาก
เพราะตอนเที่ยงทรัพย์สินของตระกูลหลีครึ่งหนึ่งก็เพิ่งถูกโอนไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเปล่าๆ และตอนนี้ยังต้องโอนให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปอีกหนึ่งหมื่นล้าน
ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที หยางเฉินก็ได้รับโทรศัพท์ “ท่านประธาน ตระกูลหลีได้โอนเงินเข้ามาในบัญชีจำนวนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันล้านเรียบร้อยแล้ว”
“โอเค!”
หยางเฉินไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายใดๆ หลังจากวางสายก็มองไปทางหลีเจ๋อและพูดว่า “พวกคุณไปได้แล้ว!”
หลีเจ๋อข่มความโกรธไว้ แล้วพาคนในครอบครัวของเขาออกไป
“พี่เฉิน จะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้จริงๆ เหรอ?”
หม่าชาวพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ยังไงผมก็คิดว่าตระกูลหลีคือหายนะ!”
หยางเฉินกล่าวอย่างเย็นชา “ส่งคนไปจับตาดูไว้ ถ้าตระกูลหลีรนหาที่ตาย ก็ปล่อยให้เขาสมหวัง!”
“ครับผม!”
หม่าชาวไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ว่าแต่ว่า คุณไม่ไปตงหลันแล้วเหรอ?”
จู่ๆ หยางเฉินก็ถามขึ้น
เมื่อตอนเที่ยงหยางเฉินได้พบกับหม่าชาว หม่าชาวบอกว่าเขาจะบินไปที่เมืองตงหลันตอนบ่ายเพื่อสั่งสอนบทเรียนให้ตระกูลเซว
หม่าชาวพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ผมไปถึงสนามบินแล้ว แต่จู่ๆ ก็ได้รับข่าวจากทางตงหลัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ตระกูลเซวก็ยอมทิ้งตงหลันและหนันหยัง ออกไปตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว”
“เอ๊ะ?”
หยางเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ตระกูลเซวหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเอาสามเมืองของชายแดนตะวันตกมาให้ได้ แต่เป็นเพราะหยางเฉิน ตระกูลเซวจึงต้องยอมปล่อยเจียงผิง และมุ่งความสนใจไปที่ตงหลันและหนันหยัง
แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ พวกเขายอมปล่อยแม้กระทั่งตงหลันและหนันหยัง
“ทำไมพวกเขาถึงยอมทิ้งล่ะ?” หยางเฉินถามด้วยความสงสัย
หม่าชาวส่ายหน้า “สายสืบทางนั้นบอกว่า ตระกูลเซวไปจากที่นั่นโดยไร้วี่แววใดๆ ว่ากันว่าเมื่อเช้านี้ ตระกูลเซวยังเกลี้ยกล่อมให้ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นนำหลายตระกูลในตงหลันให้ยอมจำนน แต่ตอนเที่ยงก็ทิ้งไปอย่างกะทันหัน”
“ช่วงนี้คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของตระกูลเซวให้ดี พวกเขากล้าส่งหน่วยกล้าตายมาโจมตีผม เกรงว่าจะไม่ยอมแพ้ง่ายดายแบบนี้”
หยางเฉินสั่งกำชับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หม่าชาวพยักหน้าและถามว่า “พี่เฉิน คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมที่หน่วยกล้าตายของตระกูลเซวยังไม่ได้กลับไป พวกเขาคาดว่าพี่เฉินจะสืบไปถึงตัวพวกเขา ดังนั้นจึงไปอย่างกะทันหัน?”
“มีความเป็นไปได้!”
หยางเฉินพยักหน้า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ส่งคนไปจับตาดูไว้ โดยเฉพาะเมืองเยี่ยนตู ถ้าคนของตระกูลเซวปรากฏตัวขึ้นให้รีบแจ้งผมทันที!”
“ครับผม!”
หม่าชาวรับคำสั่งทันที
ตระกูลเซวกล้าส่งหน่วยกล้าตายมาจัดการหยางเฉิน ก็ต้องสามารถส่งคนไปจัดการกับคนใกล้ชิดของหยางเฉินได้เช่นกัน
นั่นคือสิ่งที่หยางเฉินกังวลมากที่สุด
ทันทีที่หยางเฉินกลับมาถึงบ้าน เสี้ยวเสี้ยวก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของหยางเฉิน แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “พ่อคะ พ่อเอาชนะคนเลวได้หรือเปล่า?”
เมื่อหยางเฉินสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงจากลูกสาว เขาก็รู้สึกผิด พลางพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “พ่อเป็นซูเปอร์ฮีโร่ไร้เทียมทาน คนเลวถูกพ่อไล่ตีหนีไปแล้ว!”
“คุณพ่อสุดยอดไปเลย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อ เสี้ยวเสี้ยวก็เอ่ยอย่างมีความสุข “คุณพ่อเป็นซูเปอร์ฮีโร่ไร้เทียมทาน หนูก็คือหนูน้อยน่ารักไร้เทียมทาน!”
“ฮ่าฮ่า!”
หยางเฉินหัวเราะลั่น “ลูกสาวของพ่อเป็นหนูน้อยน่ารักไร้เทียมทาน!”
ฉินต้าหย่งก็คอยแต่เป็นห่วงหยางเฉิน พอเห็นหยางเฉินไม่ได้รับบาดเจ็บก็โล่งใจได้ในที่สุด
ตระกูลหลี ภายในห้องประชุมของตระกูล
หลีเจ๋อนั่งอยู่ในที่นั่งประธาน สมาชิกของตระกูลหลีนั่งล้อมรอบสี่ด้านของโต๊ะประชุม
ถัดจากหลีเจ๋อยังมีชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาค่อนข้างคล้ายเขา ในเวลานี้มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว
“ท่านเจ้าบ้าน คุณจะไม่ชี้แจงกับพวกเราหน่อยเหรอ?”
ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างเย็นชา “ภายในวันเดียว ตระกูลหลีได้สูญเสียทรัพย์สินไปครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อครู่นี้ก็สูญเสียไปอีกหนึ่งหมื่นล้าน เรื่องนี้ คุณในฐานะเจ้าบ้าน จำเป็นต้องชี้แจงกับพวกเรา”
ชายวัยกลางคนที่กล่าวนั้นไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหลีจื้อ ลูกพี่ลูกน้องของหลีเจ๋อ
ตระกูลหลีเป็นตระกูลเก่าแก่นับร้อยปี เป็นครอบครัวใหญ่ มีแบ่งพรรคแบ่งพวกหลายกลุ่ม
ในนั้นมีสองกลุ่มคือหลีเจ๋อและหลีจื้อที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และไม่มีใครสามารถสั่นคลอนสถานะของทั้งสองกลุ่มในตระกูลหลีได้
ในเวลานี้ ไม่ใช่แค่หลีจื้อเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายคนที่มีสีหน้าไม่พอใจ
“ท่านเจ้าบ้าน คุณต้องชี้แจงกับพวกเรา!”
หลังจากหลีจื้อเปิดหน้าออกมา ก็มีคนพูดตาม
สีหน้าของหลีเจ๋อบึ้งตึงจนถึงขีดสุด นับตั้งแต่เขามารับหน้าที่ดูแลตระกูลหลี นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้กลางที่ประชุมของตระกูล
“ผมได้ชี้แจงให้พวกคุณทราบอย่างชัดเจนดีแล้ว แม้แต่ผู้นำของตระกูลซุนหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูอย่างซุนซวี่ ยังต้องคุกเข่าอย่างไร้ศักดิ์ศรีให้กับหยางเฉิน แล้วนับประสาอะไรกับตระกูลหลีของเรา?”
หลีเจ๋อกวาดสายตามองทุกคนแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ในเมื่อสู้ไม่ได้ แล้วพวกคุณยังต้องการให้ชี้แจงอะไรอีก?”
“คุณนำพันธมิตรห้าตระกูลไปที่ตระกูลเฉิน ต้องการผนวกตระกูลเฉินเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตระกูลหลี แต่กลับถูกหยางเฉินยึดทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลไป พวกเรายังเข้าใจได้”
หลีจื้อกล่าวขึ้น “แต่ว่า เมื่อครู่คุณให้คนโอนเงินหนึ่งหมื่นล้านให้กับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป เรื่องนี้ คุณจะอธิบายยังไง?”
“ว่ากันว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลูกชายที่ไม่เอาถ่านของคุณ ท่านเจ้าบ้าน พวกเราไม่ได้พูดผิดใช่ไหม?”
หลีจื้อถามอย่างเย้ยหยัน
สีหน้าของหลีเจ๋อเย็นชาทันที “คุณตามสืบผมอยู่เหรอ?”
“พูดอะไรไม่น่าฟังเอาเสียเลย ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นในที่สาธารณะ ไม่จำเป็นต้องสืบหรอกมั้ง?”
หลีจื้อพูดอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน “ผมยังได้ยินมาอีกว่า ลูกชายและลูกสะใภ้ของคุณไปทำให้คนใหญ่โตขุ่นเคือง จึงทำให้ตระกูลหลีสูญเสียเงินจำนวนหนึ่งหมื่นล้าน ท่านเจ้าบ้านคงไม่ได้คิดจะปกป้องตัวการสำคัญที่ทำผิดใช่ไหม?”
“คุณต้องการอะไร?” หลีเจ๋อถาม
“คุณในฐานะเจ้าบ้าน ภายในวันเดียว คุณทำให้ตระกูลหลีสูญเสียไปอย่างมากมาย เรื่องนี้คุณต้องรับผิดชอบ”
หลีจื้อพูดด้วยแววตาเป็นประกาย “ผมต้องการให้คุณ สละตำแหน่งและเปิดทางให้ผู้มีความสามารถ!”
“นี่คุณกำลังบีบบังคับให้สละตำแหน่งอย่างนั้นเหรอ?”
หลีเจ๋อขมวดคิ้ว แต่มุมปากยังคงมีรอยยิ้มเยาะปรากฏอยู่
ในตระกูลหลี การที่หลีเจ๋อขึ้นเป็นเจ้าบ้านได้ ไม่ได้มาจากการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งภายในตระกูล
หลีจื้อยิ้มเยาะ “ถ้าคุณจะคิดว่าเป็นการบีบบังคับให้สละตำแหน่งก็ไม่เป็นไร คุณคงไม่คิดว่า หลังจากสูญเสียยอดฝีมือไป 50 คนแล้ว คุณยังมีคุณสมบัติแข่งขันกับผมอยู่หรอกนะ?”
“หลีเจ๋อ สละตำแหน่ง!”
“หลีเจ๋อ สละตำแหน่ง!”
…
สิ้นเสียงหลีจื้อ ทายาทสายตรงของตระกูลหลีหลายคนก็พากันเอ่ยขึ้น
ทุกคนมีเพียงจุดประสงค์เดียว นั่นคือหลีเจ๋อสละตำแหน่ง
“ปัง!”
หลีเจ๋อตบโต๊ะอย่างแรง ลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกคุณน่ะหรือที่ต้องการให้ผมสละตำแหน่ง? ผมคอยดูว่าใครจะกล้า?”
“หลีเจ๋อ คุณยังมองไม่เห็นกระแสในตอนนี้อีกเหรอ? ทุกคนต้องการให้คุณสละตำแหน่ง แล้วคุณจะยึดครองตำแหน่งเจ้าบ้านต่อไปได้ยังไง?”
หลีจื้อพูดจบก็ปรบมือ
ทันใดนั้น ชายร่างกำยำหลายสิบคนก็กรูกันเข้ามาในห้องประชุมของตระกูล
เมื่อหลีเจ๋อเห็นคนเหล่านี้ ก็หน้าถอดสีทันที เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่คนของตระกูลหลีเลย